จับตาเศรษฐกิจปี 65

เหลือเวลาอีกเพียงเดือนกว่า ปี 2564 ก็จะผ่านพ้นไป ต้องยอมรับว่าปีนี้ถือเป็นปีที่เศรษฐกิจมีความยากลำบากที่สุดนับย้อนไปกว่า 20 ปีตั้งแต่เกิดวิกฤตต้มยำกุ้งในปี 2540

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า วิกฤตโรคระบาดอย่างโควิด-19 ได้ส่งผลต่อวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ อาชีพการงานอย่างใหญ่หลวง ในปีนี้เราเจอการระบาดถึง 2 ระลอก ต้องปิดเมือง หยุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจไปหมด และจนถึงตอนนี้ก็ยังมีหลายอาชีพที่ยังไม่สามารถออกมาทำมาหากินได้ตามปกติ

แต่อย่างไรก็ดีในช่วง 2 เดือนสุดท้ายนี้บรรยากาศและเศรษฐกิจต่างๆ น่าจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น ทั้งจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดต่างๆ

รวมถึงการเปิดให้นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามาเที่ยวในไทยมากขึ้น ซึ่งเชื่อว่าจะส่งผลดีต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจในช่วงท้าย

โดยหลายฝ่ายประเมินกันว่า เศรษฐกิจในปี 64 จะโตอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 1% และจะเพิ่มขึ้นมากกว่านี้หากรัฐบาลมีการออกมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายเพิ่มเติม ซึ่งตอนนี้เอกชนโดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีกก็เฝ้ารอว่าปีนี้จะมีมาตรการช้อปช่วยชาติออกมาเพิ่มเติมหรือไม่

ส่วนทิศทางในปี 2565 นั้นหลายฝ่ายมองตรงกันว่า เศรษฐกิจไทย มีสิทธิ์ขยายตัวได้มากกว่าปีนี้ โดยล่าสุด อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.การคลัง ได้กล่าวในงานสัมมนาออนไลน์ WEALTH VIRTUAL FORUM ลงทุนอย่างไร...ให้รวย? ระบุว่า เศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะเติบโตได้ที่ระดับ 4% เป็นผลมาจากภาคการส่งออกที่ยังมีขีดความสามารถในการแข่งขัน รวมถึงนโยบายที่ชัดเจนของโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) รวมไปถึงเม็ดเงินจากภาครัฐที่จะเข้าสู่ระบบไม่น้อยกว่า 3.7-4 ล้านล้านบาท

ขณะที่ ทางสภาพัฒน์ก็ระบุแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2565 จีดีพีไทยจะขยายตัวในช่วง 3.5-4.5% ค่ากลาง 4% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก 1.การฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศและภาคการผลิตตามสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ที่มีแนวโน้มคลี่คลายลง และความคืบหน้าของการกระจายวัคซีน 2.การฟื้นตัวอย่างช้าๆ ของภาคท่องเที่ยวระหว่างประเทศภายใต้นโยบายการเปิดประเทศของภาครัฐ 3.การขยายตัวในเกณฑ์ดีของการส่งออกสินค้า 4.การขับเคลื่อนจากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ 5.ฐานการขยายตัวที่ยังอยู่ในระดับต่ำ

ด้านสถาบันเอกชน อย่าง ttb analytics เผยเศรษฐกิจไทยปี 2565 มีแนวโน้มขยายตัว 3.6% จากทุกองค์ประกอบที่มีแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจมากขึ้น โดยเฉพาะปัจจัยการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนที่ฟื้นตัวกลับมาได้เร็วใกล้เคียงช่วงก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 ส่วนการลงทุนภาครัฐยังขยายตัวเพิ่มขึ้น การส่งออกเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่การท่องเที่ยวทยอยฟื้นตัว และใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2 ปีในการกลับสู่ระดับปกติ

ทั้งนี้ประเมินปัจจัยการลงทุนภาครัฐ ก็จะเป็นพระเอกสำคัญสำหรับทิศทางการขยายตัวของปีหน้า เห็นได้จากเม็ดเงินที่มีมหาศาลถึง 3-4 ล้านล้านบาท ส่วนหนึ่งจะมาจากโครงการลงทุนในอีอีซี ทั้งโครงการรถไฟความเร็วสูง สนามบินอู่ตะเภา และท่าเรือแหลมฉบัง รวมถึงการสร้างอุตสาหกรรมใหม่ 12 อุตสาหกรรมซึ่งเกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์ ดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ และระบบอัตโนมัติต่างๆ จะเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย

แต่ถึงจะมีความหวังว่าเศรษฐกิจในปี 65 จะโต 3-4% ก็ยังต้องคำนึงถึงปัจจัยที่สำคัญมากอีกประการ คือ การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งยังถือเป็นตัวแปรสำคัญ เห็นบทเรียนได้จากประเทศในแถบยุโรปที่ขณะนี้โควิด-19 ได้กลับมาระบาดอย่างรุนแรงใหม่ และในบางประเทศก็มีความจำเป็นที่จะต้องกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง นี่คือความเสี่ยงที่เกิดขึ้นแน่ๆ และสิ่งนี้จะกลายเป็นต้นทุนด้านเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นไปอีก และเป็นตัวฉุดการเติบโตอย่างแน่นอน.

ลลิตเทพ ทรัพย์เมือง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แผนดันเศรษฐกิจไทยด้วยซอฟต์เพาเวอร์

ในช่วงปีที่ผ่านมา คนไทยมักจะได้ยินคำว่าซอฟต์เพาเวอร์ (Soft Power) อย่าหนาหู เพราะมีกระแสเกิดขึ้นมากมาย ทำให้ผลผลิต สินค้า ผลิตภัณฑ์ และบริการของไทยนั้นได้รับความนิยมมากขึ้น

ล้อมคอกแท็กซี่นอกรีต

ดูเหมือนว่าปัญหาแท็กซี่เอารัดเอาเปรียบผู้โดยสารจะกลับมาเป็นประเด็นร้อนแรงอีกครั้ง หลังจากโลกออนไลน์ได้มีการโพสต์ถึงพฤติกรรมแท็กซี่ไม่กดมิเตอร์-โก่งราคาผู้โดยสารชาวต่างชาติ หนักหนาสาหัสไปกว่านั้นคือไม่รับผู้โดยสารคนไทย ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นที่บริเวณอิมแพ็ค

ESGความยั่งยืนคือ“โอกาส”

ESG แนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืนกำลังได้รับความนิยมจากนักลงทุนทั่วโลกในปัจจุบัน และไม่ใช่แค่เทรนด์เท่านั้น เป็นแนวคิดระดับโลกที่ธุรกิจทุกขนาดจะต้องให้ความสำคัญ เพื่อให้โลกของเราอยู่ได้อย่างยั่งยืน และธุรกิจสามารถดำเนินต่อได้ในอนาคต โดยคำนึงถึงความรับผิดชอบ 3 ด้านหลัก

ยังต้องจับตาดูเศรษฐกิจรอบโลก

ดูเหมือนว่าจะยังมีหลายสถานการณ์เกี่ยวกับเศรษฐกิจที่ต้องเฝ้าจับตาดูในแต่ละประเทศ โดยเฉพาะทางฝั่งของสหรัฐ ที่เฟดเผยว่าอาจไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงมาก

การจัดตั้งรัฐบาลในม่านหมอก

ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับการเซ็น MOU ของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ซึ่ง MOU ฉบับนี้ถือเป็นข้อตกลงร่วมกันของรัฐบาลผสมที่นำโดยพรรคก้าวไกล โดยในเนื้อหาหลักของข้อตกลงนี้มีหลายประเด็น ทั้งในมิติด้านการเมือง เศรษฐกิจ การศึกษา สิ่งแวดล้อม และนโยบายด้านการต่างประเทศ