ปิดฉากไปแล้วสำหรับการประชุมรัฐสภาในการลงมติโหวตร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนที่ มีตัวตั้งตัวตีอย่าง “พริษฐ์ วัชรสินธุ” หรือไอติม หลานชายนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง จำนวน 135,247 คนเสนอ ที่ถูกสมาชิกรัฐสภาตีตกด้วยมติไม่รับหลักการ 473 เสียง รับหลักการ 206 เสียง และงดออกเสียง 6 เสียง เรียกว่า เดินตามรอยร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่ “จอน อึ๊งภากรณ์” ผู้อำนวยการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือไอลอว์ รวบรวมรายชื่อประชาชนจำนวน 98,041 คน ในห้วงเวลาเดียวกันปีที่แล้วเป๊ะๆ แต่ดูเหมือนร่างไอลอว์จะมีภาษีดีกว่า เพราะไม่รับหลักการเพียง 139 เสียง ขณะที่เสียงรับหลักการมีถึง 212 เสียง แต่ก็ต้องตกม้าตายจากผู้งดออกเสียง 369 เสียงนั่นแล ...๐
ที่เหมือนกันอีกประการหนึ่งก็คือ มีสภาสูง 3 รายที่โหวตเห็นด้วยกับร่าง “ระบอบปิยบุตร” นั่นคือ "เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์-มณเฑียร บุญตัน-พิศาล มาณวพัฒน์” ซึ่งทั้ง “เนาวรัตน์- พิศาล” ก็เคยโหวตหนุนร่างไอลอว์มาแล้ว ...๐
ไม่น่าแปลกใจที่เสียงไม่รับหลักการครั้งนี้จะสูงลิ่ว เพราะในร่างของไอลอว์นั้น แม้จะมีการล้มเลิก ส.ว.เหมือนกัน แต่เป็นการล้มเฉพาะ “สภาสูงลากตั้ง” ชุดนี้เท่านั้น แต่ในชุดความคิดของระบอบปิยบุตรนั้น เลิกระบบสภาสูงไปเลยให้เหลือเพียงสภาเดียว จึงทำให้เสียงไม่เอาด้วยท่วมท้น แล้วอีกประการหนึ่งก็คือการใช้สำนวนโวหารว่าด้วย “ไวรัสประยุทธ์” ของผู้นำเสนออย่าง “ไอติม” เอง ก็อาจเป็นจุดบอดที่ทำให้เสียงหดหายไปด้วย เพราะแทนที่จะพูดถึงข้อดีของการแก้ไข แต่กลับวิพากษ์วิจารณ์ลากโยงว่าเป็นวัคซีนเข็มแรกในการฆ่าไวรัสประยุทธ์ ซึ่งก็ ไม่แปลกที่ใครต่อใครย่อมคิดเตลิดไปไกลว่า หากอนุญาตให้ใช้วัคซีนเข็มแรกไปแล้ว เข็มที่สองและเข็มที่สามที่จะตามมานั้น จะไปโกโซบิ๊กขนาดไหน ...๐
ยิ่งดูเหตุผลของ “ไอติม” ว่าด้วยโรคร้ายที่เกิดจากไวรัสประยุทธ์ ที่มีทั้ง “โรคเศรษฐกิจอ่อนแอ-โรคเหลื่อมล้ำเรื้อรัง-โรคประชาธิปไตยหลอกลวง” ก็ยิ่งน่าคิดไปใหญ่ ว่ารัฐธรรมนูญที่ผ่านๆ มา โดยเฉพาะ รัฐธรรมนูญปี 2540 ที่มักถูกหยิบยกมาเสมอๆ ว่าเป็นประชาธิปไตยจ๋านั้น ก็ยังไม่เห็นจะจัดการโรคร้ายทั้ง 3 ได้แต่ประการใด ที่สำคัญยังทำให้เกิดเผด็จการรัฐสภา และผลประโยชน์ทับซ้อนแบบอื้อซ่ามโหฬาร ที่ทุกวันนี้อนาคตลูกหลานยังต้องใช้หนี้ใช้สินไม่หมดสิ้น แต่มีบางคนบางตระกูลกลับไปเสวยสุขอยู่ในต่างประเทศโดยไม่ต้องติดคุกแต่ประการใด ...๐
แล้วที่ขำเข้าไปอีกคือ การบอกให้รับหลักการไปก่อน แล้วจะไปแก้ไขในชั้นกรรมาธิการ แหม! คณะผู้เสนอและพรรคร่วมฝ่ายค้านที่มี พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำกลายร่างเป็น “ปลาทอง” กันหรืออย่างไร เพราะร่างรัฐธรรมนูญที่รอโปรดเกล้าฯ อยู่ขณะนี้นั้น ก็เคยเจอปัญหานี้มาแล้ว จน ทำให้ “ไพบูลย์ นิติตะวัน” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ต้องประชุมและถอดมาตราที่แก้ไขเกินการรับหลักการออกไปก่อนโหวตวาระ 3 มาแล้ว และผู้ท้วงติงก็มีทั้งพรรคร่วมรัฐบาลและพลพรรคฝ่ายค้านมิใช่หรือ แต่คราวนี้กลับมาบอกให้รับๆ กันไปก่อน ...๐
ยิ่งน่าสนใจเข้าไปอีกกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับระบอบปิยบุตร เมื่อ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกลบอกว่าเสียดายโอกาสทอง และ ยืนยันว่าจะนำเรื่องนี้ไปเป็นนโยบายของพรรค เพราะอยากบอกเจ้าของทฤษฎีกระดุม 5 เม็ดที่สวยหรูว่า ทำให้จริงนะจ๊ะ อย่าเก่งแค่การประดิษฐ์วาทกรรมสวยหรู เพราะอย่าลืมว่าตอนนี้ก็มีเรื่องของการแก้ไขมาตรา 112 ที่บอกว่าจะเป็นนโยบายหาเสียงแล้ว ก็พ่วงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญกันเข้าไปด้วยเลย ประชาชีเขาจะได้เลือกกันได้แบบไม่ตะขิดตะขวงใจ ไม่ใช่พอถึงเวลาจริงในปีหน้ากลับลำเสียเล่า ...๐
หันมาดู ข่าวที่น่าใจอย่าง “นพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ” อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 ศรีสะเกษ ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กันบ้าง แม้จะไม่ใช่บิ๊กเนมมากนัก แต่การลาออกจาก พปชร.เพื่อกลับถิ่นเก่าอย่างพรรคเพื่อไทย รวมทั้งอาจหอบหิ้วอดีต ส.ส.และ ส.ส.ที่เคยสวามิภักดิ์นายใหญ่แต่ต้องแตกฉานซ่านเซ็นในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมากลับรังเดิม ก็น่าจะเป็นสัญญาณที่ บอกได้ว่าครั้งนี้ “สัมภเวสีแม้ว” ค่อนข้างจะเอาจริง งานนี้ “ลุงป้อม-ลุงตู่” ที่คิดว่าจะเป็นเสือนอนกินตีพุงสบายใจ เพราะคิดว่ามี “สภาสูง” อยู่ในกำมือ อาจหัวทิ่มหัวตำได้นะจะบอกให้ ...๐
ท.ศักดิ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
น้ำลด การเมืองผุด! หลังเพลาไปช่วงมหาวิปโยคใต้ เวลานี้กลับมาร้อนฉ่าอีกรอบ ช่วงเย็นพุธที่ผ่านมา คล้อยหลัง "นายกฯ อนุทิน" แถลงโชว์ถอนรากสแกมเมอร์เขมรยึดทรัพย์หมื่นล้าน
บันทึกหน้า 4
ต้องยอมรับว่าแม้ “มหาอุทกภัยในภาคใต้” เริ่มคลี่คลายเข้าสู่จุดการเยียวยา-ฟื้นฟูแล้วก็ตามที แต่ยอดผู้เสียชีวิตและความเสียหายก็ยังไม่นิ่งเสียทีเดียว แต่อย่างไรยอดผู้เสียชีวิตก็คงไม่ถึงพันศพตามที่ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” อดีต รอง ผบ.ตร. วาดหวังแน่ๆ แล้ว
บันทึกหน้า 4
หลังวิกฤตน้ำท่วม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คลี่คลาย น้ำตาก็ท่วมเมือง เมื่อชาวหาดใหญ่เห็นสภาพบ้านเรือนของตัวเองกลายเป็นซากปรักหักพัง ทรัพย์สินที่สร้างมาพังพาบไปกับกระแสน้ำแทบสิ้นเนื้อประดาตัว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมความร่วมมือ “รวมใจไทย ฟื้นแดนใต้” ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นแกนกลางในการประสานงานร่วมกับภาคเอกชนและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
ภายใต้วิกฤตหาดใหญ่ครั้งนี้ ผู้นำรัฐบาลอย่าง อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ถูกเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบ แม้ต้นตอของปัญหาไม่ได้มาจากเขาคนเดียว
บันทึกหน้า 4
ขึ้นต้นเดือนสุดท้ายของปี บรรยากาศสังคมไทยยังคงซึมๆ เศร้าๆ อยู่กับเหตุและเภทภัยที่พี่น้องชาวใต้กำลังเผชิญ "น้ำลดตอผุด" ถูกขุดขึ้นมาเป็นรายวัน เหมือนมีใครบางคนกำลังช่วงชิงสถานการณ์หวัง "ตีกิน" สร้างดรามา แต่งคอนเทนต์ไล่ล่าเอาคะแนนนิยมคืนจากรัฐบาลที่นำโดยพรรคภูมิใจไทย
บันทึกหน้า 4
น้ำใจไทยไม่เคยเหือดแห้ง ถนนทุกสายจากทั่วประเทศมุ่งสู่ใต้ โดยเฉพาะ "มหาวิปโยคหาดใหญ่" ไม่ใช่แค่ทั้งเมืองจมบาดาล ทรัพย์สินเสียหาย แต่รวมถึงชีวิตที่ประเมินค่าไม่ได้ ซึ่งมีการอัปเดตตัวเลขช่วงเย็น 27 พ.ย.



