ขณะที่ท่านกำลังอ่านแม่หมอสมัครเล่นตอนนี้ ผู้เขียนกำลังท่องประเทศสเปนอยู่ โดยจะอธิบายเรื่องความสำคัญของลัคนาที่ได้ย้ำนักย้ำหนาว่าคำทำนายที่ออกมานั้นทำนายตามลัคนาเท่านั้น
การทำนายทายทักดวงชะตานั้น มีหลักให้ใช้ได้หลายอย่างสุดแท้แต่ใครจะเลือกใช้ เช่นทำนายตามวันเกิด หรือเดือนเกิด หรือลายมือ หรือไพ่ หรือโหงเฮ้ง หรือกระแสจิต ฯลฯ ขณะที่กลุ่มคนที่เรียนโหราศาสตร์รวมทั้งผู้เขียนด้วยจะทำนายตามลัคนาว่าสถิตราศีใดในท้องฟ้าที่มีทั้งหมดสิบสองราศีเป็นหลัก
ความหมายของลัคนา อธิบายได้ง่ายๆ(ที่ไม่ใช่ภาษาโหร) คือจุดสมมุติทางโหรวินาทีที่แต่ละคนลืมตาดูโลก หรือวินาทีที่ตกฟาก หรือหากฝ่าออกก็วินาทีร้องอุแว๊แรก แล้วเอา วัน เดือน ปี จังหวัด ประเทศเวลาตกฟาก (เวลาเกิด) มาคำนวณตามหลักของโหราศาสตร์ไทย วินาทีนั้นหากจุดสมมุติทางโหนอยู่ในราศีใดในบรรดาสิบสองราศีตั้งแต่เมษ-มีน ก็ถือเป็นคนลัคนาราศีนั้น
ฉะนั้นการหาลัคนาต้องมีเวลาเกิดที่แน่นอน ซึ่งนอกจากหาลัคนาแล้ว โหรก็จะคำนวณว่าวินาทีนั้นดาวต่างๆสถิตราศีใด ก็ได้จะเป็นแผนที่ชีวิตของพวกท่านเริ่มตั้งแต่เกิดไปจนถึงวันตาย ที่เรียกกันว่าพื้นดวงชะตาเดิม
การจะคำนวนหาลัคนาและตำแหน่งดาวต่างๆเพื่อให้ได้ดวงชะตาเดิมของแต่ละคนนั้น โหรสมัยก่อนทำได้ยากมาก แต่ละดวงชะตาอาจจะใช้เวลาคิดคำนวณกันเป็นเดือน ทำเสร็จแล้วเอาไว้ขึ้นหิ้งพระกราบไว้บูชาเพราะทำได้ยากมาก
ผิดจากสมัยนี้ที่วิทยาการก้าวหน้า เพียงไม่ถึงหนึ่งนาทีก็หาลัคนาและพื้นดวงชะตาเดิมของแต่ละท่านได้แล้ว เพียงมีสมาร์ทโฟนเครื่องเดี่ยวดังจะได้แนะนำต่อไป
อันว่าพื้นดวงชะตาเดิมนี้สำคัญนัก เพราะจะบอกระดับวาสนา-บุญ-กรรมของแต่ละคนแต่ละชีวิต แล้วตลอดชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไม่มีใครได้มากหรือน้อยไปกว่าพื้นดวงชะตาเดิม นั่นคือลัคนา-พื้นดวงชะตาเดิมเป็นเรื่องเฉพาะตัว บุคคลนั้นๆ
บางคนเกิดมาเพื่อเป็นนายกรัฐมนตรีก็ได้เป็น บางคนเกิดมาเป็นระดับรัฐมนตรีก็ได้เป็นเพียงนั้น
บางคนเกิดมาเป็นอธิบดี แต่บางคนก็เกิดมาเป็นแค่ซี.8อย่างผู้เขียน
อ.เทพย์ สาริกบุตร ครูโหรผู้ล่วงลับ ท่านเขียนไว้ในหนังสือโหราศาสตร์ปริทรรศน์ ภาค4 ภววินิจฉัย เล่าว่า ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่4 ซึ่งยกย่องพระองค์ว่าเป็นพระบิดาโหราศาสตร์ไทยยุคใหม่ เพราะขณะทรงผนวชอยู่นานทรงศึกษาโหราศาสตร์จนแตกฉาน
ขณะนั้นมีพระรูปหนึ่งที่ทรงคุ้นเคยมีพื้นดวงชะตาเดิมเหมือนพระองค์ทุกอย่าง ทั้งวัน-เดือน-ปี-เวลาตกฟากหรือเวลาเกิด
เมื่อพระองค์ได้ขึ้นครองราชย์เป็นรัชกาลที่4แห่งราชวงศ์จักรี พระรูปนั้นก็ได้เลื่อนสมณะศักดิ์ขึ้นป็นพระราชาคณะเป็นเจ้าอาวาสพระอารามหลวงในพระนคร
ต่อมามีโอกาสที่ทรงถามพระราชาคณะรูปนั้นว่าทำไมพระองค์ได้เป็นพระมหากษัตริย์ ขณะที่พระรูปนั้นได้เป็นพระราชาคณะ พระองค์ก็ได้รับคำตอบว่า เป็นเพราะพระองค์เปรียบได้กับต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นอยู่บนยอดเขาจึงเติบโตได้สูงกว่า ส่วนพระราชาคณะเหมือนไม้ใหญ่เกิดอยู่ตีนเขาต่อให้ใหญ่โตเพียงใดก็ไม่เท่าเทียมไม้ที่อยู่บนยอดเขาได้
ทรงถามต่อว่ามีนี้พระองค์ได้ช้างเผือก ท่านได้อะไร ก็ได้รับคำตอบว่าแมวเผือก
นั่นคือตัวเอย่างชัดๆว่า แม้พื้นจะดวงชะตาเหมือนกันลัคนาเหมือนกันแต่ก็มีความแตกต่างกันไปในแต่ละดวงชะตา ซึ่งก็เป็นหน้าที่โหรที่จะไขแผนที่ชีวิตให้รู้คร่าวๆ เพื่อที่แต่ละคนจะได้รู้ทางชีวิตของตัวเองส่วนดีก็หาทางเสริม ส่วนร้ายก็หาทางปิดหรือแก้
หรือหากเสริม-ปิดไม่ได้ก็จะได้ไม่แปลกใจเช่น
มีเรื่องเล่าจากโหรภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติว่ามีครูโหรท่านหนึ่ง ลูกชายให้ดูดวงชะตาหลานชายว่าจะให้เรียนอะไร ครูโหรท่านนั้นบอกว่า ให้มาเรียนโหราศาสตร์กับพ่อ จะได้เอาไปหากินในคุก ซึ่งในที่สุดหลานท่านก็ติดคุกแล้วได้ใช้วิชาโหราศาสตร์ช่วยจริงๆ
จึงไม่แปลกที่ โหรเก่งๆนั้นท่านรู้ลัคนาและพื้นดวงชะตาเดิมของคนแล้วรู้ไปถึงลีลาชีวิต-จุดจบของชีวิตตามคำกล่าวที่ว่า-รู้เวลาเกิด(ลัคนา) รู้เรื่องตายเลยทีเดียว
ยังมีต่อ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทำไมต้องด้อยค่าลุงตู่
ตลอด 8 ปีที่ลุงตู่ทำหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรี ฝ่ายตรงกันข้ามลุงตู่ก็สร้างวาทกรรมด้อยค่าลุงตู่มาตลอด
'โผผู้การ' ร้อน 'บิ๊กบี้' เอาจริง
รวดเร็วปานกามนิตหนุ่ม การแต่งตั้ง นายพัน นอกวาระประจำปี ตำแหน่ง สารวัตร (สว.) ถึง รองผู้บังคับการ (รอง ผบก.)
ผู้ที่เหลือรอดจากการ'แพ้-ชนะ'ของแต่ละฝ่าย
ไม่ว่าใครต่อใคร? ฝ่ายไหนต่อฝ่ายไหน? ประชาธิปไตย-ไม่ประชาธิปไตย? ก็เถอะ!!!...โอกาสที่จะอยู่ในฐานะ ผู้ที่เหลือรอด ภายในโลกยุคนี้ หรือในอนาคตอันใกล้ น่าจะไม่ถึงกับ ง่าย มากมายซักเท่าไหร่นัก
ผลของพฤหัสบดีจรย้ายจากมีนเข้าเดินในเมษต่อคนทุกลัคนาราศี(ตอนที่1)
พฤหัสบดีทางโหราศาสตร์ใช้ ๕ เป็นสัญลักษณ์(ดาวในดวงกำเนิดใช้เลขไทย) เป็นหัวหน้าดาวดี หรือศุภเคราะห์ดวงใหญ่ที่สุด มีคุณูประการมากคอยคุ้มครองทุกดวงชะตา
'มาตรฐาน'ที่ควรยึดมั่น!!!
ถ้าหากยังไม่ได้ถึงขั้น พระอรหันต์ ...ไม่ว่าใครๆ ก็เถอะ!!! ย่อมมิอาจเพอร์เฟกต์สเปกชั่นนิสต์ หรือย่อมมิอาจ สมบูรณ์แบบ ไปด้วยกันทั้งสิ้น ย่อมหลุดบ้าง เลอะบ้าง เข้ารก-เข้าพง ออกอ่าว-ออกทะเล ไปตามมี-ตามเกิด หรือตาม ธรรมชาติ
ยอมรับความจริง...พูดความจริงเป็นกันไหม
เวลานี้พรรคการเมืองต่างๆ ออกมาพูดจาปราศรัยหาเสียงกันครึกโครม มีทั้งพูดความจริง มีทั้งสร้างวาทกรรมบิดเบือนความจริง กล่าวคำเท็จ และขายฝันแตกต่างกันไป