บันทึกหน้า4

ต้องบอกว่าปี่กลองทางการเมืองเชิดฉิ่งกันแบบไม่มีกั๊กแล้ว  หลังจากกฎหมายลูก 2 ฉบับประกาศใช้ไปเมื่อช่วงปลายเดือนมกราคม ซึ่งกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดย “อิทธิพร บุญประคอง” ประธาน กกต.ก็ไวปานกามนิตหนุ่ม เมื่อใช้เวลาช่วงค่ำวันที่ 31 ม.ค.ต่อเช้าวันที่ 1 ก.พ. ออกประกาศ กกต.มา 2 ฉบับแล้ว ซึ่งประกอบไปด้วย ประกาศ กกต.เรื่อง การแบ่งเขตเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2566 และประกาศ กกต. เรื่อง จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งและเขตเลือกตั้งของแต่ละจังหวัดสำหรับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปครั้งแรกภายหลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1) ...๐

แต่ที่น่าสนใจคือ ทำไม “อิทธิพร” หรือแม้แต่ “แสวง บุญมี” เลขาธิการ กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองไม่ลงมาชี้แจงแถลงไขในเรื่องขั้นตอนการทำงาน รวมถึงการออกเอกสารข่าวอรรถาธิบายไทมไลน์เอง แต่ ดันส่ง “ปกรณ์ มหรรณพ” กกต. มาทำหน้าที่แทน หรือกลัวถูกขยี้ถูกบี้ในเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้ง 400 เขต รวมถึงการตั้งข้อสังเกตของ “สมชัย ศรีสุทธิยากร” ว่าด้วยการนับผู้ที่ไม่มีสัญชาติไทยเป็นราษฎรในการคำนวณเขตเลือกตั้งก็ไม่ทราบได้ ...๐

แม้ “ปกรณ์” จะให้เหตุผลว่า “การคิดจำนวนราษฎรต้องคิดรวมทั้งหมดไม่ว่าผู้นั้นจะมีสัญชาติไทยหรือไม่ หรือมีสิทธิเลือกตั้งหรือไม่ เพราะคนที่มีสัญชาติไทยก็ไม่ได้เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งทุกคน” และในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ก็ใช้มาแล้ว แต่ข้อท้วงติงของ “สมชัย” ก็มีนัยให้ตีความถกเถียงเช่นกันที่ระบุว่า “แม้ก่อนหน้านี้เคยทำแบบนี้กันมา แต่แบบเดิมก็อาจจะผิดพลาดก็ได้ เพราะไม่เคยมีใครออกมาทักท้วงว่าถูกหรือผิดอย่างไร” พร้อมทั้งทิ้งทุ่นให้น่าปริวิตกว่า “หากการเลือกตั้งเสร็จแล้ว และมีคนไปยื่นร้องภายหลังว่า กกต.ตีความหมายของคำว่าราษฎรผิด และแบ่งเขตเลือกตั้งผิด อาจส่งผลทำให้การเลือกตั้งเกิดปัญหาขึ้นได้ โดยเฉพาะจังหวัดที่มี ส.ส.เกิน และจังหวัดที่มี ส.ส.ขาด” ...๐

ทั้งนี้จังหวัดที่สุ่มเสี่ยงในกรณีดังกล่าวจากการนับราษฎร โดยรวมผู้ไม่มีสัญชาติไทยจะมี 6 จังหวัดที่จะได้รับผลกระทบ โดยจังหวัดที่มี ส.ส.เกิน คือ เชียงใหม่, ตาก และเชียงราย ส่วนจังหวัดที่มี ส.ส.ขาด คือ อุดรธานี, ลพบุรี และปัตตานี ที่ควรได้ ส.ส.เพิ่มอีกจังหวัดละ 1 คน …๐

พักเรื่องกฎหมายและการตีความไว้ก่อน หันมาดูการเมืองว่าด้วยความเคลื่อนไหวของ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหมกันบ้าง เพราะเล่นเอาเซอร์ไพรส์กันเลยทีเดียว เมื่อเจ้าตัวไปโผล่แฮปปี้เบิร์ธเดย์ให้ช่อง “ท็อปนิวส์” ของเจ๊ปอง-อัญชะลี ไพรีรัตน์ และกนก รัตน์วงศ์สกุล เป็นพิธีกรขาใหญ่ครบรอบ 2 ปี ซึ่งเจ้าตัวก็พูดเปิดใจว่ารัฐบาลมีผลงานจำนวนมาก และตั้งใจทำงานตลอดเวลา ไม่ใช่มาเร่งปั๊มผลงานในปีเลือกตั้ง แหม! แต่ชาวบ้านเขาก็ไม่เคยเห็น “ลุงตู่” ไปแฮปปี้เบิร์ธเดย์วันเกิดสื่อชนิดไหนเลยนี่จ๊ะ ...๐

ส่วนด้าน “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ นั้นก็ลงพื้นที่ถี่ยิบแบบไม่เกรงใจสังขารเลย โดยล่าสุดก็ลงพื้นที่ “นครปฐม” และ “ราชบุรี” โดยเฉพาะที่นครปฐม ถ้าไม่บอกเห็นแค่ภาพอย่างเดียวใครก็คงคิดว่าเป็นนายกฯ แน่นอน เพราะมีทั้งคนเฒ่าคนแก่กราบตักเอย หอมแก้ม กอดรัดฟัดเหวี่ยง ในขณะที่ “ราชบุรี” นั้น ขาใหญ่อย่าง “ปารีณา ไกรคุปต์” ก็ประกาศแล้วว่าจะรอต้อนรับ เพราะลุงป้อมเป็นที่รักในสามโลก แหม! เรียกว่าราศีผู้นำประเทศคนที่ 30 เริ่มฉายแววพอๆ กับน้องรักบูรพาพยัคฆ์แล้ว ...๐

หันมาดูการทำงานของสภา 3 วันหนี 4 วันล่มกันบ้าง ล่าสุดเรียกว่ายังไปได้ดี เพราะพรรคฝ่ายค้านเสนอญัตติด่วนด้วยวาจาว่าด้วยกรณี “ทานตะวัน ตัวตุลานนท์” หรือตะวัน และ “อรวรรณ ภู่พงศ์ หรือแบม” ผู้ต้องคดีมาตรา 112 ที่อดอาหารประท้วง ซึ่งองค์ประชุมยังอยู่กันครบไม่ล่มเหมือนกรณีการพิจารณากฎหมายเพื่อชาติบ้านเมืองแต่ประการใด ...๐

ต้องเรียกว่าแปลกแต่จริง พอ เรื่องการทำตัวห้อย-โหนขึ้นมา ทั่นผู้ทรงเกียรติก็อยู่กันหน้าสลอน แต่พอเรื่องทำเพื่อประโยชน์ของคนในชาติในการออกกฎบัตรกฎหมายกลับหายหัว  หรือบางคนอยู่แต่ทำตัวเป็นเงาหรือแมลงสาบที่ไม่แสดงตน แต่ที่ขำไม่ออกอย่างยิ่งคือ “ชลน่าน ศรีแก้ว” ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และยังสวมหมวกผู้นำฝ่ายค้านในสภาที่อภิปรายเป็นวรรคเป็นเวรพร้อมว่าเป็นเกมการสืบทอดอำนาจ! โดยมีคนชักใยอยู่เบื้องหลัง เพื่อให้เหตุการณ์นี้บานปลาย โดยไม่ยอมทำอะไรเลย ถือว่าอำมหิตมาก เอาชีวิตเด็กมาแลกกับการสืบทอดอำนาจต่อไป พิโธ่! คนชักใย คนปั่นหัวเด็กให้ทำผิดกฎหมาย ถ้า “หมอชลน่าน” หันซ้ายหันขวาก็น่าจะรู้มิใช่เหรอว่าใครที่ไหน หรือพอสวมหัวโขนผู้นำฝ่ายค้านในสภาเลยเกิดอาการเมาน้ำลาย บ้าไมค์จนลืมข้อเท็จจริง หรือจงใจลืมเพื่อหลอกด่ารัฐบาลและกระทบชิ่งใครต่อใคร ...๐

 

ท.ศักดิ์

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาในวันนี้ยังคงได้รับความสนใจอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเมื่อ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

บันทึกหน้า 4

การเมืองไทยในห้วงเวลานี้ยังคงเต็มไปด้วยภาพซ้ำที่สังคมเห็นจนชินตา พรรคการเมืองจำนวนไม่น้อยเริ่มต้นด้วยคำประกาศแข็งกร้าว ย้ำอุดมการณ์ ยืนยันว่าจะ “ไม่ถอย” ไม่ว่าจะเจอแรงต้านแบบใด

บันทึกหน้า 4

บันทึกจันทร์สุดท้ายของปี 2568 อีกไม่กี่เพลาก็จะขึ้นศักราชใหม่ 2569 ...ประเทศไทยจะก้าวไปทางไหน?!?.. ก็ขอบันทึกสะกิดเตือน @ บรรทัดนี้เลยว่า ใจเย็นๆ ค่อยๆ พินิจพิจารณา ประมวลข้อมูล ทบทวน ไตร่ตรองให้ละเอียดรอบคอบแล้วจึงค่อยตัดสินใจว่า เลือกตั้งใหม่ในเร็วๆ นี้ เราอยากได้ใครมาเป็น "ผู้นำ" พาชาติบ้านเมืองไปสู่ทิศทางที่เหมาะที่ควร!!

บันทึกหน้า 4

จาก "หนู" หนึ่งเดียว กลายเป็นสอง ก่อนหน้านี้ถามกันทุกวันถึง 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของภูมิใจไทย ในงานแถลงนโยบาย "พูดแล้วทำพลัส" เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ชัดเจนว่า "อนุทิน ชาญวีรกูล" ฉายเดี่ยว โฆษกพรรคย้ำแล้วย้ำอีก

บันทึกหน้า 4

สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายังคงคุกรุ่นอยู่ต่อเนื่องอย่างไม่มีที่ท่าว่าจะหยุดลงง่ายๆ แม้วันที่ 24 ธ.ค.2568 จะเป็นวันแรกในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ จีบีซี ในวาระพิเศษ

บันทึกหน้า 4

การสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชา ไทยยังเหนือกว่าทุกด้าน สมรภูมิตามแนวชายแดน ทหารกล้าของเราบุกยึดพื้นที่คืนกลับมาเกือบเบ็ดเสร็จ ในเวทีสากล นานาชาติก็เข้าใจสถานการณ์ดี