เที่ยววัดสุทัศน์..เจอพระเยซู!!

ตามประสาคนเวลาเหลือน้อย พรรคเพื่อน..ชักชวนไปท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณ "เยือนยล มนตรา มาตุคาม" ที่จัดโดยศูนย์ความรู้และประสานงานสุขภาวะทางปัญญา และศูนย์กิจการสร้างสุข SOOK Enterprise ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา มนุษย์ป้าก็รีบยกมือ..ไปด้วยคนทันที

เพราะเป็นทริปแรกของ spiritual Tourism ก็เลยต้องมีการบรรยายสรุปความกันสักหน่อยว่า การท่องเที่ยวแบบนี้ไม่ใช่ "ออกไปเที่ยวข้างนอก" แต่เป็นการ "กลับไปเที่ยวข้างใน" เหมือนย้อนเวลาหาอดีตเพื่อจะเรียนรู้ว่า แต่ละสถานที่ที่เราก้าวเข้าไปนั้น มีแนวคิดหรือกุศโลบายอย่างไรบ้างในการก่อกำเนิด หรือเจตนารมณ์ของบรรพบุรุษแต่โบราณกาลนั้นคืออะไร

"พี่ติ๋ม" สุภาพ ดีรัตนา อดีตลูกเรือการบินไทย ผู้มีความรู้สะสมมาจากประสบการณ์การทำงาน รวมทั้งสั่งสมจากการเป็นนิสิตอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ทำหน้าที่เป็นวิทยากรที่ชี้ให้เห็นถึง "มุม" ที่เราไม่เคยมองและไม่เคยเห็นมาก่อน

ยกตัวอย่างง่ายๆ (แต่มีเรื่องยากๆ อีกเยอะที่เพิ่มหยักสมองมากมาย) เวลาเราเดินเข้าไปวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร เราก็จะเดินไปยังวิหารเพื่อกราบสักการะ "พระศรีศากยมุนี" ที่ได้ชื่อว่าเป็นพระพุทธรูปหล่อที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยความอิ่มเอิบในความงดงามของพระพุทธรูปปางมารวิชัยที่เต็มไปด้วยความเมตตา และส่วนใหญ่ไม่พ้นที่จะอธิษฐานหรือภาวนาขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ สถานที่แห่งนี้

แต่การเที่ยวแบบนี้ ทำให้เราได้พบได้เห็นภาพสนุกที่ซ่อนอยู่ในจิตกรรมฝาผนังของวิหาร อาทิ ภาพพระเยซูกำลังล้างเท้าให้กับเซนต์ปีเตอร์ เพื่อที่จะบอกว่า มหาบุรุษนั้นต้องรู้รักกตัญญู และละวางแล้วซึ่งความถือยศศักดิ์ อีกทั้งมีภาพพ่อค้าจากแดนภารตะกำลังหว่านล้อมให้หญิงนางในลองแว่นตาที่เป็นแฟชั่นนำสมัย

นี่แค่เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ซึ่งมนุษย์ป้ารู้สึกว่าได้เปิดหูเปิดตา และสนุกไปกับการเที่ยววัดแบบที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน 555 ใครอยากร่วมทริป ก็ลองติดต่อไปที่ ศูนย์กิจการสร้างสุข SOOK Enterprise แล้วกันนะคะ เพราะเขาจะมีอีกถึง 4 ทริป พาไปหลายๆ วัดทีเดียว.

"ป้าเอง"

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เรื่องจริงไม่อิงนิยาย

ศูนย์อพยพที่แน่นขนัดไปด้วยผู้คนมากกว่าหนึ่งแสนชีวิต อันเกิดจากความขัดแย้งทางการทหารระหว่างไทย–กัมพูชา ..แน่นอนว่า ทำให้คนไทยทุกคนสะท้อนใจ แม้จะมีข่าวว่า ทุกฝ่ายร่วมมือร่วมใจกันให้การดูแลกับคนที่ต้องทิ้งบ้านมาอย่างใกล้ชิดก็ตาม

ขอบ่น..ด้วยคน

ค่าฝุ่น PM 2.5 ช่วงนี้อาละวาดจนไม่รู้จะบ่นกับใครแล้ว นี่มนุษย์ป้าเขียนงานไปก็จามไป จมูกฟุดฟิดหงุดหงิดแดงเป็นโบโซ่เลยทีเดียว

วัน(แก้ไข)รัฐธรรมนูญ

10 ธันวาคมของทุกปี เรารับรู้กันว่าเป็น "วันรัฐธรรมนูญ" เพราะเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ.2475 คือวันที่ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) ได้พระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม 2475-รัฐธรรมนูญถาวรฉบับแรกของไทย ให้แก่ประชาชนชาวไทยโดยเป็นทางการ

ไม่ใช่เวลา..จับผิด!!

ความทุกข์ของคนที่จังหวัดสงขลา ไม่ว่าจะมากจะน้อยแล้วแต่เขตอำเภอ และพื้นที่แต่ละแห่ง ล้วนไม่ได้แตกต่างกันสักเท่าไร เพราะชีวิตประจำวันที่เคยเดินทางสัญจร ไปไหนมาไหนตามอำเภอใจนั้น ถูกจำกัดโดยปริยาย ซึ่งหมายความว่า ต่างได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า

“น้ำใจของคนไทย" ความงดงามที่ทำให้สังคมน่าอยู่

ประโยคนี้ใครไม่เห็นด้วย..ยกมือขึ้น!! ถ้าใครยังมองไม่เห็น แค่หรี่ตาข้างเดียวก็ได้ แล้วมองเหตุการณ์น้ำท่วมภาคใต้ในช่วงนี้ รับรองว่าจะเห็นแจ่มแจ้งถึงพลังแห่งความช่วยเหลือจากทุกทิศทางหลั่งไหลไปไม่ขาดสาย

ความเป็น..จีน..ที่เปลี่ยนไป

เวลาที่คิดจะไปเที่ยวเมืองจีน สิ่งแรกที่คิดถึงจนเป็นความกังวลของมนุษย์ป้าเอง เห็นจะไม่พ้นเรื่องของ "ห้องสุขา" ที่เรียกขานตามภาษาถิ่นของเขาว่า "สีโส่วเจียน" เพราะเอกลักษณ์อันไม่อาจลืมเลือนของที่นั่นคือ ความสะอาดที่ยากจะหาเจอ