
หนังไทยก้าวไม่ไกล..
มีหลายปัจจัย-หลายเหตุผลที่คนในวงการภาพยนตร์มักจะยกมาอ้าง-มาบ่น-มาตำหนิ และหนึ่งในนั้น..
ก็..มี “คณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์” ที่แต่งตั้งโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ร่วมอยู่ด้วย
ซึ่งหน้าที่หลักคือ ตรวจพิจารณาภาพยนตร์และกำหนดลักษณะของประเภทภาพยนตร์ หรือ RATTING..
โดยยึดหลักเกณฑ์ในการกำหนดว่าภาพยนตร์ลักษณะใดควรจัดอยู่ในภาพยนตร์ประเภทใด ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง!
หมายความว่า คณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์ฯ จะต้องใช้แนวทางเดียวกันในการพิจารณา แต่อาจจะมีมุมมองที่แตกต่างได้ และสุดท้ายก็ต้องใช้เสียงข้างมากในการตัดสิน
คณะกรรมการฯ ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิหลากหลายสาขา มีทั้งหมด 7 คณะ คณะละ 7 ท่าน เฉลี่ยดูหนังคณะละ 2 วันต่อสัปดาห์ ขึ้นอยู่กับจำนวนหนังที่ยื่นขอตรวจพิจารณา
เวลานี้ดูเหมือนคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์ฯ กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ทั้งจากสื่อหลักและสื่อโซเชียลอยู่มากจากกรณีที่ได้สั่งแบนหนังเรื่อง “หุ่นพยนต์” ของบริษัท ไฟว์สตาร์ฯ
จะเป็น “คณะ” ไหน รายชื่อกรรมการมีใครบ้างไม่รู้ แต่ที่รู้ อีก 6 คณะก็ต้องพลอยฟ้า-พลอยฝน ถูกด่า ถูกดูแคลน ถูกเหยียดหยันเย้ย คร่ำครึ พวกไดโนเสาร์เต่าล้านปี และอีกสารพัดไปด้วย
ถามว่าเป็นธรรมไหม ตอบเลย ไม่ค่อยจะเป็นธรรมนัก แต่ด้วยสปิริตแต่ละคณะ แต่ละกรรมการต่างก็ปิดปากไม่ตอบโต้ หรือออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้ตรวจพิจารณาหนังเรื่องนี้
ส่วน “คณะ” ที่พิจารณาและไม่ได้ออกมาแสดงตัวตนก็ไม่ได้หมายความว่าขี้ขลาด ละอาย หากแต่คงคิด ไม่อยากตกเป็นเครื่องมือโฆษณา-ประชาสัมพันธ์หนัง
แต่พร้อมจะไปสู้-ไปว่ากันในชั้นศาล ถ้าผู้สร้าง-ผู้กำกับคิดจะเอาเรื่อง เหมือนที่คุณธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ ผู้กำกับได้เคยฟ้องกรณีหนัง INSECTS IN THE BACKYARD โดนแบนเมื่อหลายปีก่อน
นี่..คือความรับผิดชอบของกรรมการพิจารณาภาพยนตร์ฯ เพราะทุกท่านย่อมรู้ดี ว่าการพิจารณาภาพยนตร์นั้น จะกลั่นแกล้ง หรือใช้อารมณ์ ความรู้สึกส่วนตัวตัดสินไม่ได้
การพิจารณาต้องเป็นไปตามตามตัวบทกฎหมาย-กฎกระทรวง ที่ต้องกาง-ต้องดูทุกตัวอักษร (จากคู่มือ) ในการประชุมก่อนจะกำหนดเรตติ้ง
คือ..กรรมการต้องนั่งดูหนังในห้องฉายแคบๆ ที่สำนักภาพยนตร์ จบแล้วก็เข้าห้องประชุมเพื่อพิจารณา-กำหนดเรตติ้ง โดยประธานฯ จะถามความคิดเห็น และให้แต่ละท่านได้อภิปราย
หากฉากไหน-ตรงไหนเห็นควรที่ให้เล็ม ให้ตัดออก ก็จะมีการบันทึกเพื่อขอความร่วมมือจากผู้กำกับ พูดตรงๆ ขอความอะลุ่มอล่วยกัน แต่ถ้าผู้กำกับยืนยันไม่แก้ไข-ไม่ตัดใดๆ ทั้งสิ้น..
กรรมการก็ต้องมานั่งพิจารณา-ถกเถียงกันใหม่ และก็จบลงด้วยการโหวต โดยเสียงข้างมากเป็นฝ่ายชนะไป!
ผมเชื่อในเกียรติของคณะกรรมการ และมั่นใจไม่มีฝ่ายอำนาจรัฐเข้าไปสั่งการใดๆ กับการพิจารณาภาพยนตร์เป็นแน่ เพราะไม่มีเหตุผลใดที่รัฐจะต้องทำเช่นนั้น
พูดกันอย่างเป็นธรรม รัฐเองได้ใช้งบ-ใช้เงินให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมภาพยนตร์มาโดยตลอด ทั้งตั้งกองทุน ทั้งการนำหนังออกสู่ตลาดนอก และอีกหลากหลายช่องทาง
ในความเห็นผม คณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์ฯ น่าจะไม่ใช่ตัวถ่วงความเจริญ หรือตัวฉุดรั้งให้หนังไทยก้าวไปไม่ไกล แต่เป็นไปได้ไหม..
ว่า..วงการหนังไทยนั้นค่อนข้างจะขาดแคลน “คนเขียนบทภาพยนตร์” ที่เก่ง มีความรู้ความสามารถ ซ้ำยังติด “กับดัก” นายทุน รวมถึง “ตัณหา-ความอยาก” ของตัวผู้กำกับ (บางคน) เอง!
เลิกใส่ร้าย โยนบาปให้คณะกรรมการฯ เสียทีเถอะ!.
สันต์ สะตอแมน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เหลือไว้ความทรงจำ
สงครามมาพร้อมกับ “ซีเกมส์” แต่ด้วย “ซีเกมส์” เป็นการแข่งขันกีฬาของมวลมนุษยชาติที่จัดกันมาต่อเนื่องจนถึงครั้งที่ 33 ในปีนี้-2568
กาเหว่าที่บางเพลง
“มีผู้อ่านบางคนเข้าใจว่าผมจะได้มีความคิดทางการเมืองหรือทางอื่นๆ แอบแฝงไว้ในหนังสือเล่มนี้ เพื่อจะได้ชี้ให้ผู้อ่านเห็นในสิ่งที่ผมเห็นหรือคิดในสิ่งที่ผมคิด
‘ตอแหล’ ได้โล่!
“หน้าที่เรา รักษา สืบไป” เมื่อ..นายกฯ คุณอนุทิน ชาญวีรกูล ปลุกใจอย่างนี้ มีหรือที่คนไทยจะอยู่เฉย โดยเฉพาะ “กองทัพ” เหล่าทหารกล้า ก็ได้เปิดฉากแสดงศักดาแสนยานุภาพไปแล้วหลายชุด
‘พีระพันธุ์’ เปลี่ยนไป
“ผมพร้อมมานานแล้วที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ อย่างจริงจัง ใครที่ทนกับสิ่งยั่วยุไม่ได้ หรือเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว เชิญออกไป ใครพร้อมเป็นลูกน้องนายทุน เชิญออกไป
ใครที่เดือดร้อน?
แรกเห็น-แรกอ่าน.. ก็..คิดเอาว่าเป็นใครก็ไม่รู้เขียน เพราะไม่เชื่อว่าจะเป็นถ้อยคำจาก “เสก โลโซ” ร็อกเกอร์คนดัง ซึ่งผู้อ่านหลายท่านก็น่าจะได้ผ่านตา
ระวังจะโดนย้อนศร
เรื่องนี้ต้องขยาย.. ผมหมายถึง “ยอดคนตาย” จากมหาอุทกภัยหาดใหญ่น่ะ เพราะหลังจาก นพ.ศักดา อัลภาชน์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลง..

