เมื่อวานเขียนถึงการประชุมสุดยอดของจีนกับ 5 ประเทศจากเอเชียกลาง...ทับซ้อนกับการประชุมผู้นำ Group of Seven หรือ G-7 ที่เมืองฮิโรชิมาของญี่ปุ่น
วันนี้ต้องวิเคราะห์แถลงการณ์ของ G-7 ที่ออกมาชี้นิ้วกล่าวหาไปที่รัสเซียและจีน
เท่ากับเป็นการประกาศยกระดับการเผชิญหน้าระหว่างตะวันตกกับรัสเซียและจีนอีกขั้นหนึ่ง
โดยมี วโลดีมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน “แย่งซีน” ของผู้นำชั้นนำระดับโลกไปหน้าตาเฉย
เซเลนสกีหลบออกจากสนามรบที่บ้านบินเข้าฮิโรชิมาด้วยเครื่องบินของรัฐบาลฝรั่งเศสหลังจากแวะพักที่ซาอุดีอาระเบีย
ถือเป็นการเดินสายเพื่อระดมความช่วยเหลือรอบล่าสุดเพื่อเตรียมเปิดฉากการรุกใหญ่อีกครั้งที่ค่อนข้างจะน่ากลัว
เพราะล่าสุดสหรัฐฯ เปิดไฟเขียวให้ประเทศพันธมิตรสามารถส่งเครื่องรบบิน F-16 ให้ยูเครน
ทันใดนั้น มอสโกก็ตอบโต้ทันทีว่า การที่ยูเครนได้รับเครื่องบินรบจากตะวันตกเป็น “ความเสี่ยงอันมหาศาล”
ทำให้เห็นภาพของสงครามกลางหาวระหว่างเครื่องบินรัสเซียกับโลกตะวันตกทันที
มิใช่เป็นสงครามจำกัดวงระหว่างรัสเซียกับยูเครนอีกต่อไป
การปราฏตัวของเซเลนสกี ณ ที่ประชุมสุดยอด G-7 ยิ่งทำให้ความตึงเครียดระหว่างตะวันตกกับจีนและรัสเซียเพิ่มขึ้นกะทันหัน
นายกฯ ญี่ปุ่น ฟูมิโอะ คิชิดะ ในฐานะเจ้าภาพตัดสินใจเชิญเซเลนสกีมาร่วมประชุมตัวเป็นๆ ในนาทีสุดท้าย
ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้มีแต่เพียงแผนที่จะให้ผู้นำยูเครนเข้าร่วมปรึกษาหารือผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้น
เซเลนสกีคงเห็นจังหวะและสถานที่นัดประชุมครั้งนี้มีความสำคัญต่อทิศทางของสงครามยูเครนมาก จึงตัดสินใจขอมาร่วมประชุมด้วยตัวเอง
และการที่เขาบินลงมาบนเครื่องบินที่รัฐบาลฝรั่งเศสจัดหาให้ก็ยิ่งตอกย้ำถึงแรงสนับสนุนของโลกตะวันตกต่อยูเครนในการทำสงครามกับรัสเซีย
พอเซเลนสกีไปถึงญี่ปุ่น เขาก็กลายเป็นจุดสนใจของคนข่าวทันที
ผู้นำยูเครนรายงานทุกความเคลื่อนไหวของตนผ่านทวิตเตอร์และช่องทางโซเชียลมีเดียของตนเพื่อทำให้ทั้งโลกต้องพุ่งความสนใจมายังสิ่งที่เขานำเสนอต่อผู้นำที่มีเศรษฐกิจโลกในแนวหน้าทั้ง 7 ประเทศ
แถลงการณ์ร่วมของผู้นำ G-7 นอกจากการกล่าวถึงหัวข้อสำคัญ เช่น การไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแล้วก็ยังเน้นถึงความมุ่งมั่นที่มีต่อภูมิภาคอินโดแปซิฟิก
และตอกย้ำด้วยการเชิญตัวแทนจากเอเชีย เช่น อินโดนีเซีย อินเดีย และหมู่เกาะคุกมาเป็นผู้สังเกตการณ์การประชุมด้วย
แถลงการณ์ร่วมย้ำถึงการสนับสนุนประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิกที่ปักกิ่งกำลังพยายามตีสนิทด้วย
คำแถลงนั้นเรียกร้องให้มี "อินโด-แปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง" ซึ่งเป็นถ้อยคำที่ใช้ตอบโต้การอ้างสิทธิ์เหนือเกาะแก่งและดินแดนของจีนในทะเลจีนใต้
ผู้นำ G-7 ชี้นิ้วกล่าวหาจีนว่าใช้มาตรการ "การบีบบังคับทางเศรษฐกิจ" ต่อประเทศต่างๆ ทำนองรังแกชาติที่เล็กกว่า
แถลงการณ์เรียกร้องให้จีน "เล่นตามกฎกติการะหว่างประเทศ"
แต่ขณะเดียวกันก็หยอดคำหวานว่าต้องการพัฒนา "ความสัมพันธ์ที่สร้างสรรค์และมั่นคง" กับจีน
และเสริมว่านโยบายตะวันตก "ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อทำร้ายจีน และเราไม่ได้พยายามที่จะขัดขวางความก้าวหน้าและการพัฒนาทางเศรษฐกิจของจีน"
แต่กระนั้น ปักกิ่งก็กริ้วอย่างออกนอกหน้า
จีนแสดง "ความไม่พอใจอย่างรุนแรง" ต่อแถลงการณ์ร่วมของ G7 ด้วยเหตุผลที่ว่า “กลุ่ม G7 ยืนกรานที่จะจัดการกับปัญหาที่เกี่ยวข้องกับจีน ใส่ร้ายป้ายสีและโจมตีจีน”
อีกด้านหนึ่ง แถลงการณ์ G-7 ก็วางแนวทาง 'ลดความเสี่ยง' หรือ de-risking ในความสัมพันธ์กับจีน
เป็นการปรับถ้อยคำจากเดิมที่ใช้คำว่า de-coupling หรือการแยกขั้ว ต่างคนต่างอยู่
หันมาใช้คำที่เบาลง โดยเน้นว่าทั้ง 2 ค่ายยังต้องคบหากัน เพราะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย
แต่ก็ต้องพยายามลดความเสี่ยงที่อาจจะนำไปสู่ความตึงเครียดจนอาจเข้าสู่ระดับที่ควบคุมไม่ได้
เอกสารนี้เผยแพร่ก่อนกำหนด 1 วัน โดยไม่มีคำอธิบายเหตุผลหรือที่มาที่ไป
แต่ก็น่าสังเกตว่า แถลงการณ์นี้ถูกแจกจ่ายเพียงไม่กี่วินาที เซเลนสกีจะก้าวลงจากเครื่องบินในเมืองฮิโรชิมาเพื่อเข้าร่วมกับผู้นำทั้ง 7
คงต้องการแยกประเด็นที่ผู้นำ G-7 ประชุมหาข้อสรุปจากกรณีสงครามยูเครนให้เป็นคนละวาระ
แต่แถลงการณ์นั้นก็ไม่วายแตะเรื่องไต้หวันจนได้
"เราขอยืนยันถึงความสำคัญของสันติภาพและเสถียรภาพทั่วช่องแคบไต้หวันว่าเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ต่อความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองในประชาคมระหว่างประเทศ"
พร้อมทั้งเรียกร้องให้จีนมีส่วนร่วมกับ G-7 ในด้านต่างๆ เช่น วิกฤตสภาพภูมิอากาศและความหลากหลายทางชีวภาพ การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
และการแก้ไขปัญหาความยั่งยืนและความต้องการทางการเงินของประเทศที่เปราะบาง
ถ้อยแถลงยังเรียกร้องให้จีนกดดันรัสเซียให้ยุติการรุกรานทางทหาร และ "ถอนทหารออกจากยูเครนทันที แบบสมบูรณ์ และไม่มีเงื่อนไข"
ในขณะเดียวกัน ก็มีการระบุถึงเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ เช่น AI เมตาเวิร์ส และควอนตัมคอมพิวติ้ง
แถลงการณ์ร่วมของผู้นำกล่าวว่า "การกำกับดูแลของเศรษฐกิจดิจิทัลควรได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องให้สอดคล้องกับค่านิยมประชาธิปไตยที่มีร่วมกันของเรา"
ด้านพลังงาน ผู้นำเรียกร้องให้ลดการพึ่งพาทรัพยากรของรัสเซียและเลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างไม่ลดละ
แน่นอนว่า “ดาราแห่งเวที” ครั้งนี้คือเซเลนสกีที่มาในชุดกึ่งทหารอีกเช่นเคย
พร้อมกับคำปราศัยเรียกร้องให้โลกตะวันตกเดินหน้าสนับสนุนการทำสงครามกับรัสเซีย
น่าสังเกตว่าในเวทีนี้ไม่มีการพูดถึง “แผนสันติภาพ” ที่จีนได้นำเสนอเพื่อพยายามให้ยุติสงคราม
แม้ว่าจีนจะได้ส่ง “ทูตพิเศษ” ไปยูเครน, รัสเซียและยุโรปอีกหลายประเทศ เพื่อรับฟังความเห็นของฝ่ายต่างๆ ในอันที่จะนำมาซึ่งโอกาสที่จะเริ่มการเจรจาระงับสงคราม
ที่ย่างเข้าเป็นวันที่ 454 แล้ว!.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ
แหล่งค้ามนุษย์ใน 3 เหลี่ยมทองคำ
เขตเศรษฐกิจพิเศษหรือ SEZ บริเวณสามเหลี่ยมทองคำที่โยงกับไทยนั้นกลายเป็นประเด็นเรื่องอาชญกรรมข้ามชาติที่สมควรจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยอย่างจริงจัง
ไบเดนหรือทรัมป์? เอเชียน่าจะเลือกใครมากกว่า?
ผมค่อนข้างมั่นใจว่าการดีเบตระหว่างโจ ไบเดน กับโดนัลด์ ทรัมป์ วันนี้ (เวลาอเมริกา) จะไม่ให้ความสำคัญต่อเอเชียหรืออาเซียน
พรุ่งนี้ ลุ้นดีเบตรอบแรก โจ ไบเดนกับโดนัลด์ ทรัมป์
ผมลุ้นการโต้วาทีระหว่างโจ ไบเดน กับโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (27 มิถุนายน) เพราะอยากรู้ว่า “ผู้เฒ่า” สองคนนี้จะมีความแหลมคมว่องไวในการแลกหมัดกันมากน้อยเพียงใด
เธอคือ ‘สหายร่วมรบ’ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรค NLD คนสุดท้าย!
อองซาน ซูจีมีอายุ 79 ปีเมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา...และยังถูกจำขังในฐานะจำเลยของกองทัพพม่าที่ก่อรัฐประหารเมื่อกว่า 3 ปีที่แล้ว