เหมือนเป็นการปลุกความหวังให้เหล่าบรรดา สีกากี สำหรับการทำหน้าที่ของ 3 ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่มาจากการเลือกตั้งของตำรวจระดับ รอง ผกก.ทั่วประเทศ ทั้ง บิ๊กเอก-พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์, บิ๊กนัย-พล.ต.อ.วินัย ทองสอง และ บิ๊กนู-พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก ในเรื่องความเป็นธรรมในการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ ที่หลายคนท้อแท้ สิ้นหวังต่อการรับราชการมาตลอดนั้น ตอนนี้ก็เลยเริ่มเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ เมื่อ ก.ตร.เหล่านี้ผลักดันให้ตำรวจที่มายื่นร้องทุกข์ต่อ ก.ตร. ขอความเป็นธรรม ขอย้ายกลับต้นสังกัดเดิม จำนวน 107 นาย
เพราะได้รับความเดือดร้อนต่างๆ นานา เมื่อ ก.ตร.ชุดปัจจุบันนี้ได้พิจารณาการร้องทุกข์ตามลำดับ และได้มีมติให้ย้ายกลับต้นสังกัดเดิมไปแล้ว 14 ราย ทำให้ ตำรวจ หลายคนก็อยากร้องบ้าง เพียงแต่เลยเวลามานานไม่รู้จะร้องได้หรือไม่ ล่าสุด บิ๊กเอก โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวแจ้งข่าวดี โดยสรุปคือสามารถยื่นคำร้องทุกข์ได้แม้เกินเวลา หากเข้าเงื่อนไขตามกฎที่ ก.ตร.ระบุไว้ ๐
ถ้าตัดเรื่องการเข้ามาเป็น ตำรวจ ของ ผู้กองแคท-ร.ต.อ.หญิง อาทิติยา เบ็ญจะปัก ที่กำลังเป็นข่าวโด่งดัง ว่ามีนอกมีใน มีอะไรในกอไผ่มากกว่าหน่อไม้หรือไม่ รวมทั้งการเติบโตตั้งแต่ ส.ต.ต. จนได้ ร.ต.อ. ที่ บิ๊กกอล์ฟ-พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกมางัดกฎ ออกมางัดระเบียบ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้ง ยืนยันการเติบโตของ ผู้กองแคท ไม่มีอภิสิทธิ์ใดๆ เป็นไปตามข้อกำหนด ข้อยกเว้นให้แก่ตำรวจที่ใช้วุฒิปริญญาโทเข้ารับราชการ ก็ต้องถือว่านี่คือ บทเรียน ครั้งสำคัญของ ผู้การแคท ในการใช้สื่อโซเชียลโพสต์ภาพติดยศฉลองตำแหน่ง จนถูกวิพากษ์วิจารณ์ กระทั่งเจ้าตัวต้องลบรูปดังกล่าวออก พร้อมโพสต์ข้อความ “จากประเด็นที่แคทได้โพสต์ภาพที่ให้คุณพ่อ คุณแม่ ประดับยศให้ เพื่อเป็นสิริมงคลในชีวิตรับราชการของแคท แคทไม่มีเจตนาโพสต์เพื่ออวดอ้างหรือไปกระทำการสิ่งใด เพื่อไปกระทบจิตใจเพื่อนๆ พี่ๆ ข้าราชการตำรวจและทุกฝ่ายแต่อย่างใด ในการนี้แคทกราบขอโทษอย่างสูงที่กระทำการดังกล่าวโดยไม่ได้ไตร่ตรอง สุดท้ายนี้ เมื่อแคทได้รับโอกาสในการทำงาน ขอสัญญาว่าจะตั้งใจทำงาน ที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มกำลังความสามารถ และอย่างดีที่สุด" ๐
ย้อนไปในปี 2561 ก็เคยมีข่าวที่ พล.ต.ต.วิวัฒน์ สีลาเขตต์ ผู้บังคับการกองทะเบียนพล (ผบก.ทพ.) สมัยนั้น มีหนังสือกำชับการปฏิบัติราชการของข้าราชการในสังกัดทะเบียนพล โดยอ้างถึงการประชุมบริหารครั้งที่ 6/2561 ที่ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2561 เกี่ยวกับการแต่งเครื่องแบบปฏิบัติหน้าที่ ให้การปฏิบัติราชการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงกำชับให้ถือปฏิบัติตามหนังสือ ระบุห้ามมิให้ข้าราชการตำรวจถ่ายภาพขณะแต่งเครื่องแบบตำรวจเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ทุกกรณี ซึ่งครั้งนั้น พล.ต.ต.วิวัฒน์ บอกกับสื่อถึงการออกหนังสือคำสั่งดังกล่าว เพื่อเป็นแนวทางการปฏิบัติเฉพาะในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจกองทะเบียนพล เพราะถ้าตำรวจแต่งกายไม่เรียบร้อย ผมยาว สีเครื่องแต่งกายไม่ถูกต้อง หากนำไปลงสังคมออนไลน์จะไม่ดีต่อตัวของผู้ใต้บังคับบัญชาเอง และอาจถูกจเรตำรวจลงโทษทางวินัยได้ จึงต้องกำชับป้องกันไว้ก่อน ๐
เช่นเดียวกับสมัย ผบ.ปั๊ด-พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข เป็น ผบ.ตร. บิ๊กหิน-พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) เปิดโครงการจัดทำแนวทางการใช้สื่อสังคมออนไลน์ เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม TikTok ของข้าราชการตำรวจ กำหนดมี 9 ประเภทข้อมูลข่าวสารที่ตำรวจไม่ควรเผยแพร่ คือ 1.ข้อมูล ข่าวสารที่มีเนื้อหาพาดพิง หรือส่งผลในทางลบต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ 2.ข้อมูลที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ 3.ข้อมูลที่มีเนื้อหาลักษณะยั่วยุ เสียดสี บิดเบือน สร้างความแตกแยกต่อหน่วยงาน 4.ข้อมูลความลับของทางราชการ 5.ข้อมูลที่เข้าข่ายการกระทำผิดตามประมวลกฎหมาย 6.ข้อมูลที่ส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือต่อพยานหลักฐานทางคดี 7.ข้อมูลที่สร้างกระแสทางสังคมหรือก่อให้เกิดความตื่นตกใจ 8.ข้อมูลที่เป็นภัยคุกคาม และ 9.ข้อมูลที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ตำรวจ...แต่ดูเหมือน ตำรวจ จะลืมกันหมดแล้ว เห็นที บิ๊กหิน ต้องออกมากระตุ้นอีกครั้ง ๐
โผโยกย้าย ทอ. เมื่อปลายปีที่แล้ว พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ ผบ.ทอ.ในขณะนั้น เรียกเสียงฮือฮาด้วยการดัน บิ๊กตุ๊ด-พล.อ.อ.อลงกรณ์ วัณณรถ ขึ้นเป็น ผบ.ทอ.แบบพลิกความคาดหมาย ด้วยเหตุผลเรื่องความเหมาะสม โดยเฉพาะทัศนคติในการมองปัญหาเชิงบวก ที่เชื่อว่าจะเป็นคุณสมบัติในการทำให้ ทอ.กลับมาสามัคคีกันได้ แต่กระนั้นก็ได้วางตัว พล.อ.อ.ณรงค์ อินทชาติ น้องรักอีกคนขึ้นมาเป็น เสธ.ทอ.เอาไว้ เหมือนมารับไม้ต่อจาก ผบ.ทอ.คนปัจจุบัน ท่ามกลางการมองว่า “บิ๊กตุ๊ด” ย่อมต้องเดินตามแนวทางที่ พล.อ.อ.นภาเดชวางไว้อย่างแน่นอน ทำให้แคนดิเดตอีก 2 คนที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 23 ของพล.อ.อ.ณรงค์ อย่าง พล.อ.อ.ชานนท์ มุ่งธัญญา รอง ผบ.ทอ. และ พล.อ.อ.พงษ์สวัสดิ์ จันทสาร ผช.ผบ.ทอ. อาจจะทำได้แค่ลุ้นหรือไม่ ทั้งที่ “บิ๊กตุ๊ด” อาจจะพอใจใน 2แคนดิเดตที่ พล.อ.อ.นภาเดชไม่ได้จับวางไว้ สุดท้ายคงต้องวัดใจกันว่าในโค้งสุดท้าย ผบ.ทอ.ที่มาแบบไม่คาดฝัน จะตัดสินใจภายใต้ความเป็นตัวของตัวเองหรือไม่ ๐
แต่หากพลิกดูประวัติทั้ง 3 แคนดิเดต ต่างก็มาจากสายเครื่องบินขับไล่ด้วยกันทั้งสิ้น พล.อ.อ.ณรงค์ นามเรียกขาน Vigor เป็นนักบิน F-16 ที่อยู่กองบิน 1 ผู้บังคับฝูงบิน 103 ผู้บังคับการกองบิน 1 ผู้บังคับการกรมนักเรียนนายเรืออากาศรักษาพระองค์ เป็นนักกรีฑากับ พล.อ.อ.นภาเดชมาด้วยกัน ขณะที่ “รองหนึ่ง” พล.อ.อ.ชานนท์ หรือ Canon เคยเป็นผู้บังคับฝูงบิน 403 กองบิน 4 ผู้บังคับการกองบิน 4 ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารอากาศสวีเดน เป็นเจ้ากรมยุทธการ ทอ. สำหรับ “ผช.จ๋า” พล.อ.อ.พงษ์สวัสดิ์ จันทสาร เป็นนักบิน F-5 และ F-16 นามเรียกขาน Phoenix เติบโตมาจากกองบิน 1 ขยับไปผู้บังคับฝูงบิน 231 กองบิน 23 ผู้บังคับการกองบิน 4 และเคยเป็นผู้บังคับการกรมนักเรียนนายเรืออากาศรักษาพระองค์ ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารอากาศเยอรมนี แม้จะเป็นคนหนึ่งที่ เข้าตา ผบ.ทอ.คนปัจจุบัน แต่ด้วยอาถรรพ์กองบิน 4 ที่ไม่เคยมีใครได้ขึ้นเป็น ผบ.ทอ.เลย จึงทำให้วงใน “สายมู” เชื่อว่า แคนดิเดต 2 คนหลังอาจต้องลุ้นหนักเป็นสองเท่า ๐
อาจเป็นภารกิจสุดท้ายของ ผบ.แก้ว-พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ในการตอบแทน “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ที่ตัดสินใจส่งตัวเองมาอยู่ที่กองทัพไทย เพื่อขึ้นเป็น ผบ.ทสส.จนกระทั่งวันนี้ และเดือนกันยายนถึงคิวเกษียณ “ผบ.แก้ว” จัดโผทิ้งทวนปิดจ๊อบตอบแทนด้วยการให้ บิ๊กออฟ-พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ที่ลุ้นทุกทางในการเดินเข้าไลน์เป็น ผบ.ทบ.แต่ไม่สำเร็จ สุดท้ายก็ต้องไปต่อคิวขึ้น ผบ.ทสส. ได้ขึ้นเป็น ผบ.ทสส.ในที่สุด ซึ่งต้องนับว่าเป็น ผบ.ทสส.ที่จบต่างประเทศ และไม่ได้มาจาก รร.หลัก พลิกหน้าประวัติศาสตร์ของกองทัพไทย จากเดิมเคยมี พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์, พล.อ.สำเภา ชูศรี แต่ก็ผ่าน รร.ตท.มาก่อน แต่นั่นคงไม่สำคัญตรงความรู้ ความสามารถ หาก “บิ๊กออฟ” ทำให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ และคนในกองทัพให้การยอมรับได้อย่างไม่มีคำถาม ในเรื่องสมบัติผลัดกันชม จารีตเดิมที่วางกันไว้ก็ไม่ใช่กฎเหล็กเสมอไป ๐
ข่าวฝาก...วันที่ 14 มิ.ย.นี้ กองทัพเรือจัดงานแถลงข่าวการแสดงกาชาดคอนเสิร์ตครั้งที่ 49 ปี 2566 เทิดพระเกียรติองค์บิดาของทหารเรือไทย “แสงทิพย์แห่งอาภากร เสียงทิพย์จากราชนาวี” ณ ห้องเจ้าพระยา หอประชุมกองทัพเรือ โดยมีผู้ร่วมแถลงข่าวประกอบด้วย พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ, นายเตช บุนนาค เลขาธิการสภากาชาดไทย, พล.ร.ท.ชาติชาย ทองสะอาด รองเสนาธิการทหารเรือ สายงานกิจการพลเรือน ในฐานะประธานคณะกรรมการเตรียมการจัดการแสดงกาชาดคอนเสิร์ต ผู้แทนกรมส่งเสริมวัฒนธรรมกระทรวงวัฒนธรรม และ น.อ.พฤทธิธร สุมิตร ผู้บังคับกองดุริยางค์ทหารเรือ ทั้งนี้ การจัดการแสดงกาชาดคอนเสิร์ตครั้งที่ 49 เป็นการแสดงจากวง Symphony Orchestra ดุริยางค์ราชนาวี ขับร้องโดยนักร้องจากดุริยางค์ราชนาวีร่วมกับศิลปินรับเชิญ อาทิ เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์, ก้อง-สหรัถ สังคปรีชา, จิ๋ว-ปิยนุช เสือจงพรู, กิต-กิตตินันท์ ชินสำราญ, อาร์ม-กรกันต์ สุทธิโกเศศ เป็นต้น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นักการเมืองไม่ทำชั่ว...ไม่ต้องกลัวรัฐประหาร
นายกรัฐมนตรี 2 คนที่มาจากตระกูลชินวัตรต้องถูกยึดอำนาจจากการทำรัฐประหารในปี 2549 และ 2557 ทำให้นายใหญ่ของพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นหมายเลข 1 ของตระกูลชินวัตรมีความประหวั่นพรั่นพรึงการทำรัฐประหารของทหารเป็นอย่าง
'หิริ-โอตตัปปะ'คือวาระแห่งชาติ!!!
คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้เลยว่า...ไอ้สิ่งที่เรียกว่า ความอาย หรือจะเรียกภาษาพระ ภาษาบาลี ประมาณว่า หิริ-โอตตัปปะ ก็คงพอได้ นับวันมันชักเป็นอะไรที่ ขาดแคลน
'เห็นลิ้นไก่' แก้ กม.กลาโหม
ป่วนกันทั้ง "กรมปทุมวัน" หลังคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ หรือ ก.พ.ค.ตร. มีคำวินิจฉัยกรณีตำรวจยศ พ.ต.อ. ตำแหน่งนักบิน (สบ 5) รายหนึ่ง
ลัคนาธนูกับเค้าโครงชีวิตปี 2568
ยังอยู่ในช่วงเจ็ดปีของการเปลี่ยนแปลงใหญ่สุขภาพอนามัย-หนี้สิน-ลูกน้องบริวาร และเกือบตลอดปีผู้หลักผู้ใหญ่อวยสถานะ-ยศ-เงินทองให้ แต่มีช่วงซ้อมรับทุกข์และการได้ความผิดที่ไม่ได้ก่อ
'บิ๊กอ้อ' ลุยปราจีนฯ คุมสางคดีฆ่า 'สจ.โต้ง' มั่นใจหลักฐานพอ ไม่พึ่งวงจรปิด
'บิ๊กอ้อ' บินสางปมยิง 'สจ.โต้ง ปราจีน' เชื่อชนวนเหตุสังหารจากการเมืองท้องถิ่น มั่นใจหลักฐานเพียงพอ แม้วงจรปิดที่เกิดเหตุเสีย
เด็ดปีก 'มังกรเทาดำ' ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยึดทรัพย์ 152 ล้าน
ตำรวจภาค 2 เด็ดปีก 'มังกรเทาดำ' ทลายเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์เปิดบริษัทฟอกเงิน ยึดทรัพย์คฤหาสน์-รถหรู 152 ล้านบาท