หึ่ง! 'บิ๊กรอย' เลขาฯ สมช.

อับอายขายขี้หน้า ชนิดต้องหาปี๊บมาคลุมหัว เหตุการณ์ "หน่อง ท่าผา" ลูกน้องกำนันนก ใช้อาวุธปืนยิง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล.เสียชีวิต และ พ.ต.ท.วศิน พันปี รอง ผกก.2 บก.ทล.ได้รับบาดเจ็บ บริเวณหน้าบ้านกำนันนก พื้นที่ ต.ตาก้อง อ.เมืองนครปฐม ต่อหน้าต่อตาตำรวจ 21 นาย ที่มาร่วมงานเลี้ยงของกำนันนก โดยไม่มีใครคิดที่จะสวมวิญญาณ "ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์" จับกุมหรือสกัดกั้น "คนร้าย" และดูแลสถานที่เกิดเหตุไม่ให้มีการทำลายหลักฐาน ทั้งๆ ที่คนถูกยิงคือ "ตำรวจ" เพื่อนร่วมอาชีพตัวเองแท้ๆ เห็นด้วยกับ บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ที่ออกมาบอก

"ผู้กำกับและผู้การต้องไปทบทวนตัวเอง ว่าอยู่อย่างไรถึงปล่อยให้นักเลงเหิมเกริมได้ขนาดนี้ ปล่อยปละละเลยยังไงถึงได้มีซุ้มแบบนี้ อันนี้ไม่ใช่บทเรียนแต่เป็นความบกพร่อง ความย่ำแย่” รวมทั้งตั้งกรรมการสอบสวนตำรวจทั้ง 21 นาย เข้าข่ายความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 หรือไม่ หากเข้าข่ายก็ต้องดำเนินคดีอาญา เพราะคนที่อยู่ในงานมี  ผกก.ถึง 3 คน และมี ผกก.สืบสวนจังหวัด ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบพื้นที่โดยตรง...ถูกต้องที่สุด

นอกจากการตรวจสอบตำรวจทั้ง 21 นายแล้ว บิ๊กเด่น-พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ แม่ทัพใหญ่สีกากี ต้องทบทวนการทำงานของผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ตั้งแต่ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม, รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ที่รับผิดชอบงานป้องกันปราบปราม และผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 มีข้อบกพร่องในเรื่องการปราบปรามผู้มีอิทธิพลหรือไม่ เหตุใดถึงปล่อยให้กำนันรายนี้มีอิทธิพล มีมือปืนอยู่รอบกาย โดยที่ไม่มีใครทำอะไร จนถึงขั้นเหิมเกริมก่อเหตุยิงตำรวจเสียชีวิตได้ง่ายๆ เช่นเดียวกับ ผู้การเต่า-พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รักษาการ ผบก.ทล. ก็น่าจะถึงเวลาสังคายนา "ตำรวจทางหลวง" ทั่วประเทศ คอยสอดส่องใครมีพฤติกรรมเกี่ยวข้อง สนิทสนม หรือมีผลประโยชน์กับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่หรือไม่ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยเช่นนี้ขึ้นอีก

จริงเท็จประการใดไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ ตอนนี้มีข่าวลือหนาหู เก้าอี้ "เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ" หรือ "เลขาฯ สมช." ที่มี พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม นั่งดำรงตำแหน่งอยู่ ณ ขณะนี้ และกำลังจะเกษียณอายุราชการวันที่ 30 ก.ย.66 มีชื่อ บิ๊กรอย-พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. จะโอนย้ายมาแตะมือต่อไม้ "เสธ.ไก่" นั่งเก้าอี้ "เลขาฯ สมช." แทน นัยว่าเพื่อแก้ปัญหาเก้าอี้ "ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ" หรือ  "ผบ.ตร." แทน บิ๊กเด่น-พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ แม่ทัพสีกากี ที่จะเกษียณอายุราชการวันที่ 30 ก.ย.เช่นกัน หลังจากตำแหน่ง "ผบ.ตร." ที่เดิมจะต้องเข้าพิจารณาในวงประชุม ก.ตร. แต่ บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อครั้งนั่งหัวโต๊ะประธาน ก.ตร. ขอถอนเรื่องออกจากวาระประชุม เพื่อให้เกิดความชอบธรรมและรอให้ นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มาพิจารณาเสนอชื่อ "ผบ.ตร." คนใหม่เอง เพราะมีความพยายามในการชู "อาวุโส" ให้ได้รับการแต่งตั้งเป็น ผบ.ตร. แต่เมื่อ รอง ผบ.ตร.อาวุโสสูงสุดอย่าง "บิ๊กรอย" ขยับไปโตหน่วยงานอื่นแล้ว ปมเรียกร้อง "อาวุโสสูงสุด" ก็น่าจะเบาบางลงไป ทุกอย่างก็จะคลายล็อก หากข่าวลือดังกล่าวเป็นจริง

นอกจากการแต่งตั้ง "ผบ.ตร." ที่ต้องจับตากันแล้ว การแต่งตั้ง "นายพล" ตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. หรือจเรตำรวจแห่งชาติ ลงไปถึง ผบก.วาระประจำปี ก็เป็นอีกหนึ่งโผที่ต้องลุ้น ที่ต้องเกาะติดแบบห้ามกะพริบตา เมื่อ "อำนาจ" เปลี่ยนมือ รัฐบาลมีการเปลี่ยนแปลง "โผนายพล" ที่เคยจัดทำไว้มีการล้างไพ่ใหม่หมด ขาเมาธ์ในรั้วปทุมวันเลยสะกิดให้จับตา บิ๊กเก่ง-พล.ต.ท.กฤษฎา สุรเชษฐพงษ์ ผบช.สกบ. (ส่งกำลังบำรุง) ที่โผเดิมไม่มีชื่อขยับไปไหน แต่โผใหม่ด้วยความคุ้นเคยเป็นเพื่อนเรียนกับอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์มาก่อน ไฟสปอตไลต์ก็เลยจับเป็นพิเศษว่าน่าจะได้ขยับมานั่งเก้าอี้ "ผบช." สำคัญๆ โดยเฉพาะ "สตม." ถิ่นเก่าที่ "บิ๊กเก่ง"  เคยอยู่ เช่นเดียวกับ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ รอง ผบก.ส.1  อดีตรอง ผบก.น.5 ที่ถูกให้ออกจากราชการไว้ก่อน เพราะตกเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาและถูกสอบสวนวินัยร้ายแรง กรณีมีข่าวพาอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์หลบหนี จนในที่สุดสามารถกลับเข้ามารับราชการใหม่อีกครั้งในตำแหน่ง รอง ผบก.ทท.1  ก่อนขยับมาเป็น รอง ผบก.ส.1 เที่ยวนี้อาวุโสอยู่ลำดับที่ 105 แต่เมื่อขั้วใหม่เพื่อไทยมาคุมตำรวจอีกครั้ง หลายคนก็บอกให้จับตาชื่อนี้ไว้ให้ดี มีโอกาสติดยศ พล.ต.ต. นั่งเก้าอี้ผู้การในโผแต่งตั้งนายพลใหม่สูง

เรียกว่าเป็น “ข่าวใหญ่” ของแวดวงทหารเรือเลยทีเดียว เมื่อ “สุทิน คลังแสง” ไปพูดที่งานเสวนาเวทีวิชาการ นำเสนอ และรับฟังรายงานหัวข้อความมั่นคงไทยในระเบียบโลกใหม่ฯ ที่วิทยาลัยนวัตกรรมสังคมมหาวิทยาลัยรังสิต ถึงเรื่องการแก้ไขปัญหาเรือดำน้ำได้อย่างน่าสนใจ โดยระบุว่า “การจัดหาเรือดำน้ำ ต้องคำนึงถึงความจำเป็น ซึ่งหากรับไม่ได้กับเครื่องยนต์จีนก็ต้องเจรจา และหาทางออก เช่น จัดหาเรือผิวน้ำแทน หรือยกเลิกสัญญาเปลี่ยนเป็นนำเข้าปุ๋ยจากจีนมาให้เกษตรกรในราคาถูกแทน โดยแนวคิดนี้เป็นมุมมองทางด้านวิชาการ ใช้ฐานความคิดทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ ยังไม่ใช่ข้อสรุปในการแก้ปัญหาเรื่องเรือดำน้ำ แต่จะต้องพูดคุยเพื่อหาทางออกที่ดี โดยยกระดับการเจรจาต่อไป”

ว่ากันด้วยเรื่อง “เรือดำน้ำ” หลังจาก ทร.ได้ตั้งคณะกรรมการไปรวบรวม ทดสอบเครื่องยนต์จีนเรียบร้อยแล้ว ได้ข้อสรุปที่ว่า “ยอมรับได้” และ พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผบ.ทร. ลงนามเห็นชอบเพื่อเสนอไปที่กระทรวงกลาโหมพิจารณาต่อไป แนวทางหลังจาก “รมต.สุทิน” เข้ามาคาดว่า ขั้นแรกในนามของรัฐบาลจะไปเจรจากับเยอรมนีเพื่อขอนำเครื่องยนต์ MTU มาติดตั้งในเรือดำน้ำ S26Tถ้าทำได้ถือว่าเพอร์เฟกต์ แต่ถ้าทำไม่ได้และดูรอบด้านว่า “ยังไม่มั่นใจ” ในเครื่องยนต์จีน ก็อาจจะเจรจายกเลิกสัญญา เพราะ ทร.ไทยไม่ได้เป็นฝ่ายกระทำผิดสัญญา รัฐบาลจีนอาจต้องคืนเงิน 7 พันล้านที่ ทร.จ่ายเป็นเงินงวดให้ไทย ส่วนเงินจะกลับคืนสู่กองทัพเรือเท่าไหร่นั้น หรือรัฐบาลจะมีแนวทางอีกหลายยก รวมถึงกรณีที่อาจจะเจรจาแลกคืนเป็นปุ๋ยส่วนหนึ่ง เงินคืนส่วนหนึ่ง ต้องรอดูต่อไป

นอกจาก รมว.กลาโหม พลเรือนจะรับฟังความเห็นจาก  ผบ.เหล่าทัพแล้ว ยังมีการจัดทีมสตาฟฟ์แบบผสมผสาน แบบพลเรือน ตำรวจ ทหาร โดยมี พล.ต.ท.ธนาศักดิ์ ฤทธิเดชไพบูลย์ (ตท.21) เพื่อนของ “สุทิน” เป็นหัวหน้าทีม นายกำพลศักดิ์ คลังแสง, ดร.ปณชัย แดงอร่าม, นายอภิศักดิ์ พละวิชัย, นายอภิชาติ ตุ้มวารี, นายธิติภัทธ์  สมบัติศิริ,  ดร.วรรณ์มงคล ศิลประเสริฐ, พล.อ.ชัยวิน ผูกพันธุ์, พล.อ.อ.สิทธิชัย แก้วบัวดี, พล.ร.อ.พัชระ พุ่มพิเชฏฐ์, พล.อ.ธนสร ป้องอาณา, พล.อ.รักศักดิ์ โรจน์พิมพ์พันธุ์, พล.ท.กิตติยุทธ กิตติยุทธโยธิน โดยมีชื่อของ พล.อ.อ.สุรพล พุทธมนต์ (ตท.20) อดีต รอง ผบ.ทอ. ยุค พล.อ.อ.แอร์บูล  สุทธิวรรณ เป็น ผบ.ทอ. เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี ตีคู่มากับชื่อของ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก โดยมีชื่อของ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เป็นเลขานุการ 

กองทัพบก โดยศูนย์การทหารม้า จัดพิธีอำลาชีวิตราชการทหารและเชิดชูเกียรตินายทหารเหล่าทหารม้า ประจำปี 2566 ณ ศูนย์การทหารม้า ค่ายอดิศร จ.สระบุรี ไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สำหรับปีนี้มีนายทหารเหล่าทหารม้าที่เกษียณอายุราชการทั้งสิ้น 83 นาย ชั้นนายพลเหล่าทหารม้า 30 นาย ดำรงชั้นยศพลเอก 12 นาย พลโท 11 นาย พลตรี 13 นาย และชั้นยศร้อยตรีถึงพันเอก จำนวน 53 นาย หนึ่งในนั้นคือ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด โดย พล.อ.เฉลิมพล กรุณามาเป็นประธานในพิธีสวนสนามอำลาชีวิตราชการทหารและเชิดชูเกียรติ ณ ลานสวนสนาม ศูนย์การทหารม้า โดยมี พล.ต.จิรวัฒน์ นาคะรัตน์ ผู้บัญชาการศูนย์การทหารม้า พล.ต.ศุภฤกษ์ สถาพรผล ผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 1 พล.ต.อาจิณ ปัทมจิตร ผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ และ พล.ต.พรชัย มาหลิน ผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 3 พร้อมด้วยผู้บังคับการกรมทหารม้า และคณะนายทหารเหล่าทหารม้าที่เกษียณอายุราชการร่วมในพิธี.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เด็กฝึกงาน...ไม่ผ่านโปร

ฉากทัศน์ทางการเมืองของประเทศไทยหลังจากรู้ผลของการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 เป็นภาพที่สร้างความกังวลให้กับคนไทยจำนวนมากที่ไม่ได้เลือกพรรคส้มหรือพรรคแดง

'ความเป็นไทย' กับกรณีน้ำท่วมภาคเหนือ-ภาคใต้

ถึงแม้จะก่อเกิด ถือกำเนิด ที่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี...แต่ด้วยเหตุเพราะไปเติบโตที่ภาคใต้ ไม่ว่าเริ่มตั้งแต่อำเภอทุ่งสง จังหวัดหน่ะคอนซี้ทำหมะร่าด ไปจนอำเภอกันตัง

ได้ฤกษ์ 'นายพล' ล็อต 2

ผ่านเดดไลน์ตามคำสั่ง ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้ทุกหน่วยส่งบัญชีข้อมูลผู้เหมาะสมเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น

พาณิชย์ หารือ สตช. ร่วมมือเร่งปราบปรามนอมินี และบัญชีม้านิติบุคคล

“พาณิชย์” เข้าพบ “บิ๊กต่าย” หารือแนวทาง มาตรการ ข้อกฎหมาย และความร่วมมือ 2 หน่วยงาน เร่งปราบปรามนอมินี และบัญชีม้านิติบุคคล เตรียมร่วมมือทุกรูปแบบ ทั้งประสานข้อมูล ตรวจค้น บังคับใช้กฎหมาย นำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ เพื่อกำจัดอาชญากรทางเศรษฐกิจ ลดความสูญเสียทรัพย์สินของประชาชน และสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้ประกอบการไทย

‘ก.ตร.เอก’ เตือนผู้มีอำนาจ ตั้ง ‘รองผบช.-ผบก.’ 116 เก้าอี้ ยึดกฎระเบียบ ฝ่าฝืนโทษวินัย-อาญา

พล.ต.อ.เอก แจงยิบการแต่งตั้ง รอง ผบช.จำนวน 41 ผบก.75  ตำแหน่ง เตือนผู้มีอำนาจแต่งตั้งทุกระดับ ทั้งโทษวินัยและอาญา

ช่างกล้า...ช่างมั่น รับประกันด้วยตำแหน่ง

ในขณะที่ประชาชนผู้รักชาติ รักแผ่นดิน มีความเป็นห่วงเป็นใยว่าการเจรจาแบ่งผลประโยชน์จากทรัพยากรในท้องทะเลใต้เกาะกูดตามที่มีการลงนามความเข้าใจร่วม (MOU) 44