
เมื่อพูดถึงโครงการไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู เป็นรถไฟฟ้าโมโนเรลสายที่สองที่จะเปิดให้บริการในประเทศไทย มีจุดประสงค์เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างเขตมีนบุรีและจังหวัดนนทบุรี มีระยะทางให้บริการ 34.5 กิโลเมตร (กม.) รวมทั้งหมด 30 สถานี และเพื่อให้เส้นทางมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ในช่วงก่อนหน้านี้ทางบริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (NBM) ผู้รับสัมปทาน
ได้มีการขยายเส้นทางเพิ่มขึ้นอีก 2 สถานี ระยะทาง 3 กิโลเมตร ได้แก่ สถานีอิมแพ็ค เมืองทองธานี (ชาเลนเจอร์ อาคาร 1) และสถานีทะเลสาบเมืองทองธานี
เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่อยู่อาศัยและทำงานอยู่ในเมืองทองธานีกว่า 300,000 คน รวมถึงผู้ที่เดินทางเข้ามาร่วมงานแสดงสินค้า และการประชุมที่มีกว่า 10 ล้านคนต่อปี ในส่วนของโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยาย ช่วงสถานีศรีรัช-เมืองทองธานี ปัจจุบันมีความก้าวหน้างานโยธา 36.86% งานระบบรถไฟฟ้า (M&E) 19.12% และความก้าวหน้าโดยรวม 30.23% โดยตามแผนงานคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ภายในปี 2568
ส่วนความคืบหน้าการดำเนินงานโครงการรถไฟฟ้ามหานครสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี เป็นไปตามแผนงาน โดยมีความก้าวหน้างานโยธา 96.71% งานระบบรถไฟฟ้า (M&E) 98.35% และความก้าวหน้าโดยรวม 98.03% ในส่วนงานโยธาของโครงการฯ ปัจจุบันผู้รับสัมปทานโครงการอยู่ระหว่างเร่งเก็บรายละเอียดของงานสถาปัตยกรรม และเตรียมความพร้อมของงานระบบไฟฟ้าในแต่ละสถานี เช่น การตกแต่งสถานี ห้องควบคุมระบบไฟฟ้า ห้องจำหน่ายตั๋ว ชั้นจำหน่ายตั๋ว เป็นต้น
ในส่วนของสถานีแจ้งวัฒนะ 14 (PK11) สถานีศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ (PK12) และสถานีโทรคมนาคมแห่งชาติ (PK13) อยู่ระหว่างการดำเนินการรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภค ก่อนเตรียมดำเนินการติดตั้งบันไดทางขึ้น-ลง โดย รฟม.ได้กำชับให้ผู้รับสัมปทานเร่งดำเนินงานให้แล้วเสร็จโดยเร็ว รวมทั้งเร่งรัดการคืนผิวจราจรบนถนนรามอินทรา ถนนแจ้งวัฒนะ ถนนสีหบุรานุกิจ และถนนติวานนท์ ซึ่งเป็นแนวสายทางโครงการฯ เพื่ออำนวยความสะดวกและปลอดภัยในการเดินทางให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนน
สำหรับ การเตรียมความพร้อมเพื่อเปิดให้บริการโครงการนั้น ปัจจุบันผู้รับสัมปทานโครงการยังอยู่ระหว่างการทดสอบเดินรถเสมือนจริง (Trial Run) ในช่วงแรก จากสถานีศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ (PK12) ถึงสถานีมีนบุรี (PK30) ซึ่งการทดสอบดังกล่าวยังไม่แล้วเสร็จ ทั้งนี้ รฟม.ได้มอบหมายให้ที่ปรึกษาควบคุมโครงการกำกับดูแลและติดตามผลการทดสอบเดินรถอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งรายงานปัญหา อุปสรรคต่างๆ ให้ รฟม.ทราบเป็นระยะ เพื่อนำมาพิจารณาความพร้อมและความเหมาะสมของแผนงาน โดยคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุด และความสะดวกในการเข้าถึงบริการของประชาชนเป็นสำคัญ
เมื่อการดำเนินงานทั้งสองส่วนข้างต้น ได้แก่ การทดสอบเดินรถเสมือนจริงและงานโยธาแล้วเสร็จ วิศวกรอิสระ (ICE) และ รฟม.จะดำเนินการตรวจสอบและประเมินความพร้อมในภาพรวมทั้งหมดของโครงการ เพื่อให้การดำเนินงานมีความปลอดภัยตามมาตรฐานในระดับสากล และเมื่อผ่านเกณฑ์การประเมินตามมาตรฐานสากลแล้วนั้น รฟม.จึงจะพิจารณาให้ผู้รับสัมปทานเปิดให้บริการเดินรถไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ (Full Operation) เชิงพาณิชย์ได้ พร้อมทั้งแจ้งกำหนดการเปิดให้ประชาชนได้ทดลองใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีชมพู และกำหนดการเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการให้ประชาชนได้รับทราบต่อไป
เตรียมนับถอยหลังไม่กี่อึดใจประชาชนก็จะได้ใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีชมพูกันแล้ว แน่นอนว่าจะช่วยอำนวยความสะดวกประชาชนที่ต้องการเดินทางมาติดต่อราชการหรือธุระต่างๆ ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าถนนแจ้งวัฒนะไปจนถึงถนนรามอินทรา ถือเป็นถนนที่มีการจราจรติดขัดสูงเป็นลำดับต้นๆ ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู รวมถึงรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ ที่เปิดให้บริการแล้ว หรือกำลังก่อสร้างอยู่นั้น จะมีส่วนช่วยในการลดปริมาณรถยนต์บนท้องถนน ลดการจราจรติดขัด รวมทั้งลดปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ได้ด้วยเช่นกัน.
กัลยา ยืนยง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เมื่อสุขภาพคือความลักชัวรีแบบใหม่
ในยุคที่ผู้คนต่างก็ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพ ทำให้เทรนด์นี้ยังคงมาแรงต่อเนื่อง ซึ่งก็มีข้อมูลที่น่าสนใจจากวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) กับข้อมูลสุดอินไซต์ “ภูมิทัศน์การดูแลสุขภาพของคนไทย” รับเทรนด์เศรษฐกิจอายุยืน
องค์กรต้องกล้าเปลี่ยนผ่าน
ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและแรงกดดันด้านความยั่งยืนที่เข้มข้นขึ้น ทำให้ภาคธุรกิจต้องปรับตัวรองรับกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ซึ่ง สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA)
แรงงานคืนถิ่น:ทางเลือกที่เป็นโอกาส
‘การเคลื่อนย้ายแรงงาน’ จากภูมิลำเนาเข้าสู่จังหวัดเศรษฐกิจเป็นปรากฏการณ์สำคัญที่ส่งผลต่อโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมของประเทศมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มคนทำงานตอนต้น ซึ่งเป็นกำลังแรงงานสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนา อย่างไรก็ตาม
ดันไทย-ญี่ปุ่นปักธงอุตสาหกรรม
ในภูมิทัศน์เศรษฐกิจโลกปัจจุบันที่ขับเคลื่อนด้วยการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว และเป้าหมายด้านความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม ความสามารถของประเทศในการปรับตัวและสร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่งในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตถือเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ประเทศไทยในฐานะฐานการผลิตหลักในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องยกระดับโครงสร้างอุตสาหกรรมไปสู่ยุคใหม่ที่เน้นมูลค่าสูงและมาตรฐานที่เข้มงวด
ถอดบทเรียนน้ำท่วมใหญ่ภาคใต้
จากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่จังหวัดสงขลา สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างทั้งพื้นที่เมืองและชนบท ส่งผลให้หลายหน่วยงานภาครัฐต้องเร่งวางมาตรการป้องกันอย่างเร่งด่วน ทั้งการฟื้นฟูถนน–สะพานที่ถูกตัดขาด การขุดลอกคูคลอง
เสริมสร้างธรรมาภิบาลองค์กร
ธรรมาภิบาลที่เข้มแข็งเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความไว้วางใจและดึงดูดการลงทุน ในช่วงเวลาที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและความโปร่งใสมากขึ้น ท่ามกลางกระแสการตรวจสอบกรณีทุจริตทางธุรกิจที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วเอเชีย

