..ต้องจับตาเลยสำหรับการประชุมวุฒิสภาในวันจันทร์ที่ 20 ธ.ค.นี้ เพราะที่ประชุมมีวาระสำคัญที่สมาชิกวุฒิสภาทั้งหมดต้องร่วมกันลงมติ นั่นก็คือ การลงมติให้ความเห็นชอบหรือไม่ให้ความเห็นชอบ บุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่ง "กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ” หรือ 7 อรหันต์ กสทช.ชุดใหม่ จำนวน 7 คน ตามที่คณะกรรมการสรรหา กสทช. ได้คัดเลือกจากผู้สมัครและส่งชื่อมาให้วุฒิสภาลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ ซึ่ง 7 รายชื่อดังกล่าว ประกอบด้วย พล.อ.ท.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ (ด้านกิจการกระจายเสียง), ศ.พิรงรอง รามสูต (ด้านกิจการโทรทัศน์), นายกิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ (ด้านกิจการโทรคมนาคม), ศ.คลินิก สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ (ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค), นายต่อพงศ์ เสลานนท์ (ด้านการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชน), ร.ท.ธนกฤษฏ์ เอกโยคยะ (ด้านอื่นๆ ที่จะยังประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของ กสทช. (ก) ด้านกฎหมาย) และ รศ.ศุภัช ศุภชลาศัย (ด้านอื่นๆ ที่จะยังประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของ กสทช. (ข) ด้านเศรษฐศาสตร์)
...เหตุที่การลงมติเห็นชอบรายชื่อ กสทช.จันทร์นี้ตกอยู่ในความสนใจของสังคม ก็เพราะปัจจุบัน กสทช.ที่ทำหน้าที่อยู่ ปฏิบัติหน้าที่มายาวนานร่วม 10 ปีแล้ว ขอย้ำ 10 ปี ทั้งที่กฎหมายให้อยู่แค่ไม่เกินเจ็ดปี จนกรรมการบางราย อายุเกินต้องพ้นจากตำแหน่งไปโดยปริยาย ซึ่งเหตุที่อยู่ยาวก็เพราะที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ การเลือกและเห็นชอบ กสทช. ถูกล้มกระดานมาแล้วถึงสองรอบ ทำให้การเลือก กสทช.วันจันทร์นี้ 20 ธ.ค. จึงถูกจับตามองอย่างมากหลังก่อนหน้านี้ มีกระแสข่าวออกมาต่อเนื่องทำนองว่า มีกลุ่มต่างๆ ทั้ง กลุ่มการเมือง-กลุ่มทุนด้านกิจการโทรคมนาคมและการสื่อสาร มีการผลักดันและสนับสนุนบุคคลบางรายชื่อให้เข้าไปเป็น กสทช. โดยมีข่าวทำนองเช่น บางรายชื่อจาก 14 รายชื่อ พบว่ามีความสัมพันธ์อันดีกับอดีตบิ๊กตำรวจยศ พล.ต.อ.คนหนึ่ง ที่ใกล้ชิดกับขั้วอำนาจปัจจุบัน ท่ามกลางข่าวว่า ตัวเต็งคนที่อาจจะได้เป็นประธาน กสทช.คนใหม่ จะไม่ใช่คนที่มาจากวงการสื่อสารโทรคมนาคม แต่อาจเป็นบุคคลหนึ่งที่เคยมีตำแหน่งในยุค คสช. และเป็นที่รู้กันดีว่า “บุคคลดังกล่าวมีความสัมพันธ์อันดีกับแกนนำระดับบิ๊กรัฐบาล" ขณะที่ข่าวอีกบางกระแสก็ประเมินว่า จาก 7 ชื่อที่ส่งมาให้วุฒิสภาโหวต ต้องรอดูว่าจะหลุดเข้าไปหมดทั้งเจ็ดคนหรือไม่ หรือว่าจะมีบางคนไม่ได้รับความเห็นชอบ หลังมีกระแสข่าวเรื่องอาจจะมีสัญญาณบางอย่างส่งไปถึง ส.ว.ภายในช่วงเช้าวันที่ 20 ธ.ค. เพื่อประสานให้ ส.ว.โหวตให้ชื่อบางคนตกไป แล้วไปเปิดรับสมัครกันใหม่ โดยไม่มีการล้มกระดานหมด โดย กสทช.จะปฏิบัติหน้าที่ได้ต้องมีกรรมการไม่น้อยกว่าห้าคน ดังนั้น หากที่ประชุมวุฒิสภาโหวตเลือกมาห้าคน กสทช.ชุดใหม่ก็คลอดเสียที หลังชุดปัจจุบันอยู่กันรากงอกมาร่วม 10 ปี!!!!!!!!...ผลจะออกมาอย่างไรโปรดติดตาม
...หลังพรรคประชาธิปัตย์และพรรคกล้า เปิดตัวผู้สมัครลงเลือกตั้งซ่อมที่สงขลาและชุมพรมาแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแต่พรรคใหญ่ที่จะเป็นตัวแปรสำคัญในศึกเลือกตั้งซ่อมรอบนี้ นั่นก็คือ พลังประชารัฐ (พปชร.) ที่หาก พปชร.ส่งคนลงเลือกตั้งก็จะทำให้เป็นการแข่งขันกันดุเดือดระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลกันเองเพราะฝ่ายค้าน แม้บางพรรคเช่น ก้าวไกล สนใจจะลงชิงแต่คงไม่ได้ลุ้น ส่วน พรรคกล้า ก็ถูกจับตามองว่าอาจเป็นอีกทางเลือกของคนในพื้นที่ แต่หากดูตามกระแสตอนนี้ยังถือว่าเป็นรอง ซึ่ง พปชร.จะนัดเคาะรอบสุดท้ายอังคารนี้ 21 ธ.ค. เพราะหากช้ากว่านี้คงไม่ดี เพราะตอนนี้ มีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งซ่อมออกมาแล้วเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. และคาดกันว่าจะมีการเลือกตั้งซ่อมเกิดขึ้นวันอาทิตย์ที่ 16 ม.ค.2565 ซึ่งข่าวทางลับบอกว่า แม้จะมีการหารือและนัดลงมติอังคารนี้แต่จริงๆ แล้ว ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค พปชร.ได้มีมติออกมาแล้วในการประชุมเมื่อวันอังคารที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่ให้พรรคส่งคนลงสมัครเลือกตั้งซ่อมทั้งที่ชุมพรและสงขลา แต่ไม่ได้มีการแถลงข่าวออกมาอย่างเป็นทางการ เพราะต้องการรอฟังผลการประชุมใหญ่ของพรรค ปชป.เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาก่อนเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์บางอย่างตามที่แกนนำพรรคต้องการโดยเฉพาะผลการเลือกตั้งรองหัวหน้าพรรค ปชป.ภาคใต้ ที่ชิงกันระหว่างชินวรณ์ บุณยเกียรติ กับเดชอิศม์ ขาวทอง หรือนายกชาย ....
..อย่างไรก็ตาม ข่าวที่ได้ยินมาพบว่า ในความเป็นจริง ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค พปชร. มีการลงมติไปแล้วเมื่อวันอังคารที่แล้ว 14 ธ.ค. ให้พรรคส่งคนเลือกตั้งซ่อมแบบ เปิดหน้าชน ประชาธิปัตย์ไปเลย โดยที่สงขลามีมติเอกฉันท์ 20 เสียงให้ส่งคนสู้กับภรรยาของเดชอิศม์ ที่เป็นรองนายก อบจ.สงขลา ส่วนที่ ชุมพร มีมติ 17 ต่อ 3 ให้ส่งคนลงเลือกตั้งซ่อมที่ชุมพร แม้จะมีข่าวว่า กลุ่มลูกหมี ร.ท.ธนกฤษฏ์ เอกโยคยะ มีสัญญาใจกับคน พปชร.ว่าจะขนทีมของตัวเองที่ชุมพร ย้ายมา พปชร.ในการเลือกตั้งรอบหน้า แต่รอบนี้ส่งนายอิสรพงษ์ มากอำไพ หลานภรรยาของนายชุมพล ลงเลือกตั้งในนามพรรค ปชป. จนมีข่าวว่า พปชร.จะหลีกทางให้ แต่เสียงส่วนใหญ่ในกรรมการบริหารพรรค พปชร.มองว่า เมื่อพรรค พปชร.จะส่งคนลงเลือกตั้งซ่อมก็ต้องส่งทั้งสองเขต ไม่ใช่จะส่งแค่ที่สงขลา ไม่ส่งที่ชุมพร อีกทั้งหลายเสียงไม่ค่อยเชื่อว่ากลุ่มลูกหมีจะย้ายมา พปชร.จริง จึงเห็นว่า ยังไงก็ควรส่งคนลงก่อน....อย่างไรก็ตาม นั่นคือสถานการณ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่มาตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยน ประชุมวันอังคารนี้ต้องรอดูว่า กรรมการบริหารพรรค พปชร.จะเปลี่ยนท่าทีหรือไม่.
หินกลิ้ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
น้ำลด การเมืองผุด! หลังเพลาไปช่วงมหาวิปโยคใต้ เวลานี้กลับมาร้อนฉ่าอีกรอบ ช่วงเย็นพุธที่ผ่านมา คล้อยหลัง "นายกฯ อนุทิน" แถลงโชว์ถอนรากสแกมเมอร์เขมรยึดทรัพย์หมื่นล้าน
บันทึกหน้า 4
ต้องยอมรับว่าแม้ “มหาอุทกภัยในภาคใต้” เริ่มคลี่คลายเข้าสู่จุดการเยียวยา-ฟื้นฟูแล้วก็ตามที แต่ยอดผู้เสียชีวิตและความเสียหายก็ยังไม่นิ่งเสียทีเดียว แต่อย่างไรยอดผู้เสียชีวิตก็คงไม่ถึงพันศพตามที่ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” อดีต รอง ผบ.ตร. วาดหวังแน่ๆ แล้ว
บันทึกหน้า 4
หลังวิกฤตน้ำท่วม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คลี่คลาย น้ำตาก็ท่วมเมือง เมื่อชาวหาดใหญ่เห็นสภาพบ้านเรือนของตัวเองกลายเป็นซากปรักหักพัง ทรัพย์สินที่สร้างมาพังพาบไปกับกระแสน้ำแทบสิ้นเนื้อประดาตัว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมความร่วมมือ “รวมใจไทย ฟื้นแดนใต้” ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นแกนกลางในการประสานงานร่วมกับภาคเอกชนและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
ภายใต้วิกฤตหาดใหญ่ครั้งนี้ ผู้นำรัฐบาลอย่าง อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ถูกเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบ แม้ต้นตอของปัญหาไม่ได้มาจากเขาคนเดียว
บันทึกหน้า 4
ขึ้นต้นเดือนสุดท้ายของปี บรรยากาศสังคมไทยยังคงซึมๆ เศร้าๆ อยู่กับเหตุและเภทภัยที่พี่น้องชาวใต้กำลังเผชิญ "น้ำลดตอผุด" ถูกขุดขึ้นมาเป็นรายวัน เหมือนมีใครบางคนกำลังช่วงชิงสถานการณ์หวัง "ตีกิน" สร้างดรามา แต่งคอนเทนต์ไล่ล่าเอาคะแนนนิยมคืนจากรัฐบาลที่นำโดยพรรคภูมิใจไทย
บันทึกหน้า 4
น้ำใจไทยไม่เคยเหือดแห้ง ถนนทุกสายจากทั่วประเทศมุ่งสู่ใต้ โดยเฉพาะ "มหาวิปโยคหาดใหญ่" ไม่ใช่แค่ทั้งเมืองจมบาดาล ทรัพย์สินเสียหาย แต่รวมถึงชีวิตที่ประเมินค่าไม่ได้ ซึ่งมีการอัปเดตตัวเลขช่วงเย็น 27 พ.ย.



