เมื่อวานเขียนถึงประเด็นอุตสาหกรรมย้ายจากจีนไปอินเดียเมื่อเกิดสถานการณ์ที่สหรัฐฯกับจีนใช้นโยบาย de-risk หรือ “ลดความเสี่ยงของกันและกัน” เพื่อเอาชนะคะคานกันในเวทีระหว่างประเทศ
อินเดียได้ “ส้มหล่น” ไปส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งไปหล่นที่อินโดนีเซีย
ความจริง ในภาพรวมแล้วสำหรับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ระบบการค้าพหุภาคีแบบเปิดมีประโยชน์อย่างมาก
เพราะภูมิภาคนี้สามารถบูรณาการกับทั้งโลกได้เนื่องจากนโยบายการค้าแบบเปิดและอยู่ในตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ที่เอื้อต่อการค้าขายและขนส่งอย่างยิ่ง
และเมื่อมีการลดความเสี่ยงในรูปแบบของการกระจายห่วงโซ่อุปทานก็เพิ่มโอกาสของการไหลเข้าของเงินลงทุนจากข้างนอกอีกด้วย
ศูนย์การผลิตนิกเกิลที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคอยู่สวนอุตสาหกรรมอินโดนีเซีย Morowali (IMIP) ในเมืองสุลาเวสี
ว่ากันว่าที่นี่เปิดไฟส่องสว่างตลอดทั้งคืน
เพราะพนักงานกว่า 40,000 คนต้องประจำไซต์งานตลอดเวลา
อุทยานแห่งนี้มีพื้นที่เกือบ 4,000 เฮกตาร์หรือ 25,000 ไร่ ใช้เวลาขับรถ 45 นาทีจากปลายด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง
มีโรงไฟฟ้า พื้นที่ท่าเรือ และแม้แต่สนามบินเป็นของตัวเอง
เมื่อ 11 ปีก่อน บริเวณนี้เป็นป่าฝนหนาทึบและเป็นที่อยู่อาศัยของชาวบ้านประมาณ 3,000 คน
พอทุนจีนบุกนำโดย Tsingshan Holding Group บริษัทเหล็กกล้าไร้สนิมยักษ์ใหญ่ ก็เกิดการเปลี่ยนป่าไม้เป็นโรงงาน
บริษัท Hamid Mina เป็นผู้ส่งออกนิกเกิลจัดหาแร่ให้กับประเทศจีนอย่างแข็งขัน
บริษัทอินโดฯแห่งนี้ลงทุนร่วมกับ Tsingshan สร้างโรงงานแปรรูปนิกเกิลแห่งแรกในปี 2013
ธุรกิจยักษ์ Tsingshan ของจีนมองว่าหุ้นส่วนอินโดฯเก่งเรื่องการสร้างโรงงานและการผลิต
และแน่นอนว่าบริษัทในประเทศย่อมจะรู้เรื่องกฎระเบียบและรายละเอียดระบบราชการของอินโดฯอย่างถี่ถ้วน
ส่วนจีนมีเทคโนโลยีและทุน
แร่นิกเกิลเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเหล็กกล้าไร้สนิมมายาวนาน
และกำลังกลายเป็นส่วนประกอบสำคัญมากขึ้นสำหรับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนในยานพาหนะไฟฟ้า
สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศประมาณการว่าภายในปี 2040 เทคโนโลยีพลังงานสะอาดจะมีสัดส่วนถึงร้อยละ 70 ของความต้องการนิกเกิลทั้งหมด
อินโดนีเซียเป็นแหล่งนิกเกิลที่ใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นผู้ขุดแร่นิกเกิลรายใหญ่ที่สุด
เพราะสามารถสกัดได้เกือบครึ่งหนึ่งของอุปทานทั่วโลก
ในขณะเดียวกัน จีนก็มีบริษัทแบตเตอรี่และเทคโนโลยีสีเขียวรายใหญ่ที่สุดของโลกเช่นกัน
จึงเป็นการสอดประสานที่ลงตัว
IMIP รับบทถลุงและปรับแต่งนิกเกิลในปริมาณมหาศาล และมีส่วนสนับสนุนความพยายามของจีนในการกระจายแหล่งที่มาของปัจจัยการผลิตที่สำคัญซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ
การเติบโตทั่วโลกของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และแบตเตอรี่ไม่ได้เป็นเพียงแรงผลักดันเพียงอย่างเดียวที่อยู่เบื้องหลังการเติบโตของ Morowali
เรื่องของเรื่องคือคำสั่งห้ามการส่งออกสินแร่นิกเกิลของอินโดนีเซียตั้งแต่ปี 2020
ซึ่งถูกวิพากษ์จากสหภาพยุโรป, WTO และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)
แต่คำสั่งห้ามนี้เองที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติต้องสร้างโรงถลุงแร่ในประเทศอินโดฯ
เท่ากับเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับการส่งออกโลหะและสร้างงานจำนวนไม่น้อย
ในปี 2014 การส่งออกแร่นิกเกิลของอินโดนีเซียมีมูลค่า 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
พอถึงปี 2565 ส่งออกผลิตภัณฑ์นิกเกิลมูลค่ากระโดดไปที่ 34 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
นั่นสะท้อนถึงตัวคูณมหาศาล
วันนี้ หลายบริษัทกำลังทำงานร่วมกันที่ Morowali เพื่อผลิตแร่ตัวนี้ที่บัดนี้มีสมญาว่าเป็น “ทองคำแห่งศตวรรษที่ 21” แล้ว
โดยมีการลงทุนเกือบ 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐถึง 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 180,000-200,000 ล้านบาท
อินโดฯกำลังส่งสัญญาณว่า “เรายินดีต้อนรับทุกคน เราไม่สนใจว่า คุณจะมาจากตะวันตกหรือตะวันออก เราทำธุรกิจ ไม่มีการเมือง”
ไม่เพียงเท่านั้น เพื่อก้าวขึ้นสู่ห่วงโซ่ที่มีคุณค่าเพิ่มขึ้น อินโดนีเซียกำลังสร้าง "ระบบนิเวศ" สำหรับแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ลิเธียมให้สมบูรณ์มากขึ้นทุกขณะ
ในปี 2022 ประธานาธิบดีโจโก วิโดโดเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกที่ประกอบในอินโดนีเซีย ซึ่งผลิตโดย Hyundai
และกำลังทำงานร่วมกับบริษัทเกาหลีใต้อีก 2 แห่งเพื่อผลิตแบตเตอรี่ EV ในอินโดนีเซีย
เมื่อปีที่แล้ว ตอนเขาเยือนออสเตรเลียมีการลงนามข้อตกลงในการทำเหมืองลิเธียมและนิกเกิลเพื่อผลิตแบตเตอรี่ EV
โดยมีการย้ำถึงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่างทั้งสองประเทศในสาขานี้เป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก
ขณะที่จีนมี BYD จับมือกับ Wuling ผู้ผลิต EV สัญชาติจีน สหรัฐฯก็มี Tesla ที่กำลังหารือโครงการลงทุนกับรัฐบาลอินโดนีเซียเคียงคู่กันไป
ในอนาคตอันใกล้นี้ บริษัทจีนสามารถแปรรูปนิกเกิลในอินโดนีเซีย จากนั้นจึงประกอบเป็นแบตเตอรี่ EV โดยเกาหลีใต้
และอาจรวมถึงบริษัทออสเตรเลียเพื่อผลิตรถยนต์ในอินโดนีเซียโดยผู้ผลิตในอเมริกาและจีน
ในโลกที่ต้องเผชิญกับความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ จาการ์ตามองว่าความร่วมมือระดับโลกดังกล่าวเป็นอนาคตของการพัฒนาชาติ
เป้าหมายสำคัญคือการหลีกเลี่ยงการกระจุกตัวของห่วงโซ่อุปทาน ในมือของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ยุทธศาสตร์คือการพยายามกระจายห่วงโซ่อุปทานโดยไม่แสดงว่าโอนเอียงไปอยู่มหาอำนาจใดมหาอำนาจหนึ่ง
ที่น่าสังเกตคือเทคโนโลยีของจีนในด้านการประมวลผลนิกเกิลล้ำหน้าประเทศตะวันตกจะช้ากว่า 10 ถึง 15 ปี
แต่นั่นไม่ได้แปลว่าอินโดฯจะเลือกจีนหรือสหรัฐฯเป็นหลัก
เป็นที่มาของการประกาศความร่วมมือที่เป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย
เพราะเป็นที่ยอมรับว่าไม่มีประเทศใดประเทศหนึ่งหรือภูมิภาคเดียวที่สามารถเติมเต็มแร่ธาตุสำคัญทั้งหมดที่เราต้องการสำหรับการปรับตัวเข้าสู่พลังงานสะอาดตามมาตรฐานโลกได้
เมื่อเร็วๆ นี้ IMF ประเมินว่าอาเซียน "จะยังคงเติบโตเร็วกว่าค่าเฉลี่ยของโลกที่ 1.5 เท่า
ในด้านการค้า ภูมิภาคนี้มีการเติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกในปี 2022 ถึงห้าเท่า
หากอาเซียนรวมตัวกันสำแดงความแข็งแกร่งให้มหาอำนาจทั้งหลายได้รับรู้ว่าจะต้องไม่ถูกบังคับให้ต้องเลือกข้าง ผลสุดท้ายทรัพยากรของอาเซียนก็จะเป็นประโยชน์สำหรับทุกประเทศในโลกนี้อยู่ดี
ไม่ว่าจะเป็นค่ายไหนทั้งนั้น
ดูตัวอย่างของอินโดนีเซียแล้ว ไทยเราจะต้องทบทวนยุทธศาสตร์กันหลายตลบจึงจะวิ่งไล่ทันเพื่อนเราในอาเซียน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ
แหล่งค้ามนุษย์ใน 3 เหลี่ยมทองคำ
เขตเศรษฐกิจพิเศษหรือ SEZ บริเวณสามเหลี่ยมทองคำที่โยงกับไทยนั้นกลายเป็นประเด็นเรื่องอาชญกรรมข้ามชาติที่สมควรจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยอย่างจริงจัง
ไบเดนหรือทรัมป์? เอเชียน่าจะเลือกใครมากกว่า?
ผมค่อนข้างมั่นใจว่าการดีเบตระหว่างโจ ไบเดน กับโดนัลด์ ทรัมป์ วันนี้ (เวลาอเมริกา) จะไม่ให้ความสำคัญต่อเอเชียหรืออาเซียน
พรุ่งนี้ ลุ้นดีเบตรอบแรก โจ ไบเดนกับโดนัลด์ ทรัมป์
ผมลุ้นการโต้วาทีระหว่างโจ ไบเดน กับโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (27 มิถุนายน) เพราะอยากรู้ว่า “ผู้เฒ่า” สองคนนี้จะมีความแหลมคมว่องไวในการแลกหมัดกันมากน้อยเพียงใด
เธอคือ ‘สหายร่วมรบ’ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรค NLD คนสุดท้าย!
อองซาน ซูจีมีอายุ 79 ปีเมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา...และยังถูกจำขังในฐานะจำเลยของกองทัพพม่าที่ก่อรัฐประหารเมื่อกว่า 3 ปีที่แล้ว
อองซาน ซูจี: เสียงกังวล จากลูกชายในวันเกิดที่ 79
วันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมาคือวันเกิดที่ 79 ของอองซาน ซูจี...ในวันที่เธอยังถูกคุมขังเป็นปีที่ 4 หลังรัฐประหารโดยพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย เมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2021