
เป็นเรื่องอีกแล้ว หลังจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้หยิบยกเหตุที่แท็กซี่ไม่ยอมกดมิเตอร์ว่าบางทีก็ต้องเห็นใจ เพราะในช่วงรถติดจริงๆ มิเตอร์ไม่ขึ้นเขาก็ไม่ได้สตางค์ เป็นเรื่องของกระทรวงคมนาคมที่ต้องไปแก้ไขใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อให้เป็นไปตามกลไกการแข่งขัน ไม่ใช่ไรเดอร์ได้เปรียบ ซึ่งมีหลายส่วนที่เกี่ยวข้อง และรัฐบาลจะผลักดันให้มีการแข่งขันที่เป็นธรรม
แน่นอนว่างานนี้นายกฯ งานเข้า โดนชาวเน็ต ชาวโซเชียลรุมสับเละ บ้างก็บอกว่า สงสัยนายกฯ ไม่เคยนั่งแท็กซี่, นั่งแท็กซี่ช่วงจอดที่รถติดนานๆ เรามองที่มิเตอร์มันก็รันของมันไปเรื่อยๆ อยู่นะ บ้างก็บอกให้นายกฯ ไปหาข้อมูลมาใหม่ หรือบ้างก็เสนอแนะให้ช่วยนายกฯ แก้ปัญหาแท็กซี่เอารัดเอาเปรียบผู้โดยสาร แน่นอนว่าก็ยังมีชาวเน็ตบางส่วนที่ออกโรงปกป้องว่าที่ท่านนายกฯ ออกมาพูดเรื่องนี้เพียงแค่ต้องการจัดการกับปัญหาต่างๆ, นายกฯ เป็นคนขยัน ออกตรวจงานทุกวัน
มาที่กระทรวงคมนาคมเด้งรับลูกทันทีทันควัน โดยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ได้ออกมาเปิดเผยกรณีที่นายกรัฐมนตรีได้มีความห่วงใยต่อการใช้บริการในระบบรถโดยสารสาธารณะรถแท็กซี่ จึงได้มอบนโยบายเร่งด่วนให้กระทรวงคมนาคมเร่งดำเนินการแก้ไขการให้บริการรถแท็กซี่ ให้ประชาชนสามารถใช้บริการที่ดี สะดวก ปลอดภัย และมีราคาที่เหมาะสม พร้อมทั้งเร่งหาสาเหตุปัญหารถแท็กซี่ปฏิเสธการให้บริการประชาชนในระหว่างชั่วโมงเร่งด่วน หรือในช่วงเวลาที่มีการจราจรติดขัดด้วย
โดยกระทรวงคมนาคมได้ขานรับของนโยบายนายกรัฐมนตรี จึงสั่งการให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว พร้อมมอบหมายให้ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ไปดำเนินการศึกษาวิจัยแนวทางการพัฒนาคุณภาพการให้บริการรถแท็กซี่ทั้งระบบ รวมถึงการวิจัยในเรื่องอัตราค่าโดยสารที่เหมาะสม สะท้อนต่ออัตราค่าครองชีพในปัจจุบัน และไม่เป็นการรบกวนต่อค่าครองชีพของประชาชน
สำหรับ กระบวนการศึกษาในขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาแผนการดำเนินการ รวมถึงการรับฟังความคิดเห็นจากสมาคมผู้บริโภค สมาคมชมรมผู้ให้บริการรถแท็กซี่ รวมถึงหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อระดมความเห็นจากทุกฝ่าย นำมาปรับปรุงพัฒนาทั้งในส่วนของการให้บริการ และในส่วนของการรับบริการในระบบแท็กซี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะเดียวกันได้มอบหมายให้ ขบ.ไปพิจารณาถึงแนวทางอื่นๆ ควบคู่ไปด้วย เพื่อให้ระบบการให้บริการเป็นไปตามระบบสากล มีความทันสมัย และสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน เพื่อยกระดับการให้บริการให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีโดยเร็วที่สุดต่อไป
หากยังจำกันได้ สำหรับอัตราค่าแท็กซี่ใหม่ เมื่อวันที่ 12 ม.ค.2566 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่องกำหนดอัตราค่าจ้างบรรทุกคนโดยสาร และค่าบริการอื่นสำหรับรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกิน 7 คนที่จดทะเบียนในเขต กทม. โดยให้มีผลวันที่ 13 ม.ค.2566
สำหรับการปรับขึ้นค่าโดยสารแท็กซี่คือ ระยะทาง 1 กม.แรก รถใหญ่ ปัจจุบัน 35 บาท ปรับเป็น 40 บาท, ระยะทางเกินกว่า 1-10 กม. ปัจจุบันรถเล็ก-รถใหญ่ กม.ละ 5.5 บาท ปรับเป็น กม.ละ 6.5 บาท, ระยะทางเกินกว่า 10-20 กม. ปัจจุบันรถเล็ก-รถใหญ่ กม.ละ 6.5 บาท ปรับเป็น กม.ละ 7 บาท, ระยะทางเกินกว่า 20-40 กม.
ปัจจุบันรถเล็ก-รถใหญ่ กม.ละ 7.5 บาท ปรับเป็น กม.ละ 8 บาท และระยะทางเกินกว่า 40-60 กม. ปัจจุบันรถเล็ก-รถใหญ่ กม.ละ 8 บาท ปรับเป็น กม.ละ 8.5 บาท ส่วนค่ารถติด ปัจจุบันรถเล็ก-รถใหญ่คิดนาทีละ 2 บาท ปรับเป็นนาทีละ 3 บาท
คงต้องบอกว่า หากจะอ้างด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ในการปรับขึ้นราคาแท็กซี่อีกครั้ง คงต้องคิดให้รอบคอบ หากปรับขึ้นแล้วจะมีผู้ใช้บริการหรือไม่ อย่าลืมว่าปัจจุบันระบบขนส่งทางรางหรือรถไฟฟ้าได้ให้บริการครอบคลุมเกือบทุกเส้นทาง ถือเป็นทางเลือกลำดับต้นๆ ของผู้ใช้บริการ ขณะที่แท็กซี่ปัจจุบันมีราคาไม่สอดคล้องกับรายได้ของคนในประเทศ หากมีการปรับขึ้นราคาอีกครั้งก็อย่าได้โอดโอยว่าผู้โดยสารไม่ใช้บริการ แต่แน่นอนว่าก็มีแท็กซี่บางกลุ่มที่ออกมาแสดงความกังวลใจว่าไม่อยากให้มีการปรับราคา เนื่องจากกลัวว่าจะไม่มีผู้โดยสารใช้บริการนั่นเอง.
กัลยา ยืนยง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปีใหม่เป้าลดอุบัติเหตุ 5%
ช่วงเทศกาลปีใหม่ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่ประชาชนจำนวนมากออกเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยว ส่งผลให้ปริมาณการใช้รถใช้ถนนเพิ่มสูงขึ้นเป็นเท่าตัว และมักตามมาด้วยความเสี่ยงด้านอุบัติเหตุทางถนน
เมื่อสุขภาพคือความลักชัวรีแบบใหม่
ในยุคที่ผู้คนต่างก็ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพ ทำให้เทรนด์นี้ยังคงมาแรงต่อเนื่อง ซึ่งก็มีข้อมูลที่น่าสนใจจากวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) กับข้อมูลสุดอินไซต์ “ภูมิทัศน์การดูแลสุขภาพของคนไทย” รับเทรนด์เศรษฐกิจอายุยืน
องค์กรต้องกล้าเปลี่ยนผ่าน
ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและแรงกดดันด้านความยั่งยืนที่เข้มข้นขึ้น ทำให้ภาคธุรกิจต้องปรับตัวรองรับกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ซึ่ง สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA)
แรงงานคืนถิ่น:ทางเลือกที่เป็นโอกาส
‘การเคลื่อนย้ายแรงงาน’ จากภูมิลำเนาเข้าสู่จังหวัดเศรษฐกิจเป็นปรากฏการณ์สำคัญที่ส่งผลต่อโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมของประเทศมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มคนทำงานตอนต้น ซึ่งเป็นกำลังแรงงานสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนา อย่างไรก็ตาม
ดันไทย-ญี่ปุ่นปักธงอุตสาหกรรม
ในภูมิทัศน์เศรษฐกิจโลกปัจจุบันที่ขับเคลื่อนด้วยการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว และเป้าหมายด้านความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม ความสามารถของประเทศในการปรับตัวและสร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่งในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตถือเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ประเทศไทยในฐานะฐานการผลิตหลักในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องยกระดับโครงสร้างอุตสาหกรรมไปสู่ยุคใหม่ที่เน้นมูลค่าสูงและมาตรฐานที่เข้มงวด
ถอดบทเรียนน้ำท่วมใหญ่ภาคใต้
จากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่จังหวัดสงขลา สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างทั้งพื้นที่เมืองและชนบท ส่งผลให้หลายหน่วยงานภาครัฐต้องเร่งวางมาตรการป้องกันอย่างเร่งด่วน ทั้งการฟื้นฟูถนน–สะพานที่ถูกตัดขาด การขุดลอกคูคลอง

