'กฎหมาย' จะใช้กับใคร?

ทำบุญไถ่ชีวิตสัตว์ เช่น "โค-กระบือ" ท่านว่าได้บุญ

ด้วยนิยามนั้น

แพทย์ รพ.ตำรวจ ผู้ลงความเห็น "นักโทษทักษิณ" อาการรุนแรงขั้นวิกฤต อันอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

ฉะนั้น ยังต้องอยู่ในความดูแลใกล้ชิดของแพทย์ต่อ

กับ ผบ.เรือนจำและอธิบดีกรมราชทัณฑ์

ที่เห็นชอบด้วยและอนุมัติให้นักโทษทักษิณ นอน รพ.ตำรวจต่อ "ครึ่งปี" จนถึงวันพักโทษ นั้น

บุคคลใน ๓ หน่วยงานนี้ ภายใต้รัฐบาล "เพื่อไทย-เศรษฐา"

ถือว่า "ได้บุญ" ด้วย!

ได้มากกว่าทำบุญ "ไถ่ชีวิตวัว-ควาย" ซะด้วยซ้ำ เพราะวัว-ควาย เป็นแค่ "สัตว์เดรัจฉาน"

แต่นักโทษทักษิณ "เป็นสัตว์" ประเภทมนุษย์

ฉะนั้น ทั้งแพทย์ รพ.ตำรวจ ทั้ง ผบ.คุก ทั้งอธิบดีราชทัณฑ์ ย่อมได้บุญมากกว่าหลายเท่าตัว

นายเศรษฐาในฐานะนายกฯ, พ.ต.อ.ทวี ในฐานะ รมว.ยุติธรรม จะร่วมอนุโมทนาในกุศลปล่อยสัตว์นี้ด้วยหรือไม่ก็ตาม

ถือว่ามี "ส่วนได้-ส่วนเสีย" จาก "พยักหน้า-รู้เห็น" ให้ลูกน้องกระทำโดยตรงอยู่แล้ว!

๒๑ เมษายน ๒๕๖๗ กรุงเทพฯ จะมีอายุ ๒๔๒ ปี

คุกเมืองไทย สร้างในรัชกาลที่ ๕ แถวๆ สี่แยกประตูผี

ย้ายมาเป็น "เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ" อยู่ลาดยาวทุกวันนี้

นั่นอายุราวๆ ๑๓๐ กว่าปี

ยังไม่มีนักโทษคนไหนสร้างเกียรติประวัติคู่ควรแก่การจารึกชื่อไว้เลย

ก็ "นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร" นี่แหละ

คู่ควรกับการได้รับการจารึกชื่อติดกำแพงคุกไว้เป็นเกียรติประวัติแห่งวงศ์ตระกูลสืบๆ ต่อไปภาคหน้า ว่า.....

เป็นนักโทษ "หนึ่งเดียว" ในโลก ที่มี "รัฐบาล" และ "นายกฯ" เป็นสมบัติของตระกูล

ศาลลงโทษจำคุก ๘ ปี

ฐาน "โกงชาติ-โกงแผ่นดิน" ได้รับพระมหากรุณาฯ พระราชทานอภัย "ลดโทษ" เหลือ ๑ ปี

แต่ด้วยหมอกับราชทัณฑ์ใต้อำนาจรัฐบาลเศรษฐา ทำให้นักโทษทักษิณ ไม่ต้อง "ติดคุก" เลย แม้แต่วันเดียว

จึงเป็นเกียรติประวัติสูงยิ่งของคุกไทยและรัฐบาลไทย

ที่ได้รับใช้ "นักโทษ" ผู้มีอำนาจบริหารประเทศเบ็ดเสร็จผ่านรัฐบาลของตนและนายกฯ ในคอก!

แต่ก็บอกแล้ว ในคำว่า "กรรม" คือการกระทำ เป็น "คำกลางๆ"

ทำดี ก็เรียก "กรรมดี" ทำชั่ว ก็เรียก "กรรมชั่ว"

ผู้ใดกระทำกรรมแบบไหน สุดท้ายแล้ว ต้องเป็นผู้ได้รับผลกรรมแบบนั้น

ทั้งหมอ ทั้ง ผบ.คุก ทั้งอธิบดีราชทัณฑ์ อาจมีอานิสงส์ไปถึงนายกฯ และรัฐมนตรีด้วยก็ได้

เพราะต้องไม่ลืม ทักษิณใช่ว่าได้รับพักโทษเพราะเกณฑ์อายุ ๗๐ โดยตรง หากแต่เจ็บป่วยขั้นวิกฤต ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้

จะกินข้าว จะขี้ จะเยี่ยว จะล้างหน้า จะแปรงฟัน จะลุก จะนั่ง ต้องมีคนช่วย-ดูแล ตลอดเวลา ตามเงื่อนไข

เมื่อมีที่อยู่ที่พักเป็นหลักแหล่ง มีญาติรับหน้าที่อุปการะดูแล จึงครบเกณฑ์ให้พักโทษ ออกจากคุก ไปเป็น "นักโทษนอกคุก" อยู่บ้าน

แต่ในที่สุด.........

ทั้งหมอ รพ.ตำรวจ ทั้ง ผบ.คุก ทั้งอธิบดีราชทัณฑ์ ทั้งรัฐมนตรียุติธรรม รวมทั้งนายกฯ เศรษฐา

กำลังเข้าตำรา "ทำบุญได้โทษ-โปรดสัตว์ได้บาป"!

เพราะนับแต่วันแรกจนถึงวันนี้ ที่ราชทัณฑ์อนุญาตให้พักโทษทักษิณ

"ขั้นวิกฤต" ที่ว่า อาจอันตรายถึงชีวิตได้ทุกขณะ นั้น

ทักษิณ "หายเป็นปลิดทิ้ง"!

เปิดบ้านรับแขกต่างประเทศ เปิดประตูให้นายกฯ ในคอกเข้าคารวะ

นอนวิมานชั้น ๑๔ รพ.ตำรวจ "ครึ่งปี" หมอรักษาไม่หาย บอกว่าป่วยขั้นวิกฤต

แต่พักโทษปุ๊บ ครึ่งปี "หมอไม่มีน้ำยา" กลับหายปั๊บ

นี่หมายถึงอะไร?

หมอมีจรรยาบรรณก็ (อาจ) จริง แต่ห่วยทางการวินิจฉัยโรคและการรักษา หรือสมคบกับราชทัณฑ์

แสร้งแจ้งอาการไม่สุจริต เพื่อช่วยให้ทักษิณไม่ต้องกลับไปเข้าคุก ใช่อย่างนั้นหรือไม่?

ตรงนี้ สังคมกังขาทันที กับผลวินิจฉัยแพทย์ที่ว่าวิกฤต เพราะมันสวนทางกับพฤติกรรมนักโทษที่ว่าป่วย แสนจะเริงร่า!?

นี่เป็น "ใบเสร็จ" แจ้งกรรมทางสังคม

ที่หมอ รพ.ตำรวจ, ผบ.คุก, อธิบดีราชทัณฑ์  สมควรสะสมไว้คนละ ๑ ใบเป็นเบื้องต้น

ส่วนจะเป็น "ใบเสร็จแจ้งโทษ" หรือ "แจ้งคุณ" ผมบอกแล้ว

ถึงยุค "ใครทำกรรมอย่างใดไว้ ย่อมเป็นผู้ได้รับผลแห่งกรรมอย่างนั้น"!

และนี่ เป็น "ใบเสร็จ" แจ้งกรรมทางสังคม ใบที่ ๒

วันนี้แหละ จาก ๑๔-๑๖ มีนา.

ทักษิณ นักโทษป่วยขั้นวิกฤต ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ออกจากที่คุมขังแทนคุกคือ "จันทร์ส่องหล้า"

นั่งเครื่องบินส่วนตัวไปเชียงใหม่ ท่ามกลางขบวนการเสื้อแดงคืนชีพจัดแถว "แดงทั้งแผ่นดิน" เดินทางไปรอต้อนรับ

คนป่วยขั้นวิกฤตไปเปลี่ยนบรรยากาศ ก็น่าเห็นใจนะ

 ผมป่วย นอนแค่วิกาลเดียว ยังเซ็ง

ทักษิณถึงแม้นอนระดับ "รอยัล สวีท" ครึ่งปี ไม่ต้องใช้เงินตัวเอง เพราะใช้ "บัตรทอง" เงินภาษีกู ก็เถอะ ยังไงก็ต้องเซ็ง

ก็น่าเห็นใจ เปลี่ยนสถานที่ ไปนอนงับโอโซน PM 2.5 ที่เชียงใหม่ซะบ้าง

เผื่ออาการจากขั้นวิกฤต จากที่เคย "เห็นผิด" จะได้กลับ "เห็นเป็นชอบ" บ้าง!

แต่คุณหมอโรงพยาบาลตำรวจ ผบ.เรือนจำ  และอธิบดีราชทัณฑ์ เห็นโปรแกรมกิจกรรม "นักโทษป่วยขั้นวิกฤต" หรือยัง?

ถ้าเห็น อาจ "ป่วยขั้นวิกฤต" แทนได้นะ!

กำหนดการ VVIP พื้นที่ จว.เชียงใหม่

วันที่ ๑๔-๑๖ มีนาคม ๒๕๖๗

...........................

วันพฤหัสบดี ที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๗

๐๙.๓๐ น. เดินทางถึงสนามบินเชียงใหม่

เดินทางไปดูที่หน้าพืชสวนโลก (บริเวณใกล้ร่มสักรีสอร์ท)

เดินทางไปพืชสวนโลก

๑๒.๐๐ น. รับประทานอาหารกลางวัน ร้านช้างม่อยกาแฟ

เดินทางไปดูคลองแม่ข่า อ.เมือง

เดินทางไปดูหนองเขียวห้วยหยวก (ใกล้ รร.กรีนเลค)

เดินทางไปหน่วยจัดการต้นน้ำแม่สา อ.แม่ริม

๑๖.๓๐ น. รับประทานอาหารเย็น ร้านเจี่ยท้งเฮง สาขาฟ้าฮ่าม

เดินทางกลับ บ้านกรีนวัลเล่ย์

วันศุกร์ที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๗

๐๘.๓๐ น. เดินทางไปกราบเจ้าอาวาส วัดพระธาตุดอยสุเทพ

เดินทางไปตลาดวโรรส (กาดหลวง)

๑๒.๐๐ น. รับประทานอาหารกลางวัน ร้านข้าวซอยเสมอใจ

๑๔.๐๐ น. เดินทางไปไหว้บรรพบุรุษ สุสาน อ.แม่ออน

เดินทางไปสนามกอล์ฟอัลไพน์

เดินทางไปสุสานวัดโรงธรรมฯ อ.สันกำแพง

เดินทางไปบ้านชินวัตร อ.สันกำแพง

๑๘.๐๐ น. รับประทานอาหารเย็น งานเลี้ยงบ้านกรีนวัลเล่ย์ อ.แม่ริม

วันเสาร์ที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๗

๐๘.๓๐ น. รับประทานอาหารเช้า ร้านกาแฟ oasis

๑๐.๐๐ น. เดินทางไปไนท์ซาฟารี

๑๑.๓๐ น. รับประทานอาหารเที่ยง ลำลีที่ขัวแดง

๑๔.๓๐ น. เดินทางกลับ กทม.

...............................................            

นี่คือกิจกรรมคนป่วยวิกฤต อันอาจอันตรายถึงชีวิตได้ ตามความเห็นแพทย์ รพ.ตำรวจและความเห็นร่วมของ ผบ.เรือนจำและอธิบดีราชทัณฑ์

ขอบคุณมาก...ท่านทักษิณ!

ที่ช่วยทำให้ความกังขาสังคมต่ออาการป่วยของท่านชัดเจนขึ้นว่า

แพทย์ผู้รักษาที่ รพ.ตำรวจ ซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพ และยึดมั่นในจรรยาบรรณแพทย์หรือไม่?

และชัดเจนขึ้นว่า ผบ.คุกกับอธิบดีราชทัณฑ์ "มีอำนาจเหนือศาล" จริง                  

ศาล "สั่งจำคุก"

แต่ "ราชทัณฑ์" มีวิธีการทำให้นักโทษ "ไม่ต้องติดคุก"

อาศัยเพียง "ระเบียบราชทัณฑ์" ก็ปล่อยนักโทษ "ออกจากคุก" ได้!

ทำให้วันนี้ ประเทศไทย มีสถาบันอำนาจเกิดใหม่ในยุครัฐบาล "เศรษฐา-เพื่อไทย" เป็นอำนาจที่ ๔

นอกจาก "สถาบันบริหาร-สถาบันนิติบัญญัติ-สถาบันตุลาการ" แล้ว

วันนี้มี "สถาบันราชทัณฑ์" สังกัดกระทรวงยุติธรรม เป็น "พ่อทั้ง ๓ สถาบัน" เรียบร้อยแล้ว!

นี่ถือเป็น "ใบแดงแจ้งโทษ" หรือเป็น "ใบเสร็จ" แจ้งกรรมทางสังคม ต่อแพทย์ ต่อราชทัณฑ์ ต่อรัฐบาล ก็ได้

ฐานทำให้นักโทษคนหนึ่ง "เหนืออำนาจ-เหนือกฎหมาย"

และ "เหนือหัวคนไทยทุกคน" วันนี้!

ถ้ายอมให้นักโทษทักษิณ "อยู่เหนือกฎหมาย" ได้

แล้วมีเหตุผลอะไร .......

ที่จะให้คนอื่นทุกๆ คนต้อง "อยู่ใต้กฎหมาย"!?

เพราะ...เงินกูก็มี เพียงแต่กู "ไม่เลี้ยงหมา" เท่านั้นแหละ.

-เปลว สีเงิน

๑๔ มีนาคม ๒๕๖๗

 

คนปลายซอย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ความหวังคนกรุง ยกระดับ'รถเมล์ไทย'

ปัญหารถโดยสารประจำทางหรือ”รถเมล์” ยังเป็นที่พูดถึงมาทุกยุคสมัย โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ต้องพึ่งพาการเดินทางด้วยรถเมล์ ผู้โดยสารมีทุกกลุ่มทุกวัย ไม่ว่าจะคนทำงาน นักเรียน นักศึกษา คนต่างจังหวัดมาทำงานในเมือง คนแก่ คนพิการ ที่ใช้บริการรถเมล์ไทยสู่จุดหมายทั่วมุมเมือง

'เศรษฐา' กับ 'อนาถา'

ยุค "นักโทษ" เป็นใหญ่ "ปรับ ครม.เพื่อไทย" จะแจก-จะริบ "อาหารเม็ด" หมาในคอกตัวไหน?