คำเตือนก่อเหตุร้ายมอสโก มาจากตะวันตกก่อน 2 สัปดาห์

สองสัปดาห์ก่อนเกิดเรื่องใหญ่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สหรัฐฯเตือนคนของตนในรัสเซียให้หลีกเลี่ยงที่ชุมนุมชนในกรุงมอสโกเพราะอาจจะมีการโจมตีของผู้ก่อการร้าย

แต่ประธานาธิบดีปูตินไม่ค่อยเชื่อข่าวกรองตะวันตก และเมื่อเกิดเหตุแล้ว สื่อทางการรัสเซียก็พยายามจะชี้นิ้วกล่าวหายูเครนมีส่วนสนับสนุนให้เกิดเหตุร้ายนี้

ปูตินออกทีวีค่ำวันเสาร์ว่าผู้ต้องสงสัยว่าเป็นมือปืนทั้งหมด 4 คนและผู้ร่วมแผนถูกจับหมดแล้ว

“พวกเขาถูกจับขณะมุ่งหน้าจะหนีไปทางชายแดนยูเครนซึ่งมีการเปิดช่องทางเตรียมรับพวกเขาอยู่” ปูตินประกาศ

เท่ากับเป็นการกล่าวหาว่ายูเครนมีส่วนรู้เห็นเป็นใจกับการก่อเหตุร้ายครั้งนี้ด้วย

การโจมตีของกลุ่มก่อการร้ายที่อ้างว่าเป็นสมาชิก IS ต่องานคอนเสิร์ตชานเมืองมอสโกเมื่อค่ำวันศุกร์ที่ผ่านมาถือว่าเป็นการท้าทายประธานาธิบดีปูตินโดยตรง

เพราะปูตินเพิ่งชนะเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นกว่า 87% ในการเลือกตั้งสัปดาห์ก่อนหน้านี้ และได้รับอาณัติในการบริหารประเทศต่ออีก 6 ปี

แต่การที่มือปืนทั้ง 4 คนสามารถเจาะเข้าไปถึงจุดพลุกพล่านของเมืองหลวงรัสเซียถือเป็นการเปิดโปงถึงจุดอ่อนของระบบรักษาความปลอดภัยของรัสเซียโดยตรง

ขณะที่ผมเขียนอยู่นี้ตัวเลขทางการบอกว่ามีผู้เสียชีวิตกว่า 115  คนและบาดเจ็บกว่า 100 ราย จากการโจมตีโดยกลุ่มมือปืนที่สวมชุดลายพราง ที่ Crocus City Gall 

ซึ่งเป็นที่จัดงานคอนเสิร์ตใกล้กรุงมอสโก ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์โจมตีที่รุนเเรงที่สุดครั้งหนึ่งในรัสเซียในรอบหลายปี

ผู้ก่อเหตุไม่เพียงแต่กราดยิงผู้คนไม่เลือกหน้าเท่านั้น แต่ยังจุดไปเผาตึกทั้งหลังให้เสียหายด้วย

ภาพที่เผยแพร่เช้าวันเสาร์บ้านเราเห็นเปลวเพลิงที่ลุกโชนขึ้นสู่ท้องฟ้าและควันที่พวยพุ่งออกจากสถานที่จัดคอนเสิร์ต ซึ่งมีวงดนตรี "Picnic" เตรียมจะเริ่มการแสดง

ทันทีที่เกิดเหตุร้ายก็มีการสันนิษฐานว่าอาจจะเป็นฝีมือของกลุ่มอื่นที่ไม่ใช่ IS หรือเปล่า

ทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดพรั่งพรูออกมาทันที

หนึ่งในข่าวลือคือสหรัฐฯกับยูเครนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้

สอง ปูตินเป็นคนสั่งให้ทำเรื่องนี้เองเพื่อหาเหตุที่จะประกาศศึกสงครามที่ใหญ่กว่านั้น

แต่พอ IS ออกมาประกาศรับผิดชอบ ทฤษฎีเหล่านั้นก็แผ่วเบาลงทันที

แต่ทางรัสเซียก็ยังไม่ยอมเชื่อทั้งหมด

ทำเนียบขาวของสหรัฐฯ และรัฐบาลยูเครนออกมายืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ครั้งนี้

อีกทั้งยังประณามการกระทำอันโหดเหี้ยมเช่นนี้ด้วย

"มันเป็นภาพที่เลวร้ายมาก แน่นอนว่าเราขอส่งความคิดคำนึงไปยังเหยื่อของเหตุที่เลวร้ายจากโจมตีโดยมือปืนครั้งนี้" โฆษกทำเนียบขาวจอห์น เคอร์บี กล่าว

ก่อนหน้านี้เพียงสองสัปดาห์ สถานทูตสหรัฐฯ ในรัสเซียออกคำเตือนว่า "กลุ่มหัวรุนเเรง" มีเเผนชัดเจนที่จะโจมตีกรุงมอสโก 

กลุ่มที่เรียกตัวเองว่ารัฐอิสลาม ซึ่งบางครั้งเรียกว่า ISIS ครั้งหนึ่งเคยครอบครองพื้นที่88,000 ตารางกิโลเมตรที่ทอดยาวจากทางตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรียข้ามทางตอนเหนือของอิรัก 

                    กลุ่มถูกขับออกจากดินแดนสุดท้ายในปี 2019 แต่สหประชาชาติยังยืนยันว่าการจัดการกับภัยคุกคามที่สร้างโดย IS ยังคงเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก 

และยังมีรายงานว่ากลุ่มติดอาวุธเหล่านี้กำลังขยายวงกว้างในแอฟริกา 

ประเมินกันว่าเมื่อปีที่แล้ว IS มีนักรบประมาณ 6,000 ถึง 10,000 คนในซีเรียและอิรัก 

ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชนบท และยังคงใช้วิธีโจมตีแบบชนแล้วหนี ซุ่มโจมตี และระเบิดริมถนน

รัสเซียมีประวัติศาสตร์อันยาวนานในการปฏิบัติต่อผู้คนจำนวนมากในดินแดนของตนซึ่งเป็นชาวมุสลิมที่ไม่ค่อยดีนัก

รัสเซียทำสงครามในเชชเนียอย่างน้อย 2ครั้ง

นักวิเคราะห์มองว่าการโจมตี Crocus Hall จะเป็นหนึ่งใน "ความรุนแรงระดับสูง" 

เรียกความทรงจำของเหตุการณ์การบุกโจมตีโรงละครที่กรุงมอสโกในปี 2002และการปิดล้อมโรงเรียน Beslan ในปี 2004 เป็นตัวอย่างของเหตุร้ายในทำนองเดียวกัน

ตอนที่สหรัฐฯออกคำเตือนว่าอาจจะมีการโจมตีโดยกลุ่มหัวรุนแรงในมอสโกเมื่อวันที่ 7 มีนาคมนั้นถูกรัฐบาลรัสเซียตีความว่าเป็นความพยายามที่จะ "แทรกแซง" ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งล่าสุด

Crocus City Hall เป็นสถานที่จัดการแสดงของศิลปินระดับโลกเสมอมานับตั้งแต่เปิดทำการในปี 2009 รวมถึงโดนัลด์ ทรัมป์ ตอนที่นำการประกวดนางงามจักรวาลไปที่รัสเซียในปี 2013

ตอนนั้น ทรัมป์ประกาศว่าได้เชิญประธานาธิบดีปูตินให้เข้าร่วมงานนี้ แต่ผู้นำรัสเซียไม่ปรากฏตัว

อะไรจะเกิดขึ้นต่อไปมีความสำคัญมากสำหรับการประเมินว่าความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับตะวันตกจะถูกยกระดับขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหรือไม่

เพราะปูตินย่อมไม่ต้องการตกเป็นเหยื่อของการโจมตีลักษณะนี้อีก

สถานภาพของเขาในฐานะผู้นำที่แข็งแกร่งและเด็ดขาดจะถูกคุกคามด้วยภัยที่ระเบิดขึ้นโดยตั้งรับไม่ทันอย่างเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ได้เป็นอันขาด!

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

งบมะกันก้อนใหม่จะช่วยยูเครน พลิกสถานการณ์สู้รบได้แค่ไหน?

แม้ว่ารัฐสภาสหรัฐฯจะเปิดไฟเขียวให้งบประมาณช่วยเหลือทางทหารก้อนใหม่ แต่ยูเครนก็ยังต้องดิ้นรนไม่ให้แพ้สงครามกับรัสเซีย

ทิม คุกบินไปเวียดนาม-อินโดฯ ทำไมไม่แวะประเทศไทย?

สัปดาห์ก่อน ทิม คุก ซีอีโอของ Apple บินข้ามไทยไปเวียดนาม, อินโดนีเซียและสิงคโปร์ เพื่อสรุปแผนการลงทุนหรือเพิ่มกิจกรรมในประเทศเหล่านั้น

มะกันทุ่ม 3.5 ล้านล้านบาท ให้ยูเครน, อิสราเอล, ไต้หวัน!

งบประมาณก้อนใหญ่ที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ อนุมัติเพื่อช่วยยูเครน, อิสราเอล และไต้หวันเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา จะช่วยลดความกังวลของยูเครนว่ากำลังจะแพ้สงครามได้หรือไม่...ยังต้องคอยดูของจริงในสมรภูมิรบต่อไป

เชื่อไหม:อิสราเอลกับ อิหร่านเคยรักกัน?

อิสราเอลกับอิหร่านเปิดศึกสงครามที่สร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วโลกวันนี้ มีคำถามว่าทั้ง 2 ชาตินี้กลายเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันอย่างรุนแรงเช่นนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ และมีเหตุผลแห่งความบาดหมางกันอย่างไร