ทำไม IMF กับ Apple ของจีนกันคนละมุม?

สองคนมองสองมุม ผู้อำนวยการ IMF เตือนว่าเศรษฐกิจจีนอยู่ในช่วงมาถึง “ทางสองแพร่ง” ต้องเลือกระหว่างนโยบายในอดีตหรือ “การปฏิรูปตลาด” เพื่อปลดล็อกการเติบโต

ขณะที่ Tim Cook ซีอีโอของ Apple ไปเยือนเซี่ยงไฮ้แล้วก็แสดงความชื่นชมเศรษฐกิจจีนอย่างออกนอกหน้า “ผมรักประเทศจีน ผมรักคนจีน ผมมีความมั่นใจในอนาคตของประเทศนี้มาก...”

คนหนึ่งมองจากแง่เศรษฐกิจมหภาค อีกคนมองในฐานะคนขายของ กรรมการผู้จัดการของ IMF Kristalina Georgieva ไปเมืองจีนในช่วงเดียวกันนี้

เป็นจังหวะที่นักเศรษฐศาสตร์เรียกร้องให้ปักกิ่งเพิ่มมาตรการกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศ เพื่อแก้ปัญหาความอ่อนแอของอำนาจซื้อของประชาชน

จอร์จีวาแสดงความเห็นในที่ประชุมธุรกิจระหว่างประเทศที่สำคัญของจีนในกรุงปักกิ่งว่า เศรษฐกิจโลกแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการฟื้นตัวต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างน่าทึ่ง

แต่หากมองระยะกลางแล้วก็ยังเป็นการเติบโตที่ “อ่อนแอ” หากเทียบกับมาตรฐานในอดีต

อุปสรรคสำคัญคือการเติบโตของผลผลิตต่ำและระดับหนี้ที่สูงอันเป็นปัจจัยที่ขัดขวางการฟื้นตัวที่ไม่เต็มที่

ตอนหนึ่งเธอบอกว่า “จีนกำลังเผชิญกับปัญหาเพราะมายืนอยู่ตรงทางแยก ที่ต้องเลือกระหว่างการพึ่งพานโยบายที่เคยใช้ได้ผลในอดีต หรือสร้างตัวเองใหม่เพื่อยุคใหม่ของการเติบโตคุณภาพสูง” จอร์จีวากล่าวในเวที China Development Forum ในกรุงปักกิ่งเมื่อปลายสัปดาห์

การประชุมนี้เปิดโดยนายกรัฐมนตรีของจีน หลี่ เฉียง ซึ่งเป็นเบอร์สองของประเทศจีนทางด้านเศรษฐกิจ

ผู้เข้าร่วมเสวนามีผู้บริหารระดับสูงระดับโลกเข้าร่วม รวมถึง Tim Cook จาก Apple, Darren Woods จาก ExxonMobil และ Noel Quinn จาก HSBC

นายกฯ จีนให้ความมั่นใจว่าปักกิ่งจะเตรียมกฎระเบียบเพื่อทำให้การเข้าถึงตลาดสำหรับวิสาหกิจต่างชาติเป็นไปอย่างราบรื่น และจะเร่งเครื่องของความพยายามในการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ

“เราจะมุ่งเน้นไปที่การขยายอุปสงค์ภายในประเทศ” หลี่กล่าว พร้อมเสริมว่าจีนจะ “เร่งการพัฒนาระบบอุตสาหกรรมสมัยใหม่”

เป็นจังหวะที่คู่ค้าของจีนเผชิญกับความเสี่ยงด้านอุปทานล้นตลาดในอุตสาหกรรมหลักๆ รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าและเหล็ก เกิดความหวาดหวั่นว่าอาจกระตุ้นให้ผู้ผลิตทุ่มสินค้าส่วนเกินในตลาดโลก

ปักกิ่งตั้งเป้าหมายการเติบโตจีดีพีที่ 5 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ซึ่งเป็นระดับเดียวกับปีที่แล้ว

แต่ต้องถือว่าเป็นเป้าที่ต่ำเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

นักวิเคราะห์คาดว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวต่อไปในระยะกลาง เนื่องจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังมีปัญหาหนักหลายประการตกต่ำ และการหดตัวของจำนวนประชากร

จีนตอบสนองด้วยการสัญญาว่าจะลงทุนมากขึ้นในด้านการผลิตและโครงสร้างพื้นฐาน แต่นักเศรษฐศาสตร์กำลังเรียกร้องให้ทำมากกว่านี้เพื่อกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศ

ความจริงการใช้คำว่า “การเติบโตคุณภาพสูง” ของจอร์จีวาเป็นการยืมคำพูดของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ซึ่งได้กระตุ้นให้อุตสาหกรรมของจีนยกระดับห่วงโซ่คุณค่าไปสู่เทคโนโลยีที่ซับซ้อนและอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น

หัวหน้า IMF เสริมว่าด้วย “แพ็กเกจการปฏิรูปตลาดแบบครอบคลุม” จีนสามารถดันเศรษฐกิจของประเทศเพิ่มได้อีก 20 เปอร์เซ็นต์ หรือ 3.5 พันล้านดอลลาร์ในอีก 15 ปีข้างหน้า

เธอสนับสนุนมาตรการเหล่านี้ รวมถึงการลดสต๊อกของที่อยู่อาศัยที่ยังสร้างไม่เสร็จที่เหลือจากวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ และ “ให้พื้นที่มากขึ้นสำหรับการแก้ไขปรับตัวตามแนวโน้มตลาดในภาคอสังหาริมทรัพย์”

เธอยังสนับสนุนให้จีนเสริมสร้างระบบบำนาญด้วย “แนวทางที่รับผิดชอบทางการเงิน” ซึ่งจะช่วยเพิ่มอำนาจการใช้จ่ายของบุคคลและครอบครัวได้ ในขณะที่การปฏิรูปเพื่อให้แน่ใจว่ามีการแข่งขันที่เท่าเทียมกันระหว่างเอกชนและรัฐวิสาหกิจสามารถปรับปรุงการจัดสรรเงินทุนได้

เธอเน้นความสำคัญของการลงทุนในทุนมนุษย์ในด้านการศึกษา การฝึกอบรมตลอดชีวิตและการเพิ่มทักษะใหม่ และการดูแลสุขภาพที่มีคุณภาพ จะส่งผลให้มีผลิตภาพแรงงานสูงขึ้นและมีรายได้มากขึ้น อีกคนหนึ่งก็มาจากอเมริกา แต่มองจีนในฐานะตลาดสำหรับสินค้าของตนเอง

ทิม คุก ไปเปิดร้าน Apple ใหม่ขนาดใหญ่อันดับสองของโลกในเซี่ยงไฮ้

ไม่ต้องสงสัยว่าเขาเชียร์จีนเพราะต้องการจะผลักดันให้พลิกกลับยอดขาย iPhone ที่ลดลงในจีนซึ่งเป็นตลาดต่างประเทศที่สำคัญที่สุด

ร้าน Apple ใหม่มูลค่า 11.6 ล้านดอลลาร์ (กว่า 400 ล้านบาท) ตั้งอยู่ในย่าน Jing'an ใจกลางนครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งตั้งชื่อตามวัดเก่าแก่ เป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดในจีน และเป็นแห่งที่สองรองจากร้านเรือธงของ Apple บนถนน Fifth Avenue ในนิวยอร์ก

“หนี่ห่าวเซี่ยงไฮ้!” ทิม คุก เขียนลง Weibo ซึ่งเป็นโซเชียลมีเดียอันดับหนึ่งของจีน แปลว่า “สวัสดี” ในภาษาเซี่ยงไฮ้ “ผมมีความสุขมากเสมอที่ได้กลับมาในเมืองที่น่าทึ่งแห่งนี้”

คุกเล่าว่าเขาใช้เวลาช่วงเช้าเพลิดเพลินกับอาหารเช้าแบบดั้งเดิมอันได้แก่ซุปเกี๊ยวและนมถั่วเหลือง อีกทั้งยังถ่ายรูปเซลฟีไปตามริมน้ำบันด์อันโด่งดังของเมืองร่วมกับนักแสดงท้องถิ่น เจิ้ง ไค

ที่เซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการเงินของจีนแผ่นดินใหญ่ ทุกวันนี้ Apple มีร้านค้า 8 แห่ง ถือได้ว่าเป็นเมืองที่มีสาขา Apple มากที่สุดในโลก

ปัจจุบันมีร้าน Apple Store 47 แห่งใน 24 เมืองทั่วจีนแผ่นดินใหญ่ แต่ยอดขายรวมก็ยังไม่ฟื้น ทิม คุก จึงพยายามวางกลยุทธ์แข่งขันเพื่อฟื้นฟูยอดขายในตลาดที่มีอุปสรรคเพิ่มขึ้นมากมาย ตั้งแต่การชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีนไปจนถึงความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และความรู้สึกชาตินิยมที่เพิ่มสูงขึ้น

ในปี 2023 Apple ครองตำแหน่งสูงสุดในตลาดสมาร์ทโฟนของจีนเป็นครั้งแรกด้วยส่วนแบ่งการตลาด 17.3% แต่ในช่วงหกสัปดาห์แรกของปี 2024 ยอดขาย iPhone ในประเทศลดลง 24% จากปีที่แล้ว

ทั้งนี้ตามรายงานของ Counterpoint Research เมื่อต้นเดือนนี้ ส่วนแบ่งการตลาดของ Apple ลดลงตามหลัง Vivo, Huawei และ Honor ในช่วงเวลานั้น  ขณะที่ยอดขายของคู่แข่งอย่าง Huawei ก็เพิ่มสูงขึ้น 64%

การเยือนประเทศนี้ครั้งที่ 3 ในรอบปีของ Cook ตอกย้ำความสำคัญของจีนต่อ Apple ในฐานะตลาดต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดและเป็นส่วนสำคัญของห่วงโซ่อุปทานการผลิต

ปฏิเสธไม่ได้ว่าจีนยังคงเป็นตลาดที่สำคัญสำหรับ Apple โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มสินค้าพรีเมียมที่มีมูลค่าสูงกว่า 800 ดอลลาร์ (28,000 บาท) ซึ่ง Apple ครองตำแหน่งที่โดดเด่น

จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมผู้อำนวยการ IMF กับซีอีโอของ Apple จึงมองประเทศจีนจากแง่มุมที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ที่น่าจะเห็นตรงกันประการหนึ่งก็คือ

เศรษฐกิจจีนจะขึ้นจะลงก็ล้วนมีผลกระทบต่อโลกทั้งสิ้น!.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

งบมะกันก้อนใหม่จะช่วยยูเครน พลิกสถานการณ์สู้รบได้แค่ไหน?

แม้ว่ารัฐสภาสหรัฐฯจะเปิดไฟเขียวให้งบประมาณช่วยเหลือทางทหารก้อนใหม่ แต่ยูเครนก็ยังต้องดิ้นรนไม่ให้แพ้สงครามกับรัสเซีย

ทิม คุกบินไปเวียดนาม-อินโดฯ ทำไมไม่แวะประเทศไทย?

สัปดาห์ก่อน ทิม คุก ซีอีโอของ Apple บินข้ามไทยไปเวียดนาม, อินโดนีเซียและสิงคโปร์ เพื่อสรุปแผนการลงทุนหรือเพิ่มกิจกรรมในประเทศเหล่านั้น

มะกันทุ่ม 3.5 ล้านล้านบาท ให้ยูเครน, อิสราเอล, ไต้หวัน!

งบประมาณก้อนใหญ่ที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ อนุมัติเพื่อช่วยยูเครน, อิสราเอล และไต้หวันเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา จะช่วยลดความกังวลของยูเครนว่ากำลังจะแพ้สงครามได้หรือไม่...ยังต้องคอยดูของจริงในสมรภูมิรบต่อไป

เชื่อไหม:อิสราเอลกับ อิหร่านเคยรักกัน?

อิสราเอลกับอิหร่านเปิดศึกสงครามที่สร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วโลกวันนี้ มีคำถามว่าทั้ง 2 ชาตินี้กลายเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันอย่างรุนแรงเช่นนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ และมีเหตุผลแห่งความบาดหมางกันอย่างไร