
ข่าวกรองว่าด้วยการขยับมาใกล้ชิดระหว่างเกาหลีเหนือกับพม่าโดยเฉพาะด้านการพัฒนานิวเคลียร์ทำให้สหรัฐฯอ้างว่าต้องเข้ามาเกาะติดเรื่องนี้
ปี 2009 วอชิงตันเริ่มแสดงความกังวลออกมาอย่างเป็นทางการ
ปี 2011 รัฐมนตรีต่างประเทศฮิลลารี คลินตันในขณะนั้นได้ย้ำประเด็นนี้ในคำแถลงในที่สาธารณะว่าด้วยความพยายามของเมียนมาในการจัดหาเทคโนโลยีทางทหารจากเกาหลีเหนือระหว่างการเยือนของเธอในปี
แต่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯเน้นย้ำว่าวอชิงตันกังวลเรื่องการขายขีปนาวุธเป็นหลัก
โฆษกกล่าวว่า "เราไม่เห็นสัญญาณของความพยายามทางนิวเคลียร์จำนวนมากในขณะนี้"
แต่ฝ่ายข่าวกรองของสหรัฐฯกับประเทศตะวันตกอื่น ๆ เริ่มจะเจาะลึกในประเด็นนิวเคลียร์ใกล้ชิดมากขึ้น
ข้อกล่าวหาประปรายเกี่ยวกับโครงการอาวุธนิวเคลียร์ในเมียนมาเกิดขึ้นโดยกลุ่มผู้ติดตามเรื่องนี้บางกลุ่มและองค์กรพัฒนาเอกชนตลอดช่วงทศวรรษ 2010
สิ่งที่น่าสังเกตมากที่สุดคือ สื่อ “เสียงประชาธิปไตยแห่งพม่า” ในปี 2010 อ้างถึงเอกสารและภาพถ่ายจากไซเต็ง วิน ผู้แปรพักตร์กองทัพพม่า
มาพร้อมกับข้อกล่าวหาว่ามีการฝึกอบรมที่โยงกับรัสเซีย และการสร้างโรงงานนิวเคลียร์ใกล้มัณฑะเลย์และมาเกว
แต่เมื่อมีการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมอิสระจากสถาบันวิทยาศาสตร์และความมั่นคงระหว่างประเทศ (ISIS) ก็ได้การตีความอีกทางหนึ่งว่า
มันอาจจะเป็นโรงงานปูนซีเมนต์
เรื่องนี้ก็กลายเป็นดราม่าขึ้น ๆ ลง ๆ มาตลอด
และท่ามกลางความสงสัยอย่างต่อเนื่องนี่แหละที่เกิดการเยือนเมียนมาของประธานาธิบดีบารัค โอบามาในปี 2012
ในจังหวะนั้น เมียนมาปฏิเสธข่าวเรื่องความร่วมมือทางทหารใดๆ กับเกาหลีเหนือ
สำทับด้วยคำประกาศอย่างเป็นทางการว่าได้ยกเลิกแผนการวิจัยนิวเคลียร์ของตนแล้ว
ต่อมาเมียนมาได้ลงนามในเงื่อนไขเพิ่มเติมของ IAEA แห่งสหประชาชาติในปีต่อมา
แต่ข่าวกรองอีกหลายกระแสก็ยังยืนยันว่า SPDC หรือสภาบริหารของกองทัพพม่าที่มีอำนาจบริหารประเทศอย่างเบ็ดเสร็จยังคงพยายามสร้างเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์โดยได้รับความช่วยเหลือจากรัสเซียในปี 2014 และอีกครั้งในปี 2015
เป็นที่ยอมรับว่าความสัมพันธ์ระหว่างเมียนมากับเกาหลีเหนือยังคงดำเนินต่อไป
รวมถึงข้อตกลงอาวุธกับเกาหลีเหนือในปี 2013 เอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือประจำพม่า คิม ซก ชอล ถูกย้ายกลับในปี 2016 หลังจากที่สหรัฐฯ ประกาศเอาชื่อนักการทูตเกาหลีเหนือคนนี้ขึ้นบัญชีดำคว่ำบาตร
ด้วยข้อกล่าวหาการค้าอาวุธกับเมียนมาผ่านบริษัท Korea Mining Development Trading Corporation (โคมิด)
ทำให้มีการตอกย้ำว่าการค้าอาวุธของเมียนมากับเกาหลีเหนือก็ยังเกิดขึ้นอย่างน้อยจนถึงปี 2016
ปีเดียวกันนนั้น เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในพม่า
รัฐบาลเผด็จการในเมียนมายอมให้มีการเปลี่ยนแปลงโดยยอมให้มีการหวนคืนสู่ความเป็นประชาธิปไตยบางส่วน
ส่งผลให้อองซานซูจีและสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยจัดตั้งรัฐบาลขึ้น
ภายใต้พรรค NLD โครงการนิวเคลียร์ของเมียนมา และความกังวลระหว่างประเทศเกี่ยวกับความทะเยอทะยานดังกล่าวได้จางหายไป
เมียนมาลงนามในอนุสัญญาและพิธีสารระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมแทน
ตั้งแต่ปี 2017 เมียนมาได้มีส่วนร่วมในความพยายามคว่ำบาตรเกาหลีเหนือของสหประชาชาติ
แต่รายงานของคณะผู้เชี่ยวชาญแห่งสหประชาชาติประจำปี 2018 ระบุว่าการค้าอาวุธระหว่างเมียนมาและเกาหลีเหนือยังคงมีอยู่ผ่าน KOMID แม้หลังจากปี 2017 ก็ตาม
หลังจากการรัฐประหารภายใต้การนำของมิน อ่องหล่ายในปี 2021 เกาหลีเหนือและรัฐบาลทหารเมียนมากลับมามีความสัมพันธ์อย่างเปิดเผยอีกครั้ง
ในเดือนกันยายน ปีที่แล้วนี่เอง Tin Maung Swe ได้รับมอบหมายให้เป็นเอกอัครราชทูตเมียนมาประจำเกาหลีเหนือ
รายงานการใช้อาวุธเกาหลีเหนือโดยรัฐบาลทหารได้รับการยืนยันโดยสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วนี่เอง
นับตั้งแต่รัฐประหารครั้งล่าสุด จุดยืนของเมียนมาต่อการไม่แพร่ขยายการสร้างอาวุธร้ายแรงกลับถูกตั้งคำถามอีกครั้ง
เฉพาะในปีที่ผ่านมาเพียงปีเดียว รัฐบาลทหารได้ดำเนินการเชิงรุกในความพยายามที่จะรักษาขีดความสามารถด้านนิวเคลียร์โดยการติดต่อกับจีนและรัสเซีย
รัฐบาลทหารของเมียนมายืนกรานเหมือนเช่นเคยว่า พม่ากำลังแสวงหาพลังงานนิวเคลียร์เพื่อการใช้อย่างสันติเท่านั้น
ขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่ารัฐบาลทหารพม่าได้สามารถสร้างศักยภาพในการแปรรูปซ้ำสำหรับการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมหรือไม่
รายงานส่วนใหญ่เกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของเมียนมายังคงไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ
ด้วยเหตุนี้ การฟ้องร้องเมื่อเร็วๆ นี้เกี่ยวกับผู้ค้าอาวุธโดยครอบครองวัสดุนิวเคลียร์ในเมียนมาทำให้เกิดคำถามเพิ่มเติม
ที่น่าสังเกตก็คือ ชาวญี่ปุ่นรายนี้ถูกกล่าวหาว่าไม่ได้ทำงานให้กับรัฐบาลทหาร แต่ทำงานให้กับกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ที่ไม่เปิดเผยชื่อ
รัฐฉานของเมียนมาเคยถูกเพ่งเล็งว่าเป็นแหล่งขุดแร่ยูเรเนียมในอดีต แต่กลุ่มกบฏในรัฐฉานปฏิเสธความเชื่อมโยงใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับแผนพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์
ท่ามกลางความตึงเครียดทางการเมืองทั่วโลกที่เพิ่มสูงขึ้นและความเปราะบางของรัฐในเมียนมา ความกังวลเกี่ยวกับศักยภาพในการใช้วัสดุนิวเคลียร์เป็นเรื่องน่ากังวลยิ่ง
ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาลทหารพม่าหรือฝ่ายชาติพันธุ์ติดอาวุธ
โดยเฉพาะสำหรับประเทศไทยที่ตั้งอยู่ประชิดติดกัน
ไม่ว่าจะเกิดภัยคุกคามด้านใดเกี่ยวกับเพื่อนบ้านเราก็ย่อมจะมีผลกระทบโดยตรงต่อไทยอย่างปฏิเสธไม่ได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’
ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ

