'โลกทิพย์' ของเศรษฐา

การเมืองบ้านเราช่วงนี้

เหมือน "แมกมา" หลอมเหลวอยู่ใต้พื้นพิภพระยะสุดท้าย

ใกล้แล้วละ  

ใกล้ระเบิดตูมตามไหลทะลักปากปล่องภูเขาไฟออกมาเป็นลาวา เผาโลกวิปริต เผาชีวิตที่ผิดเพี้่ยน ของพวกมนุษย์!

แต่ผมถูกเผาก่อนเพื่อน

เพราะอยู่ๆ เกิดภาวะ "หูทิพย์" แว่วแต่เสียงมนุษย์นอกพิภพ แถมเนื้อตัวคล้ายสสารไร้น้ำหนัก

มันวิบๆ วับๆ จนกลัวจะลอยเหมือนว่าว เลยต้องไปให้หมอช่วยวินิจฉัย ก่อนที่จะลอยจริงๆ

ถ้าลอยไปติดชั้น ๑๔ ละก็...ซวยเลยละกู!

ไปนอนทิพย์มา ๓ วัน ๒ คืน หมอก็บอกไม่ได้ว่า สาเหตุมันอยู่ตรงไหน

ไอ้ผมก็ "อ่อนแรง-อ่อนกระเป๋า" ฉะนั้นก็ เอาเท่านี้พอก่อน

ขืนนอนให้หมอวิจัย-พัฒนาหลายคืนไป

ไอ้หวังน่ะไม่ตายหรอก แต่ผมน่ะซีจะตายก่อน!

เพราะตั้งแต่มกรา.ผม "เข้า-ออก" โรงพยาบาลเป็นรายสัปดาห์-รายเดือน

เคราะห์ดีที่ว่า ซื้อทองตุนไว้หลายตัน ตอนนี้ ทองขึ้นไปบาทละเฉียด ๔ หมื่น

พอได้อาศัย "ถล่มขาย" จ่ายค่าหยูก-ค่ายา-ค่านอนเตียง

ก็ไม่มากจนเกินหน้าคนที่ใช้ข้อมูลภายใน ไปดักซื้อเงินดอลลาร์เหรียญละ ๒๖ บาทล่วงหน้า แล้วนำมาถล่มขายตอนรัฐบาลบิ๊กจิ๋ว ลดค่าเงินบาท ได้เหรียญละ ๕๖ บาท!

เช้าวาน (๓ มี.ค.๖๗) นี่แหละ.....

ใช้ภาวะหูทิพย์ นอนฟัง "คุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์" พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายในสภา ผ่านทางโทรทัศน์

ถึงตอนคุณจุรินทร์พูดถึง คุกทิพย์, ปลอกคอทิพย์, เลี้ยงหลานทิพย์, สำนึกทิพย์

พลันมีเสียงวิญญาณแทรก จนผมสะดุ้ง...

"ท่านประธานครับ ผมขอประท้วง" แล้วพรั่งพรูพล่าม

น้ำเสียง โกรธ กราดเกรี้ยว ประหนึ่งผีห่าซาตานเข้าสิงพลันที่คุณจุรินทร์พูดถึงปลอกคอทิพย์ ติดคุกทิพย์

ต่อม "ทาสผู้ภักดี" ของมันแรงจริงๆ!

คงปวดแสบ-ปวดร้อน เหมือนถูกหวายแช่เยี่ยวกระชากหลังกระมัง

เปิดตาเนื้อขึ้นมองจอ ก็ต้องร้อง...อ้อ ในใจ

เสียง "หมาในคอก" เห่าพิทักษ์นายนั่นเอง!

ก็ไม่ได้ฟังการอภิปรายเป็นชิ้น-เป็นอัน เพราะเดี๋ยวๆ เขามาจับใส่รถเข็นไปหาหมอแผนกโน้น-แผนกนี้

จนร่วม ๕ โมงเย็น ลาเจ้าที่้-เจ้าทางโรงพยาบาล ก็ดิ่งมาโรงพิมพ์ เพื่อจะบอกว่า ยังไม่ตาย และก็สบายดี

เพียงแต่ช่วงนี้ คงจะหยุดๆ หายๆ ได้คุยกันบ้าง ไม่ได้คุยบ้าง และผมรู้ ใกล้สงกรานต์ แต่ละท่าน ใจก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวกันซักเท่าไหร่

เพราะตื่นเต้น...

จะได้ไปฉลองสงกรานต์ แฉะกันให้ฉ่ำ ตามสไตล์ "โหนของเก่ามาขายกิน" แล้วติดป้าย "ซอฟต์พาวเวอร์" แบบเวอร์ๆ เป็นการถลุงงบ!

คุณจุรินทร์อภิปรายตอนหนึ่งว่า

"ปัญหาใหญ่ที่สุดที่รัฐบาลต้องแก้ เพราะสร้างความเสื่อมให้รัฐบาลมากที่สุด เซาะกร่อนบ่อนทำลายรัฐบาลนี้มากที่สุด นั่นคือการสร้างยุติธรรมสองมาตรฐาน

เป็นผลงานชิ้นเดียว ที่รัฐบาลทำเร็วที่สุด สำเร็จเป็นรูปธรรม จับต้องได้มากที่สุด

และตรงนี้เป็นคำตอบว่า "รัฐบาลนี้เพื่อใคร?"

นั่นคือ การสร้าง "นักโทษพันธุ์ใหม่" ที่แม้แต่เทวดายังต้องยอมให้ใช้ชื่อ

นับตั้งแต่คุกทิพย์ ปลอกคอทิพย์ เลี้ยงหลานทิพย์ สำนึกทิพย์ ไปจนกระทั่งได้คืบเอาศอก ได้ศอกเอาวา

เชื่อว่า คนไทยเข้าใจเรื่องบุญคุณต้องทดแทน แต่ตอบแทนส่วนตัว ไม่ใช่เอาบ้านเมืองไปตอบแทน

คนหนึ่งได้อำนาจ อีกคนได้อภิสิทธิ์จากการใช้อำนาจ อาจเป็นความยุติธรรมของสองคน

แต่ไม่ยุติธรรมกับประเทศและหลักนิติธรรมของประเทศที่สั่งสมมา

นายกฯ พยายามบอกทุกอย่างเป็นตามกฎหมาย หันไปทำการเกษตร เอาหูไปนา เอาตาไปไร่

 “คนไทยไม่อยากเห็นรัฐบาลนี้ก่อกรรมเพิ่ม ในฐานะเป็น สส.ขอใช้โอกาสตรงนี้ถามนายกฯ ๓ ข้อ

๑.รัฐบาลนี้ มีนโยบายจะปล่อยให้เกิดการนำคุกทิพย์โมเดลมาใช้ซ้ำสองหรือไม่?

๒.ระเบียบใหม่ที่กระทรวงยุติธรรมกำลังจะเข็น เรื่องคุณสมบัติผู้มีสิทธิ์คุมขังนอกเรือนจำ ซึ่งมีประชุมไปแล้วครั้งหนึ่ง การกำหนดกฎระเบียบนี้ นโยบายจากฝ่ายบริหารย่อมมีส่วนสำคัญ

ถามว่า ระเบียบนี้ รวมคดีทุจริต คดีปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบ มาตรา ๑๕๗ ให้ไปติดคุกที่บ้านได้ด้วยหรือไม่?

ถ้าเปิดโอกาสให้นักโทษคดีทุจริตและคดี ม.๑๕๗ เท่ากับรัฐบาลส่งเสริมการทุจริตมุมกลับ

หลักนิติธรรมของไทย อาจต้องเผชิญวิกฤตอีกครั้งหนึ่ง เพราะเกิดจากนักโทษเทวดาตัวใหม่

อยากถามด้วยถึงการนิรโทษกรรมที่เป็นดาบสองคม

ถ้าใช้ถูกทางสร้างความปรองดองให้ประเทศ  แต่ถ้าใช้ผิดทางก็จะสร้างความแตกแยกให้ประเทศครั้งใหม่

รัฐบาลนี้ มีนโยบายนิรโทษกรรมคดีทุจริต และคดี ม.๑๕๗ หรือไม่?

เอออ...ผมก็อยากฟังว่า "นายกฯ ในคอก" จะตอบว่าไง

เฉไฉ ไถลไปตอบเรื่อง "แมลงวันตอมไข่แม้ว" ซะนี่้!

เรื่องที่มาของเงินแจก ๕ แสนล้านนั่นเหมือนกัน รัฐบาลจะเอาเงินที่ไหนมาแจก?

ทั้งคุณจุรินทร์ และคุณไหม-ศิริกัญญา พรรคก้าวไกล ก็ตั้งประเด็นถาม

ทั้งเศรษฐา ทั้ง รมช.คลังจุลพันธ์ ท่องมาพูดประโยคเดียวกัน "รอฟัง ๑๐ เมษา.ทุกคำถามมีคำตอบ"!?

มันจะมีอะไร้....อยากกู้มาแจก ทุกคนก็ยุ กู้เลย...จะได้เข้าคุกทั้งโขยง

เอาเข้าจริงก็ไม่กล้า ซุกเรื่องออก พ.ร.บ.เงินกู้เข้าง่ามก้นเงียบ

แสดงว่า รัฐบาลมีวิธีหาเงิน ๕ แสนล้านโดยไม่กู้มาแจกแล้วใช่มั้ย?

ผมก็ว่า ประมาณนั้น คือไม่กู้โดยตรง แต่จะกู้แบบซิกแซ็กมาแจกแทน!

"ซิกแซ็กกู้" มันเป็นยังไง?

ก็ใช้งบประมาณ ปี ๖๗ ส่วนหนึ่ง อีกส่วน ก็ซุกตัวเลขแจกไว้ในรูปงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๖๘

คือใช้ "งบประมาณ" เป็นตัวออกหน้ากู้แทน แล้วรัฐบาลก็นำเงินก้อนนั้นไปแจก

เรียกว่ากู้แบบ "ศรีธนญชัย"

คือใช้ "งบประมาณ ปี ๖๘" ออกหน้ากู้ แทนรัฐบาลออก พ.ร.บ.กู้ ๕ แสนล้านมาแจกโดยตรง ซึ่งมันผิดกฎหมาย

ในเมื่อคุกทิพย์มีแล้ว นายกฯ ทิพย์ก็มีแล้ว  ปลอกคอทิพย์ก็มีแล้ว

จะ "กู้ทิพย์" ซุกในงบประมาณรายจ่ายประจำปี เรียกว่า "งบนอมินี" นำไปแจกบ้าง ตามสัญญาว่าจะให้อีกซัก ๕ แสนล้าน มันจะเป็นไรไป

"อัฐยายแจกยาย" หน้าก็ได้ เสียงก็ได้

แต่คนที่เป็นหนี้และต้องใช้หนี้เงิน ๕ แสนล้านก้อนนี้ ไม่ใช่เศรษฐา ไม่ใช่พรรคเพื่อไทย

หากแต่เป็นประชาชนทุกคน ทั้งที่ได้รับแจก และไม่ได้รับแจก นั่นตะหาก ต้องเป็นคนใช้หนี้เงินกู้ ๕ แสนล้าน ไปอีก ๓๐-๕๐ ปี!

ผมก็รอฟังว่า จะมีใครถามมั้ยว่า กู้ในนามงบประมาณเป็นเงินสดแล้ว ทำไมไม่แจกเป็นเงินสดถึงชาวบ้านโดยตรงเลยล่ะ?   

จะต้องเอาเงินสดไปซื้อเงินเหรียญดิจิทัลมาแจกให้มันยุ่งยากทำไม?

ต้องให้เสียเงินจัดทำระบบอีกเป็นหมื่นๆ ล้านเพื่ออะไร?

และสุดท้าย เมื่อจบโครงการ ก็ต้องเอาเงินเหรียญไปแลกเป็นบาทกลับมาอีก ทำแบบนี้เพื่้ออะไร?

สรุปแล้ว ๕ แสนล้าน แลกไป-แลกมา ทั้งค่าแลก ทั้งค่าธรรมเนียม จาก ๕ แสนล้าน หายทิพย์หรือหายฉิบ ไปเฉยๆ กว่าแสนล้านบาท

เนี่ย...เงินก้อนนี้ ใครเป็นผู้ได้ประโยชน์ไป?

เป็น "อาหารทิพย์" ของ "หมาทิพย์" ในคอกหรือยังไง ก็ไม่ยักมีใครถาม?!

เอาละครับ....

วันนี้ เพียงมารายงานตัวที่ผมหายหน้า สรุปว่ายังไม่ตาย สบายดีอีกตะหาก

ช่วงนี้กะปริบ-กะปรอย ก็คงไม่ว่ากัน พรุ่งนี้ดูอีกวัน เห็นรัฐบาลเศรษฐาบอกให้รอ ๑๐ เมษา.

งั้น ๑๐ เมษา.ผมก็จะมาเข้าที่ก็แล้วกันนะ!

-เปลว สีเงิน 

๔ เมษายน ๒๕๖๗

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'รัฐมนตรีถุงขนม' ๑

อีกปัญหาหนึ่งของรัฐบาล "เศรษฐา ๒" คือการแต่งตั้ง "นายพิชิต ชื่นบาน" ที่เรียกกันว่า "ทนายถุงขนม" เป็นรัฐมนตรี!

'ผู้กำลังจะมากับดาว'

"ดาวพฤหัสบดี" เทพเจ้าแห่งคุณธรรม "ดาวปราบมาร" ย้ายบ้านจาก "เมษ" ไปอยู่ "พฤษภ" แล้ว เมื่อวาน (๓๐ เม.ย.๖๗) พฤษภ เป็นภพ "กดุมภะ" ของดวงเมือง

"จะแถกไปได้ซักกี่เดือน?"

เรา "เห็นอะไร"..... จากการลาออกจากตำแหน่ง "รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ" ของท่าน "ปานปรีย์ พหิทธานุกร"?

ความหวังคนกรุง ยกระดับ'รถเมล์ไทย'

ปัญหารถโดยสารประจำทางหรือ”รถเมล์” ยังเป็นที่พูดถึงมาทุกยุคสมัย โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ต้องพึ่งพาการเดินทางด้วยรถเมล์ ผู้โดยสารมีทุกกลุ่มทุกวัย ไม่ว่าจะคนทำงาน นักเรียน นักศึกษา คนต่างจังหวัดมาทำงานในเมือง คนแก่ คนพิการ ที่ใช้บริการรถเมล์ไทยสู่จุดหมายทั่วมุมเมือง