'ร้อนเป็นบ้า-โม้สะบัด'

กรุงเทพฯ...."ร้อนเป็นบ้า"!

แต่ที่้ "เชียงใหม่"....

ไม่รู้จะเชื่อ "คนเชียงใหม่จ๊าว" ดีหรือจะเชื่อ "เศรษฐา-นายกฯ ในคอกจ๊าว" ดี?

เพราะดูข่าว เห็นนักข่าวถิ่นเหนือ ทนฝุ่นพิษ  PM 2.5 เป็นหมอกห่มเมืองเชียงใหม่แรมปี-แรมเดือน ไม่ไหว

ตั้งคำถามประจานพวก "ผักชีโรยหน้าในระบบรัฐ" กลางวงผู้ว่าฯ เชียงใหม่ แถลงข่าว

"เลิกโกหก สร้างภาพ เรื่องฝุ่นพิษตลบเมืองให้ดูดี ด้วยการปกปิดข้อมูลกันซะทีเถอะ" เมื่อวาน (๙ เม.ย.๖๗)!

ขณะเดียวกัน ก็อ่านข่าว ตามหน้าหนังสือพิมพ์ ตามสื่อโซเชียล ก็รายงานสถานการณ์ด้านฝุ่นพิษคลุมเมืองตรงกัน

เช่น MG ออนไลน์ รายงานไว้ว่า.....

"วิกฤตฝุ่นควันเชียงใหม่ยังอาการสาหัส ค่ามลพิษสูงยึดอันดับ ๑ เมืองหลักคุณภาพอากาศเลวร้ายที่สุดในโลกต่อเนื่อง      

ทางจังหวัดออกประกาศ .....

ขอความร่วมมือให้พิจารณาจัดการทำงานแบบ Work from Home ระหว่าง ๙-๑๑ เม.ย.๖๗ เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน

อย่างไรก็ตาม พบคนส่วนใหญ่ ยังต้องออกไปทำงานตามปกติ ยกเว้น "หน่วยราชการส่วนใหญ่" ที่ตอบสนอง และปฏิบัติตามได้ทันที

ไอ้ระบบ Work from Home เนี่ย ดูไปเถอะ

มันจะทำลาย "สังคมมนุษย์" ที่มีหัวใจ มีความรู้สึก-นึก-คิด มีความสัมพันธ์และผูกพันเป็นสังคมกอบเกื้อเอื้ออาทร รับรู้สุข-ทุกข์ต่อกัน ผูกพันกันด้วยจิตวิญญาณ

 ให้กลายเป็น "สังคมวัตถุ"

ของสิ่งมีชีวิตพันธุ์ใหม่ ที่เรียกว่า "มนุษย์วัตถุ"!

"มนุษย์วัตถุ" จะว่าไป ต่ำชั้นกว่า "สัตว์เดรัจฉาน" ด้วยซ้ำ

"สัตว์เดรัจฉาน" บางครั้ง ยังมีสติ มีความรัก ความผูกพัน

 แต่ "มนุษย์วัตถุ" มีสติบ้างก็จริง

แต่เป็นสติกระตุ้นเตือนให้ "เห็นแก่ตัว-ต่างคนต่างอยู่" สติจะไม่หลอมรวมด้วยสัมปชัญญะ ให้ก่อเกิดเป็นรักและผูกพันต่อกันและต่อองค์กร

ยากต่อการพัฒนา "ชีวิต-จิต-วิญญาณ" สู่ภพภูมิที่สูงขึ้นเหมือนมนุษย์ประเภทมีกิจกรรมร่วม "สังคมชีวิต-สังคมงาน"

ซึ่งมันจะหลอมรวม "สังคมร่วม" เป็นความผูกพัน

รับรู้ในสุข-ในทุกข์ ของกันและกัน ต่อทั้งคนและต่อองค์กรรวม ถึงความเป็นสังคมชาติ

"เวิร์ก ฟรอม โฮม" จะทำให้มนุษย์มีค่าเท่าเครื่องจักร   

"ผลิตงานให้งาน" ตราบที่ "เติมเงิน"

แต่เครื่องจักรจะไม่ผลิตความรัก-ความเอื้ออาทรต่อเพื่อนร่วมงานและตัวองค์กร แม้กระทั่งคุณภาพ ก็ไม่รับรู้

ซึ่ง แท้จริงแล้ว.........

"ประเทศ-สังคมชาติ-สังคมงาน-สังคมมนุษย์" สวยงามอยู่ได้ตราบทุกวันนี้

เพราะมนุษย์ได้อยู่ร่วมกัน ผููกพันต่อกัน รับรู้สุข-ทุกข์ต่อกันร่วมสังคมงาน

ไม่ใช่สร้างโลกคนละใบ แล้ว "ต่างคน-ต่างอยู่"

ผมมีชีวิตร่วม (อาจจะ) ครบศตวรรษ

ยังไม่เคยเห็นใครเลยซักคน นับแต่จอมราชัน ยันยาจก

ว่าเคยมีใคร-คนไหน "เดินลงโลง-ลงหลุม" เองได้

โดยไม่ต้องมีใครช่วย "หามลง"!

"Work from Home" มันตอบโจทย์ "เฉพาะกิจ" กับมนุษย์สันดาน "ขี้เกียจ-มักง่าย-เห็นแก่ตัว" เท่านั้น

"เงิน" เท่านั้น ที่มนุษย์วัตถุ ต้องเป๊ะๆ

แต่เวลาในงาน....

"มนุษย์วัตถุ" โดยเปอร์เซ็นต์ส่วนใหญ่ "เหลวแหลก-เละเทะ" จนเป็นสันดาน

"โควิด" มันดันกระแส เวิร์ก ฟรอม โฮม ให้ฮิต แต่โควิดมันไปตั้งนาน แต่ทิ้งสายพันธุ์สันดานให้หลายหน่วยงาน, หลายองค์กร

ทึกทัก "เวิร์ก ฟรอม โฮม" เป็นรูปแบบการทำงานขององค์กรไปตลอดกาลหลายต่อหลายแห่ง

จากชนนิยม ตอนนี้ สู่ระบบรัฐ คือข้าราชการนิยมแล้ว!

อีกหน่อย รื้อทิ้งให้หมด รัฐสภา ทำเนียบฯ  กระทรวง ทบวง กรม ไม่ต้องมี

ให้เขาเช่าไปทำโรงแรม ไปประกอบธุรกิจ ที่ "เวิร์ก ฟรอม โฮม" ไม่ได้ เช่น สถานบริการ อาบ อบ นวด บ่อน ซ่อง เป็นต้น

ในเมื่อ "เวิร์ก ฟรอม โฮม" กันแล้ว

จะมีอาคาร สถานที่ทำงานให้เปลืองค่าไฟ ค่าแอร์ ค่าเช็ดขี้ตีนคนทำงานไปทำไม?

ก็ "บ้านใคร-บ้านมัน" มือถือคนละเครื่อง อยู่ที่ไหนก็ เวิร์ก ฟรอม โฮม กันได้แล้ว

๑๐ คนงาน หรือ ๑๐ ข้าราชการ อยู่ในประเทศบ้าง ไปต่างประเทศบ้าง แก้ผ้านอนบ้าง ตีกอล์ฟอยู่บ้าง หรือรับจ๊อบอีกแห่งอยู่บ้าง

ก็ประชุม "ออนไลน์" ถุยกันได้ ครบเดือน เงินก็ออนไลน์ เข้าบัญชี คนเดียว ทำงานแม่งมัน ๑๐ บริษัท รับจ๊อบ "เปิดบัญชีม้า" ควบไปด้วย ก็ยังไหว!

นี่แหละ สังคมยุค "เวิร์ก ฟรอม โฮม" ที่ "มนุษย์วัตถุ" ชื่นชอบ

หลายแห่ง ทำงานบริษัทเดียวกัน ทั้งนายจ้าง-ลูกจ้าง กระทั่ง "พนักงานต่อพนักงาน" เจอหน้าก็ไม่รู้จักกัน

ถามคุณคือใคร ทำงานอยู่ ที่ไหน มันเท่หรือทุเรศ ก็สุดแต่คิด!

สำหรับผม "ทั้่งเศร้า-ทั้งทุเรศ" ที่มนุษย์-สัตว์สังคม "ดาวน์เกรด" ลงสู่ระดับ "มนุษย์วัตถุ" ต่ำชั้นกว่า "สังคมสัตว์เดรัจฉาน"!

อ้าว...คุยเรื่องข่าวฝุ่นพิษ PM 2.5 ฟุ้งไปซะไกล

กลับเข้าเส้นทางสายหลักต่อ ข่าวจากคนพื้นที่เชียงใหม่กับข่าวจากสื่อทั้งหลาย ให้ข้อมูลตรงกัน

ว่า PM 2.5 ที่เชียงใหม่ หนักแล้ว หนักอยู่ และยังหนักต่อ

แบบนี้ ให้ผมเชื่อข่าวหรือเชื่อคนล่ะ?

ในเมื่อคน คือ "เศรษฐา-นายกฯ ในคอก" กับ "อุ๊งอิ๊ง-ลูกเจ้าของคอก" เคยให้คำยืนยันเป็นมั่นเหมาะ ด้วยน้ำหนักคำพูด ประมาณว่า         

เลือกเพื่้อไทยเข้าไปเป็นรัฐบาลแล้ว ถ้าแก้ PM 2.5 ไม่ได้ เท่ากับ "เสียทั้งคอก-เสียทั้งหมา"

ตั้งแต่หัวหน้าคอกยันหมาในคอกงั้นเลยเชียว

ไม่เชื่อฟังเสียงคลิปที่อุ๊งอิ๊งตอบในรายการ "กรรมกรข่าว" ของคุณสรยุทธก็ได้

สรยุทธ : สินค้าเกษตรที่มาจากพื้นที่สินค้าเผาไหม้ ไม่ให้เข้าประเทศ?

อุ๊งอิ๊ง : แน่นอนค่ะ

สรยุทธ : กล้าจริงหรือเปล่า?

 อุ๊งอิ๊ง : กล้าจริงค่ะ เพราะอะไรรู้มั้ยคะ เพราะอากาศคือพื้นฐานชีวิตของคนไทย คือต้นทุนของประเทศไทย ถ้าไม่มีอันนี้ก่อน อะไรจะไปต่อได้ ถ้าอากาศสะอาดยังไม่มี

ตะแล็มมม..ตะแล็มมมม แต๊มมมมๆๆๆ

ฟังคลิปเสียง "นายกฯ โบโซ่" บ้าง ผมแกะจากคลิปที่เขานำมาแชร์กันตอนนี้ หน้าแดง-เสียงดัง

ลงท้าย...งั่งกรุพระงั่วครับ...ทั่นผู้ชม-ผู้ฟัง

เศรษฐา : เราจะคืนอากาศที่สะอาด จากการ PM 2.5 อย่างต่อเนื่องที่ต้นตอ การจราจรที่กรุงเทพฯ และเมืองใหญ่จะต้องได้รับการดูแล ไม่ปล่อยไว้ตามยถากรรมแบบนี้

มาดูต่อ เมื่อ ๒๕ มีนา.

นายกฯ โบโซ่ ตอบการอภิปรายซักฟอกของวุฒิสมาชิกในสภา

"..........ส่วนเรื่องการเดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่หลายครั้งนั้น ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ก็ได้ไปติดตามและเตรียมการเรื่องการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5

เรื่องปัญหาฝุ่นแม้ยังมีอยู่........

แต่ก็ลดน้อยลงไป ๓๐-๗๐% แล้วแต่พื้นที่ ตรงนี้พิสูจน์ได้จาก Heat Map ที่เกิดขึ้น สามารถเปรียบเทียบได้กับปีที่ผ่านมากับปีนี้...."

เอ้า...เฮฮฮฮฮฮฮฮ

แล้วยกตีนตบขึ้นตบให้เกียรติทั่นนายกฯ โบโซ่ที่โม้สะบัดแหลก และกับว่าที่นายกฯ อุ๊งอิ๊ง เจ้าของคำคม "อากาศคือต้นทุนของประเทศไทย" คนนี้ ซีครับ ทำเป็นอมเมี่ยงคับปากอยู่ได้

รายการตลกแดก-แหกตาปี๋น้องชาวเหนีย" วันนี้ ก็ขอจบลงด้วยโพสต์ ของผู้ใช้นามว่า Jingkoa ดังนี้....

เนื่องด้วยคุณภาพอากาศเชียงใหม่ในขณะนี้ไม่เหมาะสมกับการหายใจ จึงขอให้ประชาชนงดการหายใจไปก่อน

 จนกว่าคุณภาพอากาศจะดีขึ้น ซึ่งคาดว่าอาจใช้เวลาอีก ๑ หรือ ๒ สัปดาห์

จึงประกาศมาให้ทราบโดยทั่วกัน

ตะแล็ม..ตะแล็มมมม..แต๊มแต็ม ตุ๊ยยยย!

ตูละขำ...

"ปัญหาฝุ่นแม้ยังมีอยู่ แต่ก็ลดน้อยลงไป ๓๐-๗๐% แล้ว"

สะใจดีมั้ยล่ะปี๋น้องเอ๊ยยยย!!!

ก็ดูเจ้า "โบโซ่-โม้แหลก" ซิว่า มันจะไปถึงไหน โม้คำใหญ่-คำโตไว้เต็มประเทศ

เพื่อไทย คิดใหญ่-ทำเป็น เพื่อไทย เต็มไปด้วยคนมากประสบการณ์ มีความรู้ ความสามารถ เข้าไป ทำได้-แก้ได้ทันที

แล้วที่ประดัง-ประเด รอคนเก่ง-มากประสบการณ์แก้ขณะนี้ แต่เห็นคนเก่งไม่ต่าง ลิงลพบุรีนั่งเกาไข่

ทั้งปัญหา สารก่อมะเร็ง "แคดเมียม"       

ปัญหาชายแดน "ไทย-พม่า" ที่กะเหรี่ยง KNU ตีเมียวดีแตก และปัญหา PM 2.5

แล้ววันนี้ ๑๐ เมษา.จะแถลงปิดจ๊อบ "เงินแจก" ๕ แสนล้านบาท เอาเงินจากไหนมาแจก แจกเป็นโทเคน เป็นคูปอง เป็นเงินสดเข้าแอปเป๋าตัง

ก็เอาให้มันสะเด็ดน้ำให้ได้ซักเรื่อง-ซักปัญหาซิเศรษฐา

อย่าให้ต้องเสียคน-เสียหมา เหมือนเรื่องที่ใครไม่รู้ เคยแถลงไว้อย่างนี้

"เราจะปักหมุดให้สงกรานต์ในไทยปีหน้า เป็นเทศกาลที่คนทั้งโลกต้องบินมาเล่นที่บ้านเรา

และสงกรานต์ปีหน้า เราจะไม่เล่นน้ำแค่ ๓ วันนะคะ

แต่จะจัดงานกันทั้งเดือน ทยอยจัดกันทั้งประเทศ ๗๗ จังหวัด เตรียมวางแผนกันได้เลยนะคะว่า สัปดาห์ไหนของเดือนเมษายน อยากจะไปเล่นน้ำสงกรานต์กันที่จังหวัดไหนค่ะ

มาร่วมกันทำให้สงกรานต์บ้านเรา เป็นเทศกาลที่ทั่วโลกต้องปักหมุดมาเล่นน้ำที่บ้านเรา และทำให้ประเทศไทยติด ๑ใน ๑๐ ประเทศสุดยอดเฟสติวัลโลกค่ะ"

แต่ข่าวว่า "เจ้าแม่ซอฟต์พาวเวอร์" เจ้าของแถลงนี้ หอบฝาละมีกับลูก

หนีไป "ฉลองสงกรานต์ที่ฮ่องกง" ซะแล้ว!!!

-เปลว สีเงิน

๑๐ เมษายน ๒๕๖๗

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

"จะแถกไปได้ซักกี่เดือน?"

เรา "เห็นอะไร"..... จากการลาออกจากตำแหน่ง "รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ" ของท่าน "ปานปรีย์ พหิทธานุกร"?

ความหวังคนกรุง ยกระดับ'รถเมล์ไทย'

ปัญหารถโดยสารประจำทางหรือ”รถเมล์” ยังเป็นที่พูดถึงมาทุกยุคสมัย โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ต้องพึ่งพาการเดินทางด้วยรถเมล์ ผู้โดยสารมีทุกกลุ่มทุกวัย ไม่ว่าจะคนทำงาน นักเรียน นักศึกษา คนต่างจังหวัดมาทำงานในเมือง คนแก่ คนพิการ ที่ใช้บริการรถเมล์ไทยสู่จุดหมายทั่วมุมเมือง

'เศรษฐา' กับ 'อนาถา'

ยุค "นักโทษ" เป็นใหญ่ "ปรับ ครม.เพื่อไทย" จะแจก-จะริบ "อาหารเม็ด" หมาในคอกตัวไหน?