'เศรษฐา' พา 'ธ.ก.ส.ซวย'

ใครๆ เขาถูกหวยแล้วรวย

แต่ ธ.ก.ส.ถูกหวย "กู้มาแจก" ของเศรษฐาตั้ง ๑.๗๒  แสนล้านบาท

กลับซวย!

เพราะตอนนี้มีแต่คนโพสต์ "ถอนเงิน ธ.ก.ส." เกลื่อนโซเชียลมีเดียไปหมด

เนี่ย...เนี่ย...ดูซีๆๆๆๆๆ

"สงสัยต้องขายสลากทิ้งแล้วล่ะ"

"ย้ายบัญชีหนีเลย กระสือมันจะลง"

"ธ.ก.ส.ย่อมาจาก ธรณีกรรแสง"

"ไปถอนออกให้หมดทุกบัญชีและชวนกันไปถอนทั้งครอบครัว" บ้าง "เกี่ยวกับเกษตรกรอย่างไรหรือคะ"

"พร้อมถอนเงินค่ะ" บ้าง "ระวังผู้บริหารจะเข้าไปนอนพักฟื้นในห้องกรงนะครับ"

"เปิดมาวันที่ 17 จะไปไล่ปิดบัญชีให้หมดเลยครับ"

"มีเกษตรกี่ % ที่เสียภาษีทางตรง ที่ได้รับเงิน  ๑๐,๐๐๐ นี้"

"หวังว่าเงินเราคงไม่หาย จะถอนออกวันไหน ธ.ก.ส.ต้องพร้อมนะ"

"ถอนออกดีกว่า ไม่ไหวแบบนี้"

นี่แค่ตัวอย่าง ๑ ในร้อย ที่ว่อนโซเชียลตอนนี้ ผมขอทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์แทน ธ.ก.ส.นิดนึงว่า

ไม่ต้องห่วง ธ.ก.ส.เจ๊งหรอก เงินมี มั่นคงปึ้ก รัฐบาลที่นายกฯ เศรษฐาเป็นรัฐมนตรีคลังรับประกัน มี..ไม่หนี..จ่ายแน่

แต่ประชาชนยังจะศรัทธาเชื่อถือต่อ ธ.ก.ส.หรือไม่?

นั่นเป็นอีกเรื่อง ขึ้นอยู่กับผู้บริหาร ธ.ก.ส.เองว่า....

จะบริหาร ธ.ก.ส.ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเคร่งครัดตาม พ.ร.บ.ธ.ก.ส.

หรือจะบริหารแบบ "ใบเรือ" ต้องหันใบตามเศรษฐาที่เป็นลมพัดใส่?

ระหว่าง "เก้าอี้" กับ "คุก" เลือกเอา ว่าชอบแบบไหน?

"จำนำข้าวยิ่งลักษณ์" ยังเป็นหนี้ค้างจ่าย ธ.ก.ส. "ทั้งต้น-ทั้งดอก" อีกร่วม ๓ แสนล้าน

แล้วนี่้ ธ.ก.ส.ยังจะยอมให้รัฐบาลเศรษฐาตีความมาตรา ๙ วรรค ๓ "พ.ร.บ.ธ.ก.ส." แบบศรีธนญชัย

จะเอาเงิน ๑.๗๒ แสนล้านจาก ธ.ก.ส.ไปแจก ด้วยอ้างว่า "เป็นเงินยืม" ไม่ใช่ "เงินกู้" แบบนี้ละก็

ถ้ายอม ผู้บริหาร ธ.ก.ส.ก็ดู "รัฐมนตรีบุญทรง" กับ "ข้าราชการกระทรวงพาณิชย์" ที่ยังอยู่ในคุกเป็นอุทาหรณ์

ว่าการยอมนักการเมืองเพื่อเก้าอี้ ลงท้ายเป็นไง?

คนซวย ต้องติดคุก คือ "ข้าราชการ-มือทำ"

คนรวย คือ "นักการเมือง-แค่ปากสั่ง"!!!

ก็ลองคิดดู ธ.ก.ส.ถ้ายอมให้เศรษฐายืมเงิน ๑.๗๒ แสนล้านไปแจก ซึ่งยากจะเถียงว่าไม่ใช่การ "ซื้อเสียงล่วงหน้า"

และเศรษฐาก็นำเงินบาท ๑.๗๒ แสนล้าน "มาตรฐานโลก" นั้น ไปแลกเป็นเหรียญดิจิทัล "มาตรฐานกระดาษเช็ดตูด" ไปแจกแทน

แถมอ้าง ๑.๗๒ แสนล้านนั้น เป็น "เงินยืม" ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยให้ ธ.ก.ส.!

แบบนี้จะเรียกว่า "โคตรเหลี่ยม" หรือ "โคตรโกงฝังเพชร" ดี ก็ช่วยกันใช้อวัยวะต่ำสุดในร่างกายตรองดูละกัน

วัตถุประสงค์ตามกรอบกฎหมายที่กำหนดให้ ธ.ก.ส.นำเงินไปใช้ได้ตาม มาตรา ๙(๓) ที่ทีมงานเศรษฐา "ศรีธนญชัย" จำแลงตีความ "ว่าเอาไปแจกได้" นั้น ว่าดังนี้

...........................

 (๓) ธ.ก.ส.ดําเนินงานเป็นสถาบันการเงินเพื่อการพัฒนาชนบท โดยให้ความช่วยเหลือทางการเงินหรือการบริหารจัดการแก่บุคคล กลุ่มบุคคล ผู้ประกอบการ

กองทุนหมู่บ้านหรือชุมชน รวมทั้งองค์กร ที่จัดตั้งขึ้นในรูปแบบใดที่มีวัตถุประสงค์ในการสนับสนุนการประกอบอาชีพของเกษตรกรหรือชุมชน

ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้มีการพัฒนาผลผลิตหรือผลิตภัณฑ์ของเกษตรกรหรือชุมชนให้มีประสิทธิภาพทั้งในด้านการลงทุน การผลิต การแปรรูปและการตลาด

หรือเพื่อส่งเสริมให้ชุมชนมีความเข้มแข็งในด้านเศรษฐกิจหรือเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต

...............................

"นายเผ่าภูมิ" มือเศรษฐกิจเศรษฐา ก็ทึกทักวรรคสุดท้าย ตรงที่ว่า

"หรือเพื่อส่งเสริมให้ชุมชนมีความเข้มแข็งในด้านเศรษฐกิจหรือเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต"

ว่านี้แหละ........

ให้ ธ.ก.ส.เอาเงิน ๑.๗๒ แสนล้าน ไปดูแลกลุ่มประชาชนที่เป็นเกษตรกรจำนวน ๑๗ ล้านคน ผ่านกลไกมาตรา ๒๘ ของปีงบประมาณ ๖๘ ได้!

มันเบิ่งตาตี่ตีความ "เอาจนได้"

เกษตรกรกลุ่มนี้ ตามทะเบียน เห็นว่ามีไม่เกิน ๗ ล้านคน

เศรษฐา "ตีโป่ง" เป็น ๑๗ ล้านคน แถมหัวแหลมเป็นหัวลิง ให้ ธ.ก.ส.ไปแจกแทน

โดยเลี่ยงคำว่า "แจก" ไปเป็น "ดูแลกลุ่มประชาชนที่้เป็นเกษตรกร" แทน

และเลี่ยงคำว่า "กู้ ธ.ก.ส. ๑.๗๒ แสนล้าน" ไปแจก  เป็นใช้คำว่า "เงินยืม" แทน!?

ไอ้ "เงินยืม" กับ "เงินกู้" ตามกฎหมาย "กำหนดต้องจ่ายดอกเบี้ยเหมือนกัน"

นั่นเท่ากับ จะใช้คำว่า "เงินยืม" หรือ "เงินกู้"

"ค่าเท่ากัน"!

สรุป รัฐบาลเศรษฐา "กู้เงิน ธ.ก.ส. ๑.๗๒ แสนล้าน" ไปแจกตามนโยบาย "สัญญาว่าจะให้" ๕ แสนล้าน กับคนอายุ ๑๖ ปีขึ้นไป ๕๐ ล้านคน เป็นเหรียญดิจิทัล คนละ ๑  หมื่นบาท ชัดเจน!!!!  

จะเฉไฉอ้างยืมไม่ใช่กู้ แล้วนายเผ่าภูมิเลขาฯ รมว.คลังทำผึ่งผายคุยโขมง ว่าตัวแทนกฤษฎีกา แบงก์ชาติ  สำนักงบประมาณ อยู่ในที่ประชุมด้วย

ไม่เห็นมีคัดค้าน สรุปว่าทำได้ นั้น

ก็เอาเลย......

ว่าทำได้ ก็ลองดู ก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าเมื่อโยนเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกา "ที่ปรึกษากฎหมายรัฐบาล" พิจารณา เขาจะมีความเห็นว่าไง

และเมื่อเป็นวาระเข้าสภา ที่มั่นใจว่า "พรรคร่วมเอาด้วยแน่" ก็ภาวนาให้แน่จริงเถอะ!

เมื่อเลี่ยงคำว่า "เงินกู้" เพราะมันจะผิดตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ มาตรา ๕๓ ที่บอกว่า

"การกู้เงินของรัฐบาลนอกเหนือจากที่บัญญัติไว้ในกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ

ให้กระทรวงการคลังกระทำได้ก็แต่โดยตราขึ้นเป็นพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม

และเฉพาะกรณีที่มีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการโดยเร่งด่วนและอย่างต่อเนื่องเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤติของประเทศ โดยไม่อาจตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีได้ทัน”

เมื่อทุกฝ่าย (ยกเว้นเพื่อไทย) ลงความเห็นว่า  "เศรษฐกิจไทยไม่มีปัญหาขั้นวิกฤตเร่งด่วน"

เพื่อไทย จึงต้องขยอก "พ.ร.บ.กู้เงิน ๕ แสนล้าน" ที่กำลังจะกลืนลงคอออกมา เพราะกลัวคุก

ก็เลยระดมทีมส่องแว่น "แหกบรรทัดกฎหมาย" หาช่องเอาให้จงได้ ก็ไปเจอมาตรา ๒๘ ที่บอกว่า

"การมอบหมายให้หน่วยงานของรัฐดําเนินกิจกรรม มาตรการหรือโครงการโดยรัฐบาลรับภาระจะชดเชยค่าใช้จ่ายหรือการสูญเสียรายได้ในการดําเนินการนั้น

ให้กระทําได้เฉพาะกรณีที่อยู่ในหน้าที่และอํานาจตามกฎหมายและอยู่ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ของหน่วยงานของรัฐนั้น

เพื่อฟื้นฟูหรือกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบอาชีพหรือยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ...ฯลฯ...

ช่อง "รูตูดมด" เท่าเนี้ย

"เพื่อฟื้นฟูหรือกระตุ้นเศรษฐกิจหรือเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบอาชีพ"

มันตีขลุมเคลมเอาเลยว่า.....

"ให้ ธ.ก.ส.เอาเงิน ๑.๗๒ แสนล้านไปกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มขีดความสามารถในการประกอบอาชีพของคนกลุ่มเกษตรกรได้"

กูละยอมมันเลย

แต่ "คนรู้ทัน" เขาไม่ยอม พร้อมจะแห่ไปถอนเงินฝาก ธ.ก.ส.เป็นการสั่งสอน!

เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้แหละครับ...ทั่น

ทุกคำถาม "เศรษฐา" มีคำตอบ

ยกเว้นคำถามเดียวที่ว่า ในเมื่อจะแจก ก็แจกเงินสดคนละ ๑ หมื่นไปเลยซี

ทำไมต้องเอา "เงินสด ๕ แสนล้าน" ไปแลกเป็น "เงินดิจิทัล" ซึ่งไม่มีตัวเงินจริงให้จับต้องได้ไปแจก

มันจึงชวนสงสัย.....

ว่ามีค่า "แลกกลับไป-กลับมา" เป็นอาหารให้ "หมามันแดก" หรือเปล่า

คำถามนี้ "คำถามเดียว" เท่านั้น

ถึงวันนี้ ก็ยังไม่มีคำตอบจาก "เศรษฐา"!?!?

-เปลว สีเงิน

๑๓ เมษายน ๒๕๖๗

 

วันเสาร์ที่ปลายซอย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

"จะแถกไปได้ซักกี่เดือน?"

เรา "เห็นอะไร"..... จากการลาออกจากตำแหน่ง "รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ" ของท่าน "ปานปรีย์ พหิทธานุกร"?

ความหวังคนกรุง ยกระดับ'รถเมล์ไทย'

ปัญหารถโดยสารประจำทางหรือ”รถเมล์” ยังเป็นที่พูดถึงมาทุกยุคสมัย โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ต้องพึ่งพาการเดินทางด้วยรถเมล์ ผู้โดยสารมีทุกกลุ่มทุกวัย ไม่ว่าจะคนทำงาน นักเรียน นักศึกษา คนต่างจังหวัดมาทำงานในเมือง คนแก่ คนพิการ ที่ใช้บริการรถเมล์ไทยสู่จุดหมายทั่วมุมเมือง

'เศรษฐา' กับ 'อนาถา'

ยุค "นักโทษ" เป็นใหญ่ "ปรับ ครม.เพื่อไทย" จะแจก-จะริบ "อาหารเม็ด" หมาในคอกตัวไหน?