ไบเดนควงคิชิดะ มาร์กอสประกาศสกัดการขยายอิทธิพลจีน!

ผมเห็นนายกฯฟูมิโอะ คิชิดะของญี่ปุ่นปราศรัยต่อสภาคองเกรสสหรัฐฯเป็นภาษาอังกฤษปลายสัปดาห์ที่ผ่านมากล่าวหาจีนว่าเป็น “ภัยคุกคามต่อภูมิภาคนี้อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน” แล้วก็พอจะรู้ว่าความตึงเครียดจะต้องถูกยกระดับขึ้นมาอย่างแน่นอน

เพราะทั้งจังหวะเวลาและสถานที่เกิดเหตุนั้นคือการตอกย้ำว่าญี่ปุ่นมาจับมือกับอเมริกาเพื่อจะกระชับความสัมพันธ์ทางทหารเพื่อสกัดจีนอย่างปฏิเสธไม่ได้

มิหนำซ้ำ ในโอกาสเดียวกันนั้น ประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ของฟิลิปปินส์ยังมาสมทบที่วอชิงตันเพื่อประกาศจับมือกับสองมิตรประเทศเพื่อยืนยันความเหนียวแน่นทางความมั่นคง

ในขณะที่จีนกับฟิลิปปินส์กำลังมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันอย่างเกรียวกราวในทะเลจีนใต้

และอดีตผู้นำฟิลิปปินส์ดูเตอร์เต้ให้สัมภาษณ์สื่อทางการจีน Global Times อัดผู้นำคนปัจจุบันของตนว่ากลายเป็นเครื่องมือของสหรัฐฯไปแล้ว

ดูเตอร์เต้ตอนเป็นประธานาธิบดีกระโดดเข้าหาปักกิ่ง สลัดสหรัฐฯ

แต่พอมาร์กอสขึ้นมาปกครองประเทศ ก็เปลี่ยนนโนบาย 360 องศา หันไปจับมือกับอเมริกา 

หลังจากนั้น เรือลาดตระเวณของจีนกับฟิลิปปินส์ก็มีเรื่องเบียดเสียดกันอย่างต่อเนื่อง

ทั้งสองฝ่ายออกแถลงการณ์ตอบโต้กันอย่างดุเดือด

ไม่แต่เท่านั้น ฟิลิปปินส์ยังเปิดฐานทัพหลายแห่งให้อเมริกาเข้าไปใช้เพิ่มขึ้นอีก

มีการมองว่าทั้งหมดนี้สหรัฐฯต้องการจะสร้างพันธมิตรในภูมิภาคนี้เผื่อสถานการณ์ร้ายแรงหากจีนบุกไต้หวันและสหรัฐฯต้องการโครงข่ายฐานทัพในย่านนี้เพื่อปฏิบัติการทางทหารเพื่อปกป้องไต้หวัน

จีนหรือจะยอมให้อเมริกาเข้ามาก้าวก่ายและเพ่นพ่านอย่างโจ๋งครึ่มอย่างนี้

ปักกิ่งประกาศเลยว่าถ้าญี่ปุ่นกับฟิลิปปินส์ (และเกาหลีใต้) ยอมให้วอชิงตันใช้เป็น “เครื่องมือ” ในการมาแทรกแซงกิจการภายในของจีน ก็จะต้องเห็นดีกัน

สหรัฐฯไม่ยอมหยุด ส่งเรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส ธีโอดอร์รูสเวลต์ (USS Theodore Roosevelt) จัดการซ้อมรบร่วมกับญี่ปุ่นและเกาหลีใต้อย่างเปิดเผย

เป็นจังหวะเดียวกันที่โจ ไบเดน อ้าแขนต้อนรับผู้นำญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์ ที่ทำเนียบขาว

เห็นชัดว่านี่คือการระดมพลทางทหารและการทูตเพื่อประกาศให้โลกได้รับรู้ว่าสหรัฐฯ และเหล่าพันธมิตรในเอเชียกำลังสร้างความเป็นปึกแผ่นอย่างชนิดที่ไม่เคยได้พบเห็นมาก่อน

โดยอ้างว่าต้องทำอย่างนั้นเพื่อสกัดกั้นสิ่งที่โลกตะวันตกเรียกว่าเป็นท่าทีที่ก้าวร้าวของสี จิ้นผิงแห่งจีน

ภาพที่เผยแพร่โดยทำเนียบขาวต้องการจะตอกน้ำความสนิทสนมเป็นพิเศษจะเห็นโจ ไบเดน และสตรีหมายเลขหนึ่งจิล เป็นเจ้าภาพต้อนรับนายกคิชิดะและภริยายูโกะในงานเลี้ยงอาหารค่ำที่ทำเนียบขาวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

การซ้อมรบครั้งนี้มีการแสดงแสนยานุภาพทางทหารอย่างเด่นชัด

ที่เห็นชัดคือเรือพิฆาตฝูงหนึ่งจากสหรัฐฯ

เกาหลีใต้นำเสนอจรวดนำวิถี 

ญี่ปุ่นส่งเรือรบมาสมทบ

ที่ท้าทายเป็นพิเศษคือการเลือกซ้อมรบในน่านน้ำทะเลจีนตะวันออก

ทำไมต้องเป็นพื้นที่ตรงนี้?

เพราะมันคือเขตที่ข้อพิพาทเรื่องการอ้างสิทธิ์ทับซ้อนเหนือเกาะแก่งหลายแห่ง

สื่อตะวันตกได้รับอนุญาตให้สังเกตการณ์การซ้อมรบอย่างใกล้ชิด

ก็เพื่อจะได้ออกข่าวกระจายไปทั่วโลกอันเป็นการตอกย้ำความแน่นแฟ้นของอเมริกากับประเทศในแถบนี้เพื่อต้านอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนของจีน

สื่อตะวันตกอ้างคำพูดของพลเรือตรีคริสโตเฟอร์ อเล็กซานเดอร์ ผู้บัญชาการหน่วย Carrier Strike Group ที่ 9 ที่ประกาศกร้าว่าทั้ง 3 ประเทศร่วมซ้อมรบบนพื้นฐานฉากทัศน์สถานการณ์สงครามใต้สมุทร 

และไม่ปิดบังว่าเป็นปฏิบัติการขัดขวาง“ฝ่ายตรงข้าม” ทางทะเล

และเพื่อสร้างระบบการแบ่งปันข่าวกรองและข้อมูลระหว่างกัน

นักข่าวได้ขึ้นไปบนบรรทุกเครื่องบิน USS Theodore Roosvelt และได้รับการบอกเล่าว่าการซ้อมรบในสถานการณ์เช่นนี้จะช่วยทำให้การสื่อสารระหว่างสหรัฐฯ และพันธมิตรดีขึ้น

อีกทั้งย้ำว่ากิจกรรมร่วมอย่างนี้จะ "ทำให้เราเตรียมตัวให้ดีขึ้นเพื่อรับมือกับวิกฤตในภูมิภาค"

จีนมีปฏิกิริยาต่อต้านทันที

กระทรวงต่างประเทศจีนที่ปักกิ่งออกแถลงการณ์ว่า เจ้าหน้าที่อาวุโสด้านกิจการเอเชียได้พบกับตัวเเทนการทูตระดับสูงสุดคนหนึ่งของสถานทูตญี่ปุ่น 

เพื่อจะเเสดง "ความกังวลอย่างจริงจังและความไม่พอใจที่รุนเเรง" ต่อการ "การเคลื่อนไหวเชิงลบ" ของญี่ปุ่น 

เป็นการแสดงออกทางการทูตของปักกิ่งต่อโตเกียวระหว่างที่ คิชิดะพบกับโจ ไบเดนและมาร์กอส จูเนียร์ที่กรุงวอชิงตัน

ก่อนหน้านี้ ปักกิ่งก็ไม่ได้นิ่งเฉย มีการออกเเถลงการณ์ชี้นิ้วไปที่สหรัฐฯและญี่ปุ่นว่า “สมรู้ร่วมคิดกันใส่ร้ายป้ายสีจีน”

ทางการจีนยังได้ขอให้อเมริกาและญี่ปุ่นยุติการ “บั่นทอนความสงบสุขและเสถียรภาพในภูมิภาค”

และไม่ลืมที่จะตอกย้ำว่าจีนจะ "ปกป้องอย่างเเข็งขัน" ต่อความมั่นคงและผลประโยชน์ด้านการพัฒนาของตน 

เกาหลีใต้เองก็ต้องแสดงจุดยืนของตน

แถลงการณ์ของกองทัพเรือเกาหลีใต้บอกว่าการซ้อมรบมีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มศักยภาพในการรับมือภัยด้าน

นิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ

พุ่งเป้าไปที่เกาหลีเหนือแทนที่จะโยงถึงจีน

ยังมีตัวละครสำคัญอีกประเทศหนึ่งคือออสเตรเลีย

ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์และญี่ปุ่นร่วมซ้อมรบ 4 ฝ่าย 

โดยอ้างถึง “ความเสี่ยงที่มาจากจีน” อีกเหมือนกัน

เเต่ชี้ว่าปฏิบัติการนี้มีขึ้นเพื่อ “ปกป้องความสงบสุขและเสถียรภาพของภูมิภาคอินโดเเปซิฟิก”

โฆษกกระทรวงกลาโหมจีนกล่าวว่า กิจกรรมของจีนในทะเลจีนใต้ "สมเหตุสมผล เป็นไปตามกฎหมาย ไม่สามารถที่ใครจะหาเรื่องกล่าวโทษได้"

โฆษกกลาโหมจีนย้ำในเเถลงการณ์ว่าการขยายอิทธิพลของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้ "ไร้ความรับผิดชอบและมีอันตรายร้ายแรง”

ภาวะตึงเครียดจึงกำลังบานปลายใกล้บ้านเรามากขึ้นทุกที!

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ส่องกล้องสนามรบทั่วพม่า : แพ้ไม่ถาวร, ชนะไม่เบ็ดเสร็จ

แม้ว่าการสู้รบในเมียวดี ตรงข้ามกับแม่สอดดูจะแผ่วลง เพราะมีการต่อรองผลประโยชน์สีเทากันระหว่างกลุ่มต่างๆ แต่สงครามในเขตอื่นๆ ทั่วประเทศพม่ายังหนักหน่วงรุนแรงต่อไป

เมียวดี: สงคราม, ทุนสีเทา, กาสิโน, มาเฟียและยาเสพติด

สงครามในเมียวดีตรงข้ามแม่สอดของจังหวัดตากของไทยซับซ้อนกว่าเพียงแค่การสู้รบแย่งชิงพื้นที่ระหว่างฝ่ายกองทัพพม่ากับฝ่ายต่อต้านเท่านั้น

งบมะกันก้อนใหม่จะช่วยยูเครน พลิกสถานการณ์สู้รบได้แค่ไหน?

แม้ว่ารัฐสภาสหรัฐฯจะเปิดไฟเขียวให้งบประมาณช่วยเหลือทางทหารก้อนใหม่ แต่ยูเครนก็ยังต้องดิ้นรนไม่ให้แพ้สงครามกับรัสเซีย

ทิม คุกบินไปเวียดนาม-อินโดฯ ทำไมไม่แวะประเทศไทย?

สัปดาห์ก่อน ทิม คุก ซีอีโอของ Apple บินข้ามไทยไปเวียดนาม, อินโดนีเซียและสิงคโปร์ เพื่อสรุปแผนการลงทุนหรือเพิ่มกิจกรรมในประเทศเหล่านั้น

มะกันทุ่ม 3.5 ล้านล้านบาท ให้ยูเครน, อิสราเอล, ไต้หวัน!

งบประมาณก้อนใหญ่ที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ อนุมัติเพื่อช่วยยูเครน, อิสราเอล และไต้หวันเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา จะช่วยลดความกังวลของยูเครนว่ากำลังจะแพ้สงครามได้หรือไม่...ยังต้องคอยดูของจริงในสมรภูมิรบต่อไป