สิงคโปร์ผลัดใบการเมืองครั้งสำคัญ ‘หลี่’ (72) ส่งไม้ต่อ ‘หว่อง’ (52)

นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของสิงคโปร์ Lawrence Wong ที่จะรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ต้องถือว่ามาจากครอบครัวชนชั้นทำงานจริง ๆ

จังหวะของการประกาศเรื่องนี้เมื่อวันจันทร์สร้างความแปลกใจให้กับคนสิงคโปร์พอสมควร

เพราะเดิมที นายกฯหลี่ เซียนหลงเคยบอกว่าจะมีการส่งไม้ต่อวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้เพราะตรงกับวันครบ 70 ปีของการก่อตั้งพรรค PAP

แต่การปรับเปลี่ยนตารางเวลาน่าจะเป็นเพราะมีการปรับแผนให้มีการยุบสภาก่อนกำหนดเดิมที่จะครบเทอมในเดือนพฤศจิกายนปี 2025

พอมีการประกาศให้หว่องเป็นนายกฯในเวลาอีกเพียงหนึ่งเดือนก็มีการคาดการณ์ว่านายกฯคนใหม่อาจประกาศยุบสภาเร็วขึ้น

...ซึ่งอาจจะเป็นสิ้นปีนี้ (ก่อนครบเทอมหนึ่งปี) เพราะเห็นเป็นจังหวะที่พรรครัฐบาลได้เปรียบอยู่

ประวัติของหว่องน่าสนใจ แตกต่างไปจากนายกฯคนปัจจุบันไปคนละทาง

พ่อเป็นเซลส์แมน แม่เป็นครูมัธยม อยู่ในบ้านของการเคหะฯของรัฐบาล และต้องไต่ต้าวขึ้นมาด้วยความรู้ความสามารถของตนเอง

ได้ทุนไปเรียนต่อปริญญาตรีและโทที่อเมริกา กลับมารับราชการ 14 ปีในหลายกระทรวง

พอถูกชวนมาอยู่พรรค PAP ของรัฐบาลก็ตัดสินใจลาออกเลย

แม้ว่าหากอยู่ต่ออีกหนึ่งปีให้ครบ 15 ปีของอายุราชการก็จะได้เงินบำนาญก้อนใหญ่

แต่ในวัยหนุ่มใหญ่ที่ต้องการพิสูจน์ตัวเองก็เดินออกจากโอกาสที่จะได้เงินก้อนใหญ่เพื่อจะได้เข้าสู่การเมืองอย่างเต็มภาคภูมิ

พร้อมกับกีต้าร์ตัวโปรดที่พ่อซื้อให้ตอนอายุ 8 ขวบ และสามารถเล่นได้ถึงขั้นเป็นมืออาชีพกันเลยทีเดียว

แม้ไปเรียนหนังสือต่อที่อเมริกาก็ยังเอาไปด้วย

 “ผมพร้อมสำหรับภารกิจที่ได้รับมอบหมายแล้ว” ลอว์เรนซ์ หว่อง ในฐานะรองนายกฯ ประกาศด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสในต่อที่ประชุมพรรค People’s Action Party (PAP) เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว

 “ผมจะทุ่มเททั้งหัวใจและจิตวิญญาณ” เขากล่าว พร้อมเสริมว่าเขาทำงานอย่างหนักเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่จะเป็น “ความรับผิดชอบที่ใหญ่ที่สุด” ในอาชีพของเขา นั่นคือการรับช่วงต่อจากนายกรัฐมนตรี ลี เซียนลุง ในฐานะผู้นำของสิงคโปร์ ผู้นำคนต่อไป

หว่องในวัย 52 จะขึ้นเป็นนายกฯคนที่ 4 ของเกาะแห่งนี้

เข้าสู่การเมืองเมื่อ 12 ปีก่อนนี้เอง

พอสมัครรับเลือกตั้งครั้งแรกในปี 2011 เขาก็ได้รับเลือกเป็นสมาชิกรัฐสภาในเขต West Coast GRC

และภายในสองสัปดาห์หลังการเลือกตั้งก็ได้ดูแลกระทรวงศึกษาธิการและการป้องกันประเทศ

ในการเลือกตั้งทั่วไปปี 2015 ย้ายไปลงเขต Marsiling-Yew Tee GRC

พอชนะอีกครอบก็ได้เลื่อนเป็นรัฐมนตรีประจำการนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

จากนั้นเขาก็กลายเป็นดาวรุ่งของกาเมืองอย่างเห็นได้ชัด

ได้ดูแลกระทรวงต่างๆ รวมถึงกระทรวงวัฒนธรรม ชุมชน และเยาวชน โดยได้เป็นรักษาการรัฐมนตรีและขึ้นเป็นรัฐมนตรีเต็มตัวในอีกสองปีต่อมา

หลังการเลือกตั้งในปี 2015 หว่องย้ายไปดูแลกระทรวงการพัฒนาแห่งชาติ โดยดำรงตำแหน่งจนถึงเดือนกรกฎาคม 2020

ปีนี้ โควิด-19 อาละวาด หว่องได้รับมอบหมายให้เป็นประธานร่วมคณะทำงานเฉพาะกิจจัดการบริหารโรคระบาด

เป็นบทบาทที่สร้างความโดดเด่นให้กับเขามากเพราะได้ชื่อว่ามีความสามารถในการประสานงานและสื่อสารวิกฤตให้กับสาธารณชนอย่างมีประสิทธิภาพ

ตอนนั้น เขายังไม่ได้เป็นทายาททางการเมืองของนายกฯหลี่ เซียนหลง

เพราะรองนายกฯเฮง สวี เคียดคือตัวเต็งอันดับหนึ่ง

แต่เขาประกาศถอนตัวในเดือนเมษายน 2021 ด้วยข้ออ้างว่าเพราะอายุ 60 แล้ว

เท่ากับว่า “ทางวิ่งสั้นเกินไป” หากเขาได้เป็นนายกรัฐมนตรีหลังการระบาดใหญ่

คำว่า “ทางวิ่ง” หรือ runway สั้นนั้นเป็นการเปรียบเปรยเหมือนเครื่องบินที่ต้องมีรันเวย์ยาวพอ กัปตันจึงจะสามารถนำเครื่องบินขึ้นได้อย่างปลอดภัย

ลี กวนยู ผู้ก่อตั้งสิงคโปร์เป็นนายกฯในวัย 35

โก๊ะ จ๊กตงที่เป็นนายกฯต่อมาอายุ 40 ตอนที่รับตำแหน่งต่อจากลีผู้พ่อ

ตัวหลี่ เซียนหลง นายกฯคนปัจจุบันอายุ 52 ตอนรับตำแหน่งนายกฯ อยู่มา 20 ปีถึงปีนี้ 72

หว่องปีนี้ 52

หากเฮงรับตำแหน่งทายาททางการเมือง ปีนี้ก็จะอายุ 62 ซึ่งสำหรับสิงคโปร์ถือว่า “ชราภาพ” สำหรับการทำหน้าที่ผู้บริหารสูงสุดของประเทศ

หว่อง ซึ่งในขณะนั้นเป็นรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ เข้ารับตำแหน่งกระทรวงการคลังต่อจากเฮงในการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งต่อมา

ถือเป็นข้อบ่งชี้แรกเกี่ยวกับการรับไม้ต่อในฐานะผู้นำสำหรับเขา

ในที่สุด ประเด็นว่าด้วยการสืบทอดตำแหน่งทางการเมืองก็คลี่คลายลงในเดือนเมษายน 2022 2565 เมื่อหว่องได้รับเลือกให้เป็นผู้นำของทีมรุ่นที่สี่ของ PAP หรือ 4G

สองเดือนต่อมา เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีในการปรับคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง

ตำแหน่งสำคัญที่สุดของหว่องก่อนจะได้รับความไว้วางใจตอนทำงานใกล้ชิดกับนายกฯในหว่องคือ “เลขานุการส่วนตัวหลัก”ของท่านผู้นำ

ในด้านส่วนตัว หว่องเติบโตใน “ครอบครัวธรรมดา” ในบ้านการเคหะฯ Marine Parade HDB

พ่อเกิดที่เกาะไหหลำของจีน เคยไปมาเลเซียตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ก่อนที่จะย้ายไปสิงคโปร์เพื่อทำงานเป็นตัวแทนขายของ

แม่เป็นครู เป็นคนมีระเบียบวินัยทั้งในโรงเรียนและที่บ้าน

หว่องมักจะกล่าวถึงแม่อย่างยกย่องไม่ว่าจะเป็นการให้สัมภาษณ์หรือในการกล่าวสุนทรพจน์ในที่สาธารณะ

เพราะแม่ทำงานหนัก ทั้งทำหน้าที่ครูและเลี้ยงดูเขาและน้องชายไดด้วย

หว่องเป็นศิษย์เก่าของ Haig Boys' Primary ที่แม่เป็นครูอยู่

ในช่วงวัยรุ่น เข้าเรียนที่ Tanjong Katong Secondary School เพราะอยู่ใกล้บ้าน

ต่อมาก็ไปเรียนต่อวิทยาลัย Victoria Junior College

ได้รับปริญญาตรีและปริญญาโทสาขาเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-แมดิสันและมหาวิทยาลัยมิชิแกน-แอนอาร์เบอร์

และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทสาขารัฐประศาสนศาสตร์จาก Harvard Kennedy School

ความรักในกีตาร์ของเขาย้อนกลับไปเมื่อตอนที่พ่อของเขามอบกีตาร์ตัวแรกให้เขาเมื่ออายุ 8 ขวบ

เขาใช้เวลาช่วงสุดสัปดาห์ยืมหนังสือกีตาร์จากห้องสมุด Marine Parade

และเมื่อเขาได้รับทุนรัฐบาลไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา ก็เอากีตาร์ติดตัวไปด้วย

หว่องบอกว่าการเล่นกีตาร์ช่วยให้เขาคลายเครียดและผ่อนคลาย

เขาเคยโพสต์วิดีโอหลายคลิปที่เล่นกีตาร์ดีดหกสาย ซึ่งรวมถึงเพลงป๊อปสตาร์ชาวอเมริกัน เทย์เลอร์ สวิฟต์ ที่ขับร้องแบบอะคูสติก เพื่อเป็นเกียรติแก่นักการศึกษาเนื่องในวันครูเมื่อปีที่แล้วด้วย

บุคลิกไปคนละทางกับนายกฯหลี่ เซียนหลงคนปัจจุบัน

แต่อาจจะเข้ากับคนรุ่นใหม่ได้ดีกว่า...ซึ่งสำคัญมากเพราะพรรค PAP ตำเป็นต้องขยายฐานความนิยมของคนรุ่นโซเชียลมีเดียมากขึ้นทุกที

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ส่องกล้องสนามรบทั่วพม่า : แพ้ไม่ถาวร, ชนะไม่เบ็ดเสร็จ

แม้ว่าการสู้รบในเมียวดี ตรงข้ามกับแม่สอดดูจะแผ่วลง เพราะมีการต่อรองผลประโยชน์สีเทากันระหว่างกลุ่มต่างๆ แต่สงครามในเขตอื่นๆ ทั่วประเทศพม่ายังหนักหน่วงรุนแรงต่อไป

เมียวดี: สงคราม, ทุนสีเทา, กาสิโน, มาเฟียและยาเสพติด

สงครามในเมียวดีตรงข้ามแม่สอดของจังหวัดตากของไทยซับซ้อนกว่าเพียงแค่การสู้รบแย่งชิงพื้นที่ระหว่างฝ่ายกองทัพพม่ากับฝ่ายต่อต้านเท่านั้น

งบมะกันก้อนใหม่จะช่วยยูเครน พลิกสถานการณ์สู้รบได้แค่ไหน?

แม้ว่ารัฐสภาสหรัฐฯจะเปิดไฟเขียวให้งบประมาณช่วยเหลือทางทหารก้อนใหม่ แต่ยูเครนก็ยังต้องดิ้นรนไม่ให้แพ้สงครามกับรัสเซีย

ทิม คุกบินไปเวียดนาม-อินโดฯ ทำไมไม่แวะประเทศไทย?

สัปดาห์ก่อน ทิม คุก ซีอีโอของ Apple บินข้ามไทยไปเวียดนาม, อินโดนีเซียและสิงคโปร์ เพื่อสรุปแผนการลงทุนหรือเพิ่มกิจกรรมในประเทศเหล่านั้น

มะกันทุ่ม 3.5 ล้านล้านบาท ให้ยูเครน, อิสราเอล, ไต้หวัน!

งบประมาณก้อนใหญ่ที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ อนุมัติเพื่อช่วยยูเครน, อิสราเอล และไต้หวันเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา จะช่วยลดความกังวลของยูเครนว่ากำลังจะแพ้สงครามได้หรือไม่...ยังต้องคอยดูของจริงในสมรภูมิรบต่อไป