'พรพระ-พรนักโทษ'

หมู่นี้.....

"คนห่มเหลือง" ประพฤติผิดพระวินัยสงฆ์ ต้อง "อาบัติปาราชิก" ข้อ "เสพเมถุน" ถี่มาก!

อาบัติ "ปาราชิก" มี ๔ ข้อ คือ

-ห้ามเสพเมถุน แม้กับคนและสัตว์

-ห้ามถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของไม่ได้ให้ ค่าเกินกว่า ๑ บาท

-ห้ามฆ่าคน ทั้งลงมือฆ่าเอง หรือให้คนอื่นลงมือฆ่า

-ห้ามอวดอ้างคุณวิเศษอันไม่มีอยู่ในตน เช่นว่า บรรลุมรรคผล-นิพพาน เป็นต้น ถือเป็นการอวดอุตริมนุสธรรม

อาบัติทั้ง ๔ ข้อนี้.........

มีโทษหนักสุดในจำนวนพระวินัย ๒๒๗ ข้อ เรียกว่า "อเตกิจฉา" หมายถึง ใครต้องแล้ว "แก้ไขไม่ได้" เลย!

ต้องพ้นจากความเป็นพระสถานเดียว และในทันที!

นอกจากกลับมาบวชอีกไม่ได้แล้ว ยังจะไม่สามารถบรรลุ "มรรคผล-นิพพาน" ได้ ตลอดชีวิตนี้

ภาษาชาวบ้าน เขาเรียกพระที่ต้องอาบัติปาราชิกว่า เป็นพวก "ตาลยอดด้วน"

แต่พวกนี้ เมื่อไปเป็นฆราวาส ประพฤติตัวอยู่ในศีล-ในธรรม บำเพ็ญทาน ถือศีล สม่ำเสมอไปเรื่อยๆ

เมื่อตายไป สามารถไปเป็นเทวดาอยู่บนสวรรค์ได้

ต่างกับคนทำผิดในโทษที่เรียก "อนันตริยกรรม" ซึ่งเป็นกรรมหนัก มี ๕ อย่าง คือ

-มาตุฆาต - ฆ่ามารดา

-ปิตุฆาต - ฆ่าบิดา

-อรหันตฆาต - ฆ่าพระอรหันต์

-โลหิตุปบาท - ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนถึงพระโลหิตห้อ

-สังฆเภท ยุยงสงฆ์ให้แตกแยกกัน เป็นการทำลายสงฆ์

อนันตริยกรรม ๕ ข้อนี้ ใครทำ

ต้องตก "ขุมนรก" ที่ลึกที่สุดคือ "มหาขุมนรกอเวจี"

"มหาขุมนรกอเวจี"......

เป็นขุมนรกขุมใหญ่สุด-ลึกสุด มีการลงโทษหนัก ไม่มีการผ่อนผันใดๆ หรือหยุดพักเลย แม้วินาทีเดียว

ใครตกขุมนี้ เป็น "สัตว์นรก" ชั้นเลวสุด ไม่มีสิทธิได้รับการพักโทษ

ต้องทนทุกขเวทนาแสนสาหัส ถูกลากตัวเข้าไปเอาเหล็กแหลมเสียบตูด

เสียบตูดซ้าย ย้ายเสียบตูดขวา หมุนไป...หมุนมา เสียบๆๆๆ หมุนๆๆๆ แล้วเผาในห้องเหล็กร้อนๆๆๆๆๆ

เผาไป มีเหล็กแหลมพุ่งจากกำแพง ๖ ด้านออกมาจิ้มทิ่มแทงไปทั่วตัว เหมือนให้ตาย แต่ไม่ให้ตาย

ให้ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่อย่างนั้น เป็นเวลายาวนานที่มิอาจนับได้ เรียกว่าเป็น "กัลป์" นั่นแหละ!

ไม่ว่าพระหรือฆราวาส...จำไว้ ใครทำอนันตริยกรรม ต้องตกมหาขุมนรกอเวจี ด้วยสภาพเช่นนั้น สถานเดียว

ในข้อ "สังฆเภท"..........

คือการยุยงให้สงฆ์แตกแยก เป็นการทำลายหมู่สงฆ์นั้น กล่าวเชิงอนุโลมในทางโลก คือทางสังคมประเทศชาติบ้านเมืองว่า

ใครมีการกระทำในทางยุยงสังคมชาติให้แตกแยก เป็นการมุ่งทำลายความสงบสุขและความสามัคคีของคนในชาติ

คนนั้น ถือว่ากระทำ "อนันตริยกรรม"

เพราะการทำลายชาติบ้านเมืองให้แตกแยก ก็เช่นเดียวกับสังฆเภท คือยุยงให้หมู่สงฆ์เกิดแตกกัน

"สวรรค์ปิด"

"มหาขุมนรกอเวจี" เท่านั้น ที่เปิด ให้คนประเภทนี้ต้องไปเป็นสัตว์นรก ทนทุกข์ทรมานอยู่ในที่นั้น ที่เดียว!

เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ใครที่ยุแยง-แบ่งแยกสังคมชาติด้วยแผนอุบาทว์-ชาติชั่ว "ทำแล้ว-ทำอยู่-ทำต่อ"

รู้ตัวไว้ด้วย ว่าขณะนี้ .........

ประตูบานที่ ๑ ของการ "ล่มชาติ-ล้มสถาบัน" ที่ใครคนหนึ่ง ตะโกนท่ามกลางฝูงชนว่า...."เปิดแล้วววววว"

หลังพิธีกรรมหมอผีปักหมุดคณะราษฎรกลางสนามหลวง จนฮึกเหิมกันยกใหญ่ว่า...คราวนี้ "สำเร็จแน่" นั่นน่ะ

มวลชนที่ยกมาสมทบเป็น "สีผสม" ครั้งนั้น

สมุนใครไม่รู้ และ "ใครจากแดนใกล้-แดนไกล" สั่งมา ด้วยเงินจ้างหลายสิบล้าน ผมก็ไม่รู้

เพียงแต่รู้จาก "หน้าคุ้นๆ" ว่า.......

ขนกันมาจากย่านปทุมธานีบ้าง จากย่านอีสานตอนล่างบ้าง จากอยุธยาบ้าง

ผลงานนั้น เป็นอานิสงส์ ส่งก้นบางคนขึ้นเป็นเสนาบดีก็มี ตายไปก็มี ยังไม่ตาย แต่ใกล้แล้วก็มี

นั่นแหละ...

ประตูที่ฮึกเหิมกันยกใหญ่ตอนนั้นว่าเปิดแล้ว

แต่มัน "เปิดไม่ได้" และ "ไม่ได้เปิด" หรอก!

มีประตูเดียวที่ "กำลังจะเปิด" ในระยะเวลาอันใกล้นี้

คือประตู "มหาขุมนรกอเวจี" ชั้น ๘ นั่นเท่านั้น ใกล้แล้ว...ใกล้เปิด

นรกมีทั้งหมด ๘ ขุม ขุม "อเวจีมหานรก" ลึกสุด

"ชั้น ๘" นะ จำให้ดี

อย่ากดปุ่มลิฟต์ผิด ลงลึกเลยมหาอเวจีไปถึงชั้น ๑๔ ล่ะ

เพราะชั้นนั้น เป็นชั้นที่สถิตของ "นักโทษเทวดา" ผู้เป็นใหญ่เหนือเหล่าสัตว์นรกอีกทีตะหาก!

ระดับ "สัตว์อเวจีมหานรก" อย่าสะเออะ

ถ้าปรารถนาจะลงไปลึกถึงชั้นนั้น ต้องหมั่นบำเพ็ญบารมีถึงขั้น "ศีลโจรเสมอ"

ฝึกปรือวิชา "ลิงหลอกเจ้า"

"สู้ไป-กราบไป" ให้ช่ำชอง-เชี่ยวชาญจนเนียนเท่า นั่นแหละ บารมี "อภิมหามาร" จะเกิดฤทธิ์

ใครอยากเป็นนายกฯ เป็นรัฐมนตรี เป็นปลัดกระทรวง เป็นซีอีโอรัฐวิสาหกิจ เป็น ผบ.เหล่าทัพ  เหล่าตำรวจ กระทั่ง เป็นคู่สัมปทานทรัพยากรรัฐ

"จัดไป".........นักโทษเทวดาประทาน!

พูดเรื่องคนเลวไปแฝงพระศาสนาห่มเหลืองแล้วทำริยำ จนสื่อหยิบคำว่า "พระ" คู่กับการ "ทำเลว" เป็นข่าวขาย

ผมฟังแล้วอึดอัด-ขัดใจ

เอะอะก็ตะโกนคำว่า "พระ" เรียกเรตติ้งก่อนตะพึด โดยไม่คำนึงถึงความสะเทือนถึงเนื้อแท้ของคำว่า "พระ" ในพระพุทธศาสนา

ไม่ใช่ ไม่ให้นำเสนอข่าวเรื่องไม่ดีของคนในวงการสงฆ์

แต่ผมหมายถึงว่า ให้ละเมียดในการนำเสนอหน่อย

พระน่ะ .......

ไม่ใช่ "พันธุ์พืช-พันธุ์สัตว์" หรือ "พันธุ์นักเลือกตั้ง" นะ ที่จะเพาะพันธุ์สืบต่อกันได้

พระก็จากชาวบ้านไปบวช

การไปบวช ต้องเป็นผู้มีศรัทธา ด้วยรู้คำสอนพระพุทธศาสนา เป็นเบื้องต้น

เมื่อรู้ คนนั้น คือ "มนุษย์" หมายถึง คนที่มีใจฝึกแล้วประเสริฐ พ้นสภาพจากความเป็น "สัตว์เดรัจฉาน" แล้ว

ฉะนั้น เมื่อมนุษย์ไปขอบวช

ด้วยความเป็นผู้มีใจฝึกแล้วประเสริฐแล้วนั้น   เมื่อเป็นพระ จะเป็นสงฆ์สาวกผู้ปฏิบัติดี-ปฏิบัติชอบตามคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

และนำคำสั่งสอนนั้น เผยแผ่ต่อเทวดาและมนุษย์

ให้เป็นผู้รู้จักทุกข์ เพื่อไม่ทุกข์

รู้จักสุข เพื่อไม่หลงสุข

คำสอนพระพุทธองค์ทั้ง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ก็สรุปได้เพียงเท่านี้ คือทุกข์กับไม่ทุกข์

ไม่ใช่ห้ามไม่ให้ "เกิดทุกข์-เกิดสุข"

สุข-ทุกข์ มันเป็นเพียงอารมณ์ อารมณ์คือ "อาหารของจิต" จิตต้องกินอาหารตลอด ๒๔ ชั่วโมง

ถ้าไม่กิน คือจิตไม่มีอารมณ์ ก็ตอนตายแล้วเท่านั้่น

นั่นคือ ทุกข์-สุข ไม่ต้องไปห้ามมันเกิด

แต่ท่านสอนให้ "จิตรู้" ในมัน เมื่อมีสติรู้แล้ว ก็วางมัน-ปล่อยมัน ปล่อยทุกข์-ในทุกข์, ปล่อยสุข-ในสุข

ทุกข์ ก็เรื่องของมัน สุขก็เรื่องของมัน

เรื่องของเราคือ "รู้มัน" แล้วก็ปล่อยมัน อย่าไปทึกทักมาเป็นของเรา เท่านี้...จบ

แต่ทีนี้ "มนุษย์" น่ะ ที่มาบวช มีเป็นส่วนมาก

"สัตว์เดรัจฉานในคราบมนุษย์" ตะหาก ที่แฝงเข้ามาบวช ว่าไปแล้วเป็นส่วนน้อย

ก็ชาวบ้านประเภทสัตว์เดรัจฉานที่แฝงมาบวชเป็นพระบ้าง เอาผ้าเหลืองพันตัวเองให้เห็นเป็นพระบ้าง เพื่อหากินนี่แหละ

พอทำผิดพระวินัยตามที่เป็น "อาหารข่าว" ของสื่อที่ชอบตะโกนคำว่าพระ นั่นแหละ เพราะมันเรียกเรตติ้งได้ดีกว่าคำอื่น

คนฉาบฉวย ก็จะเกิดทัศนคติด้านลบต่อ "พระ-ในพุทธศาสนา" แบบเหมารวม

พระมีหลายแสนรูป พระปฏิบัติดี-ปฏิบัติชอบ ที่ท่านสอนธรรม เป็นพัน-เป็นหมื่นองค์ สื่อไม่เคยนำมาเสนอเป็นข่าว

พอมีเดรัจฉานอาศัยคราบพระนอกรีต-นอกรอย ไม่กี่ตัว

เอาเลย...สื่อขยาย-ขายข่าวกันดิบๆ โครมคราม

ชนิดไม่แยกแยะ ไม่เอื้อเฟื้อ ต่อคำว่า "พระสงฆ์" และคำว่า "พระพุทธศาสนา" เลย

เอาละ วันนี้ คุยกันเท่านี้

ขอจบด้วย โพสต์ของนายกฯ เศรษฐา ผ่าน X  Srettha Thavisin @Thavisin เมื่อวานว่า

"มากราบขอพรและสวัสดีปีใหม่ไทยท่านนายกฯ ทักษิณผู้ใหญ่ที่เคารพครับ"

"นายกฯ" มาขอพร "นักโทษ"

ก็ขอพรนักโทษอันประเสริฐนั้น จงบันดาลให้ท่านนายกฯ ได้เกิดเป็นดาวลูกปู"!

 

-เปลว สีเงิน

๑๗ เมษายน ๒๕๖๗

 

คนปลายซอย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

"จะแถกไปได้ซักกี่เดือน?"

เรา "เห็นอะไร"..... จากการลาออกจากตำแหน่ง "รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ" ของท่าน "ปานปรีย์ พหิทธานุกร"?

ความหวังคนกรุง ยกระดับ'รถเมล์ไทย'

ปัญหารถโดยสารประจำทางหรือ”รถเมล์” ยังเป็นที่พูดถึงมาทุกยุคสมัย โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ต้องพึ่งพาการเดินทางด้วยรถเมล์ ผู้โดยสารมีทุกกลุ่มทุกวัย ไม่ว่าจะคนทำงาน นักเรียน นักศึกษา คนต่างจังหวัดมาทำงานในเมือง คนแก่ คนพิการ ที่ใช้บริการรถเมล์ไทยสู่จุดหมายทั่วมุมเมือง

'เศรษฐา' กับ 'อนาถา'

ยุค "นักโทษ" เป็นใหญ่ "ปรับ ครม.เพื่อไทย" จะแจก-จะริบ "อาหารเม็ด" หมาในคอกตัวไหน?