เมียวดี: สงคราม, ทุนสีเทา, กาสิโน, มาเฟียและยาเสพติด

สงครามในเมียวดีตรงข้ามแม่สอดของจังหวัดตากของไทยซับซ้อนกว่าเพียงแค่การสู้รบแย่งชิงพื้นที่ระหว่างฝ่ายกองทัพพม่ากับฝ่ายต่อต้านเท่านั้น

แต่ยังมีผลประโยชน์ทางธุรกิจที่ทุกฝ่ายในความขัดแย้งทับซ้อนกันอยู่

กลายเป็น “สงครามสีเทา” ของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายกองทัพ SAC, ฝ่ายต่อต้านกะเหรี่ยง KNU, KNLA, PDF หรือฝ่าย BGF ที่แปลงร่างมาเป็น KNA วันนี้

รวมไปถึงความเป็นสีเทาของฝ่ายไทยบางกลุ่มที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับเมียวดีด้วย

กิจกรรมการผิดกฎหมายในเมียวดีสร้างรายได้มหาศาล

• KK Park ในเมียวดี มองจากฝั่งแม่สอด กิจกรรมกาสิโนและแหล่งบันเทิงยังคึกคักท่ามกลางสงคราม

ประเมินกันว่าเฉพาะส่วนแบ่งประมาณ 30% ของ พ.อ. หม่องชิตตูที่เรียกขานกันว่าเป็น “เจ้าพ่อ” ที่คุมกำลังทหาร BGF (เคยทำงานให้กับกองทัพพม่า) และวันนี้แปรสภาพเป็น KNA นั้นอยู่ที่ประมาณปีละไม่ต่ำว่า 3,500 ล้านบาท

มีทั้งกาสิโน, ยาเสพติด, คอลเซ็นเตอร์ต้มตุ๋น, และธุรกิจใต้ดินทั้งหลายทั้งปวง

ที่โดดเด่นที่สุดใน “ศูนย์บันเทิงครบวงจร” ของเมียวดีคือชเวก๊กโก่และเคเคปาร์ก

ซึ่งเชื่อกันว่ามีการโยงใยมาถึงธุรกิจในแม่สอดและจุดอื่น ๆ ของไทย

ยังไม่นับเจ้าหน้าที่ไทยบางส่วนที่เชื่อกันว่าเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายผลกฎหมายเหล่านี้อย่างกว้างขวาง

KK Park ตั้งอยู่ในเมียวดีติดกับแม่น้ำเมยบริเวณชายแดนไทย-พม่า เป็นศูนย์กลางอาชญากรรมสำหรับการฉ้อโกงทางไซเบอร์และการค้ามนุษย์ภายในภูมิภาคสามเหลี่ยมทองคำที่ขยายวงกว้างขึ้นตลอดเวลา

แผนที่แสดงจุดที่ตั้งของแหล่งบันเทิงแฝงอาชญกรรม Shwe Kokko กับ KK Park ฝั่งเมียวดี ตรงข้ามแม่สอด

ความซับซ้อนนี้ของเครือข่ายทุนจีนสีเทาที่มุ่งแสวงหาประโยชน์ทั่วเอเซียตะวันออกเฉียงใต้มุ่งหลอกลวงให้ผู้คนตกเป็นเหยื่อการหลอกลวงออนไลน์ รวมถึงโครงการสกุลเงินดิจิทัล

และต้องทนต่อสภาวะที่เลวร้าย เช่น การทรมาน และการกักขังโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

Shwe Kokko ตั้งอยู่ในรัฐกะเหรี่ยงก็ตั้งตัวเป็นศูนย์กลางทางอาญาที่คล้ายกัน

มีความเชี่ยวชาญด้านการพนันออนไลน์ การหลอกลวง และการค้ามนุษย์

ศูนย์กลางเหล่านี้สร้างรายได้รวมกันต่อปีเกินกว่า 1 พันล้านดอลลาร์หรือไม่น้อยกว่า 3-4 หมื่นล้านบาท

โดยที่กฎหมายบ้านเมืองยื่นมือเข้าไปไม่ได้

เพราะเป็นดินแดนที่รัฐบาลกลางเข้าไม่ถึง มิหนำซ้ำ กองทัพพม่าเองก็ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับการแสวงหารายได้จากกิจกรรมผิดกฎหมายทั้งหลายทั้งปวงในเมียวดีด้วย

เพราะเมียวดีเป็น “หม้อข้าวใหญ่” ของทุกฝ่าย

เมืองเล่าก่ายในรัฐฉานที่ติดกับชายแดนจีนก็มีลักษณะเป็นศูนย์อาชญากรรมข้ามชาติเช่นเดียวกับเมียวดี...แม้จะมีขนาดที่เล็กกว่า

รัฐบาลจีนเดินหน้าปราบปรามจุดนั้นอย่างหนัก ถึงกับส่งตำรวจและทหารเข้าปราบและจับผู้กระทำผิด พร้อมกับส่งเหยื่อคนจีนกลับบ้านด้วยตนเอง

เพราะไม่อาจจะทนดูความเน่าเฟะของเมืองติดชายแดนกับตนได้

จีนใช้วิธีระดมพลกลุ่มติดอาวุธที่สนับสนุนจีนอย่างลับๆ ซึ่งรวมถึงโกกั้ง (MNDAA) และตะอาง (TNLA)          โดยได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มติดอาวุธว้า (UWSA) ลุยปฏิบัติการต่อต้านศูนย์กลางอาชญากรรมที่เล่าก่าย

ปฏิบัติการนี้ทำให้กลุ่มที่สนับสนุนจีนไม่เพียงแต่ตีคืนดินแดนเก่าของตนเท่านั้น แต่ยังได้ดินแดนใหม่ทางตอนเหนือ รัฐฉานอีกด้วย

และมิน ออง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารลพม่าได้แต่ทำตาปริบ ๆ เพราะจีนมีบารมีเหนือทั้งรัฐบาลทหารและกลุ่มต่อต้าน

จีนอ้างความชอบธรรมที่ส่งกำลังเข้าจัดการกับเล่าก่ายเพราะผลกระทบต่อความมั่นคงของตนตรงชายแดน

และรัฐบาลทหารไม่อาจจะจัดการกับภัยคุกคามนั้นได้

รายงานของ UNODC แห่งสหประชาชนเมื่อเดือนธันวาคม ปีที่แล้วว่าด้วยการปลูกฝิ่นในสามเหลี่ยมทองคำเน้นว่าพม่าได้แซงหน้าอัฟกานิสถานในฐานะผู้ผลิตชั้นนำของโลกไปแล้ว

เหตุเพราะความวุ่นวายทางการเมืองนับตั้งแต่รัฐประหารปี 2564 ได้ผลักดันให้ชาวพม่าหันไปปลูกฝิ่น

โดยเฉพาะในเขตสะกาย ใกล้ชายแดนอินเดีย

ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ การผลิตยาบ้าก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน

สามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของพม่า, ลาว และไทยเป็นแหล่งกิจกรรมผิดกฎหมาย            มากมายหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็นฝิ่นและการผลิตเฮโรอีน

การผลิตและขนย้ายยาบ้าก็มีความคึกคักมากยิ่งขึ้น

แม่น้ำโขงกลายเป็นเส้นทางสำคัญในการลักลอบขนยาเสพติดและสินค้าผิดกฎหมายอื่นๆ

อันนำไปสู่การก่ออาชญากรรมในภูมิภาคและกระทบความมั่นคอย่างปฏิเสธไม่ได้

แม้การสู้รบระหว่างฝ่ายต่อต้านกับรัฐบาลในเมียวดีในหลายวันที่ผ่านมาอาจจะสงบลง แต่ก็เป็นเพียง            “ความสงบก่อนพายุใหญ่”

ทุกอย่างอยู่ที่การต่อรองผลประโยชน์ของธุรกิจสีเทาที่โยงใยไปถึงทุกกลุ่มที่เกี่ยวข้อง

ดังนั้น ความพยายามของไทยที่เสนอตัวเป็น “คนกลาง” ในการช่วยให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้าสู่  

กระบวนการเจรจาเพื่อสันติภาพจึงไม่อาจจะพิจารณาเพียงเรื่องการสู้รบในสมรภูมิเท่านั้น

หากแต่ยังต้องเข้าถึงปัญหาของ “ธุรกิจสีเทา” ที่เป็นตัวแปรหลักของการต่อรองของฝ่ายต่าง ๆ ในความขัดแย้ง

โดยที่ฝ่ายไทยจะต้องเริ่มด้วยการจัดการกับเครือข่ายฝั่งไทยที่เกี่ยวข้องกับอาชญกรรมข้ามชาติอย่างจริงจังอันเป็นส่วนสำคัญของยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนไปสู่ทางออกที่ถาวรและเป็นที่ยอมรับของ “ผู้มีส่วนได้เสียทั้งหมด” อย่างจริงจัง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’

ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon  โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!

ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568

นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน

บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'

เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม

ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน

นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ