ไบเดนกับทรัมป์: ใคร ฟาดฟันจีนหนักกว่ากัน?

มีคนถามผมว่า ระหว่างโจ ไบเดน และโดนัลด์ ทรัมป์ ใครจะปะทะกับจีนแรงกว่ากัน?

ทั้งสองต่างก็รู้ว่าคนอเมริกันที่จะไปลงคะแนนเสียงเลือกประธานาธิบดีปลายปีนี้มีความต้องการเห็นผู้นำของตนยืนหยัดต้านจีนอย่างแข็งขัน

ทรัมป์เคยประกาศ “สงครามการค้า” กับจีนอย่างเปิดเผยตอนนั่งอยู่ทำเนียบขาว

วันนี้ เขาประกาศจะกลับมาเป็นผู้นำอีกครั้ง จึงต้องแสดงว่าไม่ได้แผ่วลงในเรื่องนี้

ไบเดนเพิ่งประกาศเพิ่มกำแพงภาษีสินค้าเทคโนโลยีจีนหลายตัวอย่างขึงขัง

สัปดาห์ก่อน ไบเดนบอกว่าจะใช้อัตราภาษีใหม่กับสินค้าจีนมูลค่า 18,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 648,000 ล้านบาท

ถือเป็นก้าวย่างร้อนแรงที่สุดในด้านการค้ากับจีนในฐานะประธานาธิบดี

ทำให้เรื่องการค้ากับจีนกลายเป็นประเด็นหาเสียงสำคัญในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปลายปีนี้

แม้ว่าผลกระทบทางเศรษฐกิจมหภาคในทันทีของภาษีที่ไบเดนประกาศใหม่อาจไม่มีนัยสำคัญนัก แต่เมื่อเวลาผ่านไปอาจกดดันให้บริษัทต่างๆ ต้องพึ่งพาปัจจัยการผลิตจากจีนมากขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคติดอยู่ตรงกลางระหว่างทั้งสองมหาอำนาจ

ความเคลื่อนไหวของไบเดนหนีไม่พ้นเกี่ยวกับการเมืองการเลือกตั้งในปลายปีนี้

เพราะรัฐอุตสาหกรรมอย่างเพนซิลเวเนีย มิชิแกน และวิสคอนซินมีความอ่อนไหวต่อการค้าเป็นพิเศษ และคราวนี้จะกลับมาเป็นสมรภูมิสำคัญในการเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายนอีกครั้ง

ทรัมป์ก็ใช่ย่อย...ประกาศอย่างแข็งขันว่าจะเก็บภาษีสินค้าจีนทั้งหมดในอัตราร้อยละ 60 หรือมากกว่านั้น หากเขาได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2

อัตราภาษีในระดับนี้สูงกว่าที่เขาตั้งไว้ระหว่างสงครามการค้ากับปักกิ่งที่เริ่มขึ้นระหว่างดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2018

กลายเป็นทั้งไบเดนและทรัมป์ต้องแข่งกันพิสูจน์ว่าใครจะเป็นผู้ปกป้องงานของชนชั้นแรงงานชาวอเมริกันที่เข้มข้นกว่ากัน

ทั้งสองต่างก็พยายามโจมตีจีนและหนุนคู่แข่งในประเทศ

เพราะหากจะชนะเลือกตั้งก็ต้องไม่มีภาพ “หงอจีน”

ก่อนการเลือกตั้ง 2020 ไบเดนวิพากษ์นโยบายของทรัปม์ต่อจีน

โดยอ้างว่าอัตราภาษีต่อสินค้าจีนที่ทรัมป์เสนอนั้นเท่ากับเป็นลงโทษผู้บริโภคในสหรัฐฯ เอง

แต่พอเข้ามานั่งทำเนียบขาว ไบเดนก็ไม่ยอมยกเลิกอัตราภาษีของทรัมป์ต่อสินค้าจีน

ไบเดนเพิ่งประกาศขึ้นภาษีสินค้าจากจีนหลายรายการ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีและที่เกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาด เซมิคอนดักเตอร์ และโลหะ

ทรัมป์โจมตีไบเดนว่าการขึ้นภาษีข้าวของสินค้าจีนนั้น “ยังไปไม่ไกลพอ”

“จีนกำลังแย่งกินอาหารกลางวันของเราอยู่ตอนนี้” ทรัมป์กล่าว

สส.พรรคเดโมแครตบางคนบอกว่าจะสนับสนุนความพยายามของไบเดนเพื่อให้แน่ใจว่ารถยนต์ของสหรัฐฯ จะ "ผลิตในอเมริกาโดยคนงานชาวอเมริกัน"

แต่คนอื่นๆ กลับไม่มีความสุข

“นี่เป็นข่าวร้ายสำหรับผู้บริโภคชาวอเมริกันและเป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่สำหรับพลังงานสะอาด ภาษีศุลกากรเป็นภาษีโดยตรงแบบถดถอยสำหรับชาวอเมริกัน และการขึ้นภาษีนี้จะส่งผลกระทบต่อทุกครอบครัว” จาเร็ด โปลิส ผู้ว่าการรัฐโคโลราโดจากพรรคเดโมแครต บอก

“แม้ว่าภาษีศุลกากรเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อยกระดับสนามแข่งขันสำหรับคนงานชาวอเมริกัน แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะหยุดยั้งผลิตภัณฑ์ที่ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลจีนอย่างท่วมท้น” เชอร์รอด บราวน์ สมาชิกพรรคเดโมแครตแห่งโอไฮโอและประธานคณะกรรมการการธนาคารของวุฒิสภา กล่าว

เขาบอกว่าในการลงสมัครรับเลือกตั้งใหม่ในปีนี้ “ฝ่ายบริหารจะต้องสั่งห้ามรถยนต์ไฟฟ้าของจีนและใช้เครื่องมือที่เป็นไปได้ทั้งหมดเพื่อหยุดยั้งการโกงของจีน”

มาร์โก รูบิโอ วุฒิสมาชิกรัฐฟลอริดา และผู้แข่งขันชิงตำแหน่งผู้สมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีทรัมป์ในเดือนพฤศจิกายน ขอให้ไบเดนขยายอัตราภาษีสำหรับรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในของจีนด้วย โดยอ้างว่าความเคลื่อนไหวของเขาเป็น “การตัดสินใจครึ่งๆ กลางๆ ที่จะเป็นอันตรายต่ออนาคตของผู้ผลิตรถยนต์ในอเมริกา"

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของไบเดนยืนกรานว่าจะสร้างสมดุลที่เหมาะสมในการจัดการเป้าหมายทางเศรษฐกิจและพลังงานสะอาดที่แข่งขันกัน ควบคู่ไปกับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับจีน และทั้งหมดนี้ในปีการเลือกตั้ง

“เราได้ชี้แจงชัดเจนว่านี่ไม่เกี่ยวกับการสร้างความตึงเครียดรอบใหม่กับจีน นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับผลที่ตามมาจากนโยบายเศรษฐกิจที่ดำเนินมาหลายทศวรรษ และความจำเป็นที่สหรัฐฯ จะต้องปกป้องสิทธิของเรา” แคเธอรีน ไท ตัวแทนการค้าของสหรัฐฯ บอกนักข่าว

ที่ผมเห็นว่าความเห็นของ สส.และ สว.ของทั้งสองพรรคมีความสำคัญก็เพราะผู้ลงสมัคร สส.และ สว.ในรัฐต่างๆ แต่ละคนมีฐานเสียงที่แตกต่างกันไป ตามแต่ว่าในรัฐนั้นๆ มีอุตสาหกรรมอะไรที่มีผลกระทบจากจีนบ้าง

ถ้ามีมากก็จะเรียกร้องให้ขึ้นภาษีสินค้าจีนดังกว่า

ถ้าไม่มี ก็จะเป็นสายกลางที่ไม่ต้องการเห็นการเผชิญหน้าระหว่างสองยักษ์ใหญ่นี้นำไปสู่ความวุ่นวายระดับโลก ซึ่งจะมีผลกระทบต่อวิถีชีวิตของพวกเขาในอีกรูปแบบหนึ่ง

นาทีนี้ทั้งไบเดนและทรัมป์ต่างก็ต้องเล่น “ไพ่จีน” เพื่อหาเสียง เพราะนั่นคือที่มาของคะแนนเสียงที่เป็นกอบเป็นกำไม่น้อยเลย!.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เมื่อ ‘หว่อง’ กับ ‘อันวาร์’ ประสานมือเคลียร์ใจ

ผู้นำสิงคโปร์คนใหม่ลอเรนซ์หว่องกับนายกฯอันวาร์อิบราฮิมของมาเลเซียพบกันอย่างเป็นทางการเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา...และตอกย้ำว่าไม่มีอะไรสำคัญไปกว่า “ความไว้วางใจซึ่งกันและกัน”

แค่หลุดปากเรื่องไต้หวัน มหาเศรษฐี แห่ง Nvidia ก็เดือดร้อนหนัก!

นักธุรกิจดังระดับโลกที่เกิดในไต้หวันแต่ไปสร้างความโด่งดังที่อเมริกา ก็ยังไม่วายถูกปักกิ่งเตือนดังๆ ให้ “ระวังปาก” เวลาพูดถึงบ้านเกิดเมืองนอนของตน