
ประธานาธิบดีฝรั่งเศสเอ็มมานูเอล มาครง สร้างความแตกตื่นพอสมควรที่ประกาศยุบสภาเลือกตั้งใหม่ 30 มิถุนายนนี้
ท่ามกลางความหวาดหวั่นว่ากระแส “ขวาจัด” ทางการเมืองกำลังเกิดกระแสแรงจัด
ไม่เฉพาะในฝรั่งเศส แต่อีกหลายประเทศในยุโรป ซึ่งอาจจะนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายสำคัญๆ หลายด้าน รวมถึงการช่วยเหลือยูเครนในการทำสงครามกับรัสเซีย และนโยบายการค้าการลงทุนกับต่างชาติ กับนโยบายรับคนต่างชาติเข้าเมืองและท่าทีต่อเรื่องความเปลี่ยนแปลงด้านสภาพภูมิอากาศที่เป็นประเด็นร้อนอยู่ขณะนี้
และหากโดนัลด์ ทรัมป์ กลับเข้าทำเนียบขาวหลังการเลือกตั้งสิ้นปีนี้ที่อเมริกา กระแส “ขวาจัด” ก็จะแพร่กระจายไปทั่วโลกตะวันตก
ความกลัวว่าสงครามการค้าจะหวนกลับมา และนโยบายการกีดกันการค้าทั่วโลกจะระบาดกว้างไกล เป็นแนวโน้มที่จะมีผลกระทบต่ออาเซียนและไทยอย่างปฏิเสธไม่ได้
เหตุผลชัดเจนที่มาครงประกาศยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่เกิดขึ้นฉับพลันหลังจากพรรคการเมืองฝ่ายขวาของฝรั่งเศสได้รับเสียงมากกว่าพรรคของมาครงในการเลือกตั้งรัฐสภายุโรป หรือ European Parliament เมื่อวันอาทิตย์
ทันใดนั้นก็มีเสียงวิเคราะห์ว่าแนวโน้มอย่างนี้จะเพิ่มความไม่แน่นอนให้กับทิศทางทางการเมืองในอนาคตของยุโรปอย่างแน่นอน
แม้พรรคการเมืองแนวสายกลาง, เสรีนิยมและสังคมนิยมจะยังรักษาเสียงข้างมากในรัฐสภายุโรปซึ่งมีที่นั่ง 720 ที่นั่ง แต่ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ก็มีผลกระทบต่อสถานภาพของผู้นำทั้งฝรั่งเศสและเยอรมนีอย่างเห็นได้ชัด
เกิดคำถามว่ามหาอำนาจสำคัญของสหภาพยุโรปสองประเทศนี้จะสามารถขับเคลื่อนนโยบายในสหภาพยุโรปได้อย่างไร
แน่นอนว่า การตัดสินใจยุบสภาเป็นการตัดสินใจเสี่ยงทางการเมืองแบบมีเดิมพันสูง
เพราะไม่แน่ว่าเขาจะสามารถน้าวโน้มคนฝรั่งเศสให้เลือกเขาและพรรคของเขากลับมานั่งในเก้าอี้เดิมหรือไม่
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ แห่งเยอรมนีก็เผชิญกับ “ค่ำคืนอันเจ็บปวด” ที่พรรคโซเชียลเดโมแครตของเขาได้รับคะแนนเสียงแย่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา
เพราะคะแนนเทไปทางเครือข่ายพรรคอนุรักษนิยมกระแสหลักและกลุ่มทางเลือกขวาจัดสำหรับเยอรมนี (AfD)
อีกด้านหนึ่ง นายกรัฐมนตรีจอร์เจีย เมโลนี ของอิตาลีกลับได้รับการเสริมส่งให้แข็งแกร่งขึ้นโดยกลุ่มการเมืองสายอนุรักษนิยมของเธอที่ได้รับคะแนนเสียงมากที่สุด สูงสุด
เมื่อการเมืองเอียงไปด้านขวาจัด มีความหมายอย่างไร?
การที่ สส.ของประเทศสมาชิกต่างๆ ในรัฐสภายุโรปเอียงไปทางขวามากขึ้นหมายความว่าจะทำให้การผ่านกฎหมายใหม่ยากขึ้น
จะมีผลกระทบต่อนโยบายความมั่นคง, กฎหมายที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และจะกระทบต่อความมุ่งมั่นของอียูในการแข่งขันทางอุตสาหกรรมกับจีนและสหรัฐอเมริกา
อาจารย์ปิติ ศรีแสงนาม วิเคราะห์ว่าผลจากการเลือกตั้งรัฐสภายุโรปครั้งนี้เป็นการเลือกตั้ง European Parliament ครั้งแรกหลัง Brexit เมื่อผลออกมาเช่นนี้จะเห็นความปั่นป่วนในยุโรปมากขึ้น เช่น
1.ฝ่ายขวาจัดได้ที่นั่งเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญ
2.แม้ฝ่ายขวากลางยังได้เสียงข้างมาก แต่ก็จะทำให้การผ่านกฎหมายที่เกี่ยวกับความมั่นคงและนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ที่เปิดกว้างตามยุทธศาสตร์ระดับโลกที่เรียกว่า EU Global Strategy ทำได้ยากขึ้น
3.ที่กระทบไทยโดยตรงคือการเจรจาระหว่างไทยกับอียู หรือ FTA Thailand-EU อาจชะงักหรือล่าช้าลง
4.ฝรั่งเศสยุบสภาเพราะฝ่ายตรงข้ามประธานาธิบดีมาครงที่นำโดย Marine Le Pen ได้คะแนนนิยมสูงมาก
5.นายกฯ เบลเยียมก็ลาออกเพราะเหตุผลเดียวกัน ขวาจัดมาแรง
6.ต้องดูต่อว่า เยอรมนีจะมีท่าทีอย่างไร เพราะขวาจัดก็มาแรง
7.นโยบายขวาจัดมาแบบนี้ นโยบายช่วยเหลือผู้อพยพ เงินช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ลดลงแน่นอน
8.นโยบายของยุโรปต่ออาเซียน โดยเฉพาะการยกระดับสู่ Comprehensive Strategic Partnerships การขอเข้าร่วม East Asia Summit และ ADMM+ น่าจะยังคงเดินหน้า แต่กระบวนการคงช้าและมีความซับซ้อนเพิ่มขึ้น
9.เงินสนับสนุนกิจกรรมเพื่อสังคมต่างๆ เช่น capacity building program ที่อาเซียนเคยได้สนับสนุนอาจจะลดลง
10.เมื่อผสมกับการคาดการณ์เรื่อง Trump จะกลับมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอีกรอบ... ท่าทีของ NATO ในการสนับสนุนสงครามในยูเครนอาจเปลี่ยนแปลง
มีคำถามว่า สาเหตุของการที่ประชาชนในอียูหันไปสนับสนุนพรรคการเมืองขวาจัดมีอะไรบ้าง คำตอบคือเรื่องปากท้องเป็นสำคัญ
ชาวบ้านบ่นเรื่องค่าครองชีพที่สูงขึ้น ซ้ำเติมด้วยความกังวลเกี่ยวกับการย้ายถิ่นฐานของผู้อพยพจากต่างแดนที่มาแย่งงานและความมั่นคงปลอดภัยของตน อีกทั้งยังมีปัญหางบประมาณที่เพิ่มขึ้นสำหรับการเข้าสู่ “เศรษฐกิจสีเขียว”
และปฏิเสธไม่ได้ว่าประชาชนในยุโรปไม่น้อยเริ่มจะเห็นว่างบประมาณที่รัฐบาลของตนใช้สนับสนุนสงครามยูเครนเกินกว่า 2 ปีนั้นเป็นภาระที่หนักเกินไป
โลกกำลังเข้าสู่ภาวะเปลี่ยนผ่านที่พลิกกลับไปสู่ยุค “ตัวใครตัวมัน” และลดระดับของ “โลกาภิวัตน์” หันมาคบเฉพาะคนที่อยู่ใน “ค่าย” เดียวกันตน
ความขัดแย้งและโอกาสเกิดสงครามก็พุ่งพรวดพราดขึ้นมาอย่างน่าหวั่นเกรง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’
ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ

