ในที่สุด หลังใช้เวลา 14 ปีในการติดคุกในอังกฤษบ้าง ลี้ภัยในสถานทูตเอกวาดอร์บ้าง นาย Julian Assange ได้เดินทางกลับบ้าน (ออสเตรเลีย) ในฐานะ Free Man ครับ
ผมยอมรับว่า ผมไม่ติดตามข่าวนี้เป็นเวลานานมาก ผมยังจำได้ตอนเป็นข่าว วันลี้ภัยในสถานทูตเอกวาดอร์ แต่หลังจากนั้น ผมลืมนึกถึงเรื่องนี้เลย เพิ่งกลับมารื้อฟื้นความทรงจำเรื่อง Assange กับองค์กรที่เขาก่อตั้ง (Wikileaks) ช่วงสัปดาห์นี้แหละครับ
พวกเราคุ้นเคยและจำ Wikileaks ได้ไหมครับ? ในเว็บไซต์ของเขา เขาประกาศว่าเขาเป็นองค์กรสื่อข้ามชาติ เน้นความโปร่งใส เน้นเรื่องเปิดเผยความจริงจากเอกสารลับที่หน่วยงานราชการ (ประเทศไหนก็ตาม) ไม่ยอมเปิดเผยและปิดบังสาธารณชน Assange ก่อตั้ง Wikileaks ในปี 2006 ด้วยวัตถุประสงค์คือ เป็นแหล่งหรือเป็นศูนย์รวมข้อมูลที่หน่วยงานรัฐพยายามปกปิด (Wikileaks เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร)
ช่วงแรก Wikileaks ปล่อยเอกสารและข้อมูลลับของกองทัพสหรัฐ ช่วงปะทะในอิรักกับอัฟกานิสถาน เขาเปิดโปงเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน การเสียชีวิตของพลเรือน และเรื่องทุจริตในกองทัพเอง ซึ่งแน่นอนทางกองทัพปฏิเสธข้อมูลทุกชิ้น และบอกว่าเป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่ที่อันตราย เป็นการเปิดเผยแผนลับและยุทธศาสตร์การโจมตีที่ไม่ควรสู่สาธารณชน
แต่ผู้สนับสนุน Wikileaks บอกว่าเป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่ ให้ตรวจสอบและเปิดเผยการเคลื่อนไหวของกองทัพ ที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเปิดเผยอะไรทั้งสิ้น เสียงบประมาณมหาศาล แต่ตรวจสอบอะไรไม่ได้ ถ้าจะมีการลงโทษ Wikileaks อย่างที่กองทัพขู่จะทำด้วยการฟ้องด้วยการปิด และด้วยการปิดปากนั้น เท่ากับเป็นการละเมิดสิทธิในการรับข้อมูลข่าวสารประชาชนโดยตรง
เป็นการยื้อกันไปยื้อกันมาระหว่าง Wikileaks ที่ปล่อยข้อมูลข่าวสารจากเอกสารลับเป็นระยะๆ กับกองทัพสหรัฐที่พยายามหาโอกาสหยุดยั้ง และ “ปิดปาก” Wikileaks ให้ได้ เพราะทางกองทัพและหน่วยงานรัฐอ้างว่า “เอกสารลับ” ที่ Wikileaks เปิดโปงนั้น เป็นเอกสารที่ถูกขโมยออกจากหน่วยงานราชการ เป็นเอกสารปลอมบ้าง ไม่ผ่านการกลั่นกรองบ้าง และเป็นเอกสารข้อมูลไม่ตรง เพราะ Wikileaks ยอมรับเองว่าเอกสารทุกชนิดเข้ามาจากทุกสารทิศ ถูกกลั่นกรองบ้าง ไม่ถูกกลั่นกรองบ้าง เอกสารจริงหรือเอกสารปลอมเขาไม่มีทางรู้ เขารู้อย่างเดียวว่า เมื่อเอกสารเข้ามา เขามีหน้าที่เผยแพร่ต่อไป โดยอ้างว่าเขากลั่นกรองเอง เพื่อพิสูจน์ว่ามันเป็นเอกสารจริงหรือไม่
แต่ในที่สุดในเดือนเมษายนปี 2010 ทางกองทัพได้โอกาส “ปิดปาก” Wikileaks ที่เป็นจุดเริ่มต้นทำให้ Assange เสียอิสรภาพเป็นเวลา 14 ปีเต็มครับ
ในปีดังกล่าว Wikileaks ปล่อยคลิปจากปี 2007 เรื่องการโจมตีพลเรือนในกรุง Baghdad ทำให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 20 คน (รวมถึงนักข่าวรอยเตอร์ 2 นาย) คลิปนี้ Wikileaks ได้มาจากคนในกองทัพสหรัฐเอง (Chelsea Manning) แต่ในที่สุดตัวเขาต้องติดคุกทหารเป็นเวลา 7 ปี จากการกระทำนี้ (จนยุคของ Barack Obama ยกโทษและปล่อยเขาออกจากคุกทหาร)
หลังจากนั้นไม่นาน Wikileaks ได้เปิดเผยและปล่อยเอกสารลับกว่า 90,000 ฉบับ ของกองทัพเรื่องสงครามในอัฟกานิสถาน ตามด้วยเอกสารลับอีกกว่า 500,000 ฉบับ เรื่องสงครามอิรัก ซึ่งเป็นการปล่อยและเปิดเผยเอกสารลับที่สร้างความเสียหายกับกองทัพอย่างมหาศาล และเป็นการเปิดเผยข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ อันนั้นไม่พอครับ ในปีเดียวกัน Wikileaks ค่อยๆ เปิดเผยและปล่อยเอกสารลับทางการทูตและภายในประเทศแต่ละประเทศ เกี่ยวกับเรื่องการประเมินสถานการณ์โลก สถานการณ์เพื่อนบ้าน เช่น เอกสารลับจากกษัตริย์ซาอุฯ เขียนจดหมายโน้มน้าวให้สหรัฐโจมตีอิหร่าน และเอกสารจากประเทศอื่น ยืนยันบทบาทจีนโจมตีสหรัฐทาง Cyber เป็นต้นครับ
แต่เหตุการณ์เหล่านั้นไม่ได้เป็นต้นเหตุทำให้ Assange ต้องเสียอิสรภาพเป็นเวลา 14 ปี เหตุการณ์เหล่านั้นเป็นองค์ประกอบเสริมข้อกล่าวหา การข่มขืน การละเมิดทางเพศผู้เยาว์ ในสวีเดนครับ ในเดือนธันวาคมปี 2010 Assange ถูกจับที่อังกฤษ ในข้อกล่าวหานี้ ซึ่ง Assange ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาโดยสิ้นเชิง บอกว่าเป็นการกลั่นแกล้งและสร้างเรื่อง หาโอกาสให้ Assange ถูกคุมตัวเพื่อย้ายไปสหรัฐ และถูกฟ้องร้องจากกองทัพในสหรัฐ จากเรื่องปล่อยข้อมูลผ่าน Wikileaks
ทางกองทัพสหรัฐฟ้อง Assange (และ Wikileaks) มีส่วนร่วมในการขโมยข้อมูลลับกองทัพเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง และเสี่ยงต่อชีวิตทหารที่ปฏิบัติงานอยู่
หลังประกันตัวในอังกฤษในข้อกล่าวหาข่มขืนผู้เยาว์นั้น เขาไปลี้ภัยในสถานทูตเอกวาดอร์ในอังกฤษ เพราะผู้นำเอกวาดอร์ในปีนั้น (2012) (นาย Rafeal Correa) เห็นใจและเข้าข้าง Assange เลยอนุญาตให้ Assange ลี้ภัยและอาศัยอยู่ในสถานทูตได้ ทางสถานทูตอำนวยความสะดวกให้ Assange เต็มที่ ปรับห้องทำงานเป็นที่อยู่อาศัยของ Assange โดยเฉพาะ มีเตียง โต๊ะทำงาน เครื่องออกกำลังกายและห้องน้ำในตัว จนกระทั่งเดือนเมษายนปี 2019 หลังเปลี่ยนผู้นำประเทศเป็น Lenin Moreno ในปี 2017
ทาง Moreno ไม่เห็นด้วยที่ Assange อยู่อาศัยในสถานทูต ต้องใช้ภาษีประชาชนเลี้ยงดูเขา จำนวนหลายล้านเหรียญฯ ต่อปี ในที่สุดไม่อนุญาตให้ Assange ลี้ภัยในสถานทูตต่อไป และจากวันที่เขาเดินออกจากสถานทูตปุ๊บ ตำรวจอังกฤษรับเข้าคุกตามข้อกล่าวหาข่มขืนและละเมิดทางเพศผู้เยาว์เป็นเวลาอีก 5 ปี
จนกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา มีข้อตกลงให้ปล่อย Assange ไปรับผิดข้อกล่าวหาในสหรัฐ (1 ในข้อหาที่เบาสุด จากทั้งหมด 18 ข้อ) จากนั้นจะถูกปรับและปล่อยได้อิสรภาพคืนมา หลังดิ้นรนเป็นเวลา 14 ปีเต็ม และวันที่ผมเขียนคอลัมน์อยู่ มีข่าวว่าเขาได้เดินทางกลับออสเตรเลียเรียบร้อยแล้ว
ผมยอมรับว่าผมไม่รู้ต่อจากนี้ไป Wikileaks จะทำอะไร หรือจะยังมีอยู่หรือไม่ เพราะผมไม่ได้ติดตามข่าวนี้มานานมาก สนใจอีกทีต่อเมื่อเป็นข่าวในสัปดาห์ที่ผ่านมาครับ แต่ผมถือว่าเป็นเรื่องยิ่งกว่านิยาย ยิ่งกว่าหนัง เลยมาแชร์ให้พวกเราได้อ่านกันในวันหยุด จะได้หลุดออกจากเรื่องเลือกตั้ง สว. เรื่องสงครามในแวดวงกากี หรือเรื่องสารพัดเรื่องอื่นๆ ที่สังคมให้ความสนใจครับ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
President Biden….You’re a Good Dad
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมามีสารพัดเรื่องที่น่าสนใจและน่าเขียนถึง เรื่องแรกต้องเป็นเรื่องประกาศกฎอัยการศึกในเกาหลีใต้ เพราะเป็นเรื่องไม่มีวี่แววว่าจะเกิดขึ้น และถือว่าเป็นการประกาศฟ้าผ่าทีเดียว
คุยเรื่อง…ที่ไม่ใช่เรื่อง
เผลอแป๊บเดียว วันนี้เราเข้าเดือนสุดท้ายของปีแล้ว ถือว่าเราเข้าฤดูกาลซื้อของขวัญสำหรับคริสต์มาสและปีใหม่อย่างเป็นทางการ ถึงแม้ตามห้างต่างๆ
'ศาลอาญาระหว่างประเทศ….มีไว้ทำไม?'
เมื่อวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา ศาลอาญาระหว่างประเทศ (International Criminal Court หรือ ICC) ได้ออกหมายจับนายกรัฐมนตรีอิสราเอล Benjamin Netanyahu
'BRO!!!!!'
เกือบ 2 สัปดาห์กับผลการเลือกตั้งในสหรัฐ ที่สร้างความประหลาดใจให้กับคนทั่วไป เว้นบรรดานักวิเคราะห์แม่นๆ….หลังผลออกมา พวกนี้ยังพูดเต็มปากเต็มคำว่า
“ถ้าไม่เลือกเรา...เขามาแน่”...ทำให้เขาชนะขาดลอย
ผมไม่แน่ใจว่ากว่าแฟนคอลัมน์จะได้อ่านบทความนี้ เรื่องที่ผมจะเขียนนั้นมันแห้งเกินไปหรือเปล่า เพราะกว่าจะถึงวันที่ได้อ่านบทความนี้ เรื่องนี้อาจจะเก่าไปแล้วก็ได้
ผมจะไม่แปลกใจถ้าTrumpชนะ….แต่ผมจะแปลกใจถ้าHarrisแพ้
อีกไม่กี่วันข้างหน้าจะได้รู้กันว่าใครจะเป็นผู้นำ “The Free World” ระหว่างอดีตประธานาธิบดี กับอดีตรองประธานาธิบดี