
ห่างเหินจากย่านธุรกิจที่เรียกว่า "ประตูน้ำ" เกือบ 1 ทศวรรษ เมื่อวันก่อนกลับไปอีกที เพราะมีภารกิจความจำเป็นที่ต้องไปแวะเวียน ฉะนั้น เมื่อมีโอกาสไปเยือนถิ่นเก่าแต่ดั้งเดิม ก็ต้องตามหา "ของอร่อย" ที่ขึ้นชื่อแถวนั้นสักหน่อย
"ลาบประตูน้ำ" ค่ะ ที่มนุษย์ป้าเดินเข้าไปเยี่ยมเยือน เพราะยังจำรสชาติแบบคนกลางกรุงได้อยู่ ซึ่งก็ต้องบอกว่า แตกต่างจากลาบอีสานเจ้าตำรับดั้งเดิมทั้งหลายโดยสิ้นเชิงค่ะ ไม่ว่าจะเป็นลายยโส ลาบอุดร ขอนแก่น หรือที่ไหนก็ตาม
แปลกใจทีเดียว ที่วันนี้ ร้านลาบประตูน้ำที่เคยแน่นขนัด คนต่อคิวรอโต๊ะและรอซื้อกลับบ้านยาวเหยียด ไม่ได้เห็นภาพนั้นอีกแล้ว แม้แต่พนักงานที่คอยเดินขวักไขว่เสิร์ฟอาหารก็ไม่มีเลยสักคน เหลืออยู่แค่ "อาเฮีย" ที่ดูแลร้านอยู่คนเดียว และทำทุกเมนูที่เราสั่ง
"อาเฮีย" บอกว่า ทุกวันนี้ทำมาหากิน ขายเท่าที่สองมือจะทำได้ เพราะหลังจากโควิด คนงานกลับบ้านกันหมด แล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย นอกจากนั้นแล้ว ลูกค้าก็หายหน้าหายตาไปเช่นกัน เพราะสังคมเปลี่ยนแปลงไปแล้ว รสชาติดั้งเดิมตั้งแต่เปิดร้านเมื่อปี 2512 ไม่ใช่รสชาติที่คนยุคดิจิทัลนิยมชมชอบอีกต่อไป ที่ขายได้ทุกวันนี้ ล้วนเป็นลูกค้าเก่าแต่ดั้งเดิมทั้งสิ้น และส่วนใหญ่ก็จะเป็นแบบมนุษย์ป้าคือ ผ่านมาแล้วคิดถึง ก็แวะเข้าไปกิน ไม่ได้ตั้งอกตั้งใจที่จะฝ่าการจราจรที่ติดขัดมาเพื่อหารับประทานอีกแล้ว
ที่น่าเสียดาย (ไว้ล่วงหน้า) คือ อาเฮียเอ่ยปากว่า อีกไม่กี่ปีก็คงจะปิดตำนานลาบประตูน้ำแล้วค่ะ เพราะอายุตัวเองก็มากแล้ว ลูกๆ ก็ไม่คิดจะสืบต่อกิจการ ดังนั้น ถ้าใครยังคิดถึงรสชาติลาบประตูน้ำ ก็อย่ารีรอจนเขาอำลานะคะ
สรุปได้ว่า 10 ปีที่ห่างหายไปจากประตูน้ำ มองไปทางไหนมันเปลี่ยนไปหมดเลย รวมทั้งบรรยากาศที่เคยคึกคัก ก็ดูเงียบเหงา เฉากระเป๋าไปตามๆ กันค่ะ และคงต้องยอมรับว่า ความเปลี่ยนแปลงเป็นจีรัง เพราะเมื่อเดินเข้าไปในตลาดประตูน้ำ มองไปทางไหน ก็เห็นวิธีการขายของที่แม่ค้าจะพูดอยู่คนเดียว หน้าจอมือถือ ที่เรียกว่า "ไลฟ์สด" และที่น่าสนใจคือ ภาษาที่แม่ค้าอวดอ้างสรรพคุณสิ่งของเสื้อผ้าอาภรณ์ต่างๆ นั้น หาใช้ภาษาไทยไม่!!
ตลาดประตูน้ำ วันนี้ไม่ได้แตกต่างจากตลาดสำเพ็งเสียแล้ว นั่นคือ คนต่างด้าว ตั้งแต่ จีน อินโดนีเซีย เวียดนาม พม่า อินเดีย เป็นเจ้าเข้าครอบครองแผงขายของต่างๆ อย่างโจ๋งครึ่ม ดูและฟังแล้วก็สะท้อนใจพอประมาณเลยทีเดียวนะ.
"ป้าเอง"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
5นาทีหลังมื้อเย็นที่ช่วยให้ 'หลอดเลือดสะอาดขึ้น'
เพื่อนๆ มนุษย์ป้าส่งกันมายกใหญ่ ว่าอีกไม่กี่วันก็จะข้ามไปปีม้าแล้ว ขอให้ขยันหายใจเข้าไว้ พร้อมกับเคล็ดลับดูแลตัวเองแบบง่ายๆ ด้วยข้อความว่า
เรื่องจริงไม่อิงนิยาย
ศูนย์อพยพที่แน่นขนัดไปด้วยผู้คนมากกว่าหนึ่งแสนชีวิต อันเกิดจากความขัดแย้งทางการทหารระหว่างไทย–กัมพูชา ..แน่นอนว่า ทำให้คนไทยทุกคนสะท้อนใจ แม้จะมีข่าวว่า ทุกฝ่ายร่วมมือร่วมใจกันให้การดูแลกับคนที่ต้องทิ้งบ้านมาอย่างใกล้ชิดก็ตาม
ขอบ่น..ด้วยคน
ค่าฝุ่น PM 2.5 ช่วงนี้อาละวาดจนไม่รู้จะบ่นกับใครแล้ว นี่มนุษย์ป้าเขียนงานไปก็จามไป จมูกฟุดฟิดหงุดหงิดแดงเป็นโบโซ่เลยทีเดียว
วัน(แก้ไข)รัฐธรรมนูญ
10 ธันวาคมของทุกปี เรารับรู้กันว่าเป็น "วันรัฐธรรมนูญ" เพราะเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ.2475 คือวันที่ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) ได้พระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม 2475-รัฐธรรมนูญถาวรฉบับแรกของไทย ให้แก่ประชาชนชาวไทยโดยเป็นทางการ
ไม่ใช่เวลา..จับผิด!!
ความทุกข์ของคนที่จังหวัดสงขลา ไม่ว่าจะมากจะน้อยแล้วแต่เขตอำเภอ และพื้นที่แต่ละแห่ง ล้วนไม่ได้แตกต่างกันสักเท่าไร เพราะชีวิตประจำวันที่เคยเดินทางสัญจร ไปไหนมาไหนตามอำเภอใจนั้น ถูกจำกัดโดยปริยาย ซึ่งหมายความว่า ต่างได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า
“น้ำใจของคนไทย" ความงดงามที่ทำให้สังคมน่าอยู่
ประโยคนี้ใครไม่เห็นด้วย..ยกมือขึ้น!! ถ้าใครยังมองไม่เห็น แค่หรี่ตาข้างเดียวก็ได้ แล้วมองเหตุการณ์น้ำท่วมภาคใต้ในช่วงนี้ รับรองว่าจะเห็นแจ่มแจ้งถึงพลังแห่งความช่วยเหลือจากทุกทิศทางหลั่งไหลไปไม่ขาดสาย

