บันทึกหน้า 4

แล้วก็เรียบร้อยโรงเรียนคิดไปทำไป เมื่อการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท ที่ใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตครบทั้ง 6 มาตรา โดยหลังจบวาระสองก็ได้ลงมติวาระสาม โดยมีเสียงเห็นด้วย 292 เสียง ไม่เห็นด้วย 161 เสียง งดออกเสียง 1 ไม่ลงคะแนน 1 เสียง ก่อนที่จะส่งเรื่องต่อไปยังวุฒิสภา ซึ่งงานนี้ก็น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะต้องบอกว่าเป็นกฎหมายฉบับแรกที่จะทดสอบสภาสูงคับแก้ว 200 ราย จากการเลือกกันเองว่าจะพิจารณาและมีมติเรื่องนี้อย่างไร โดยเฉพาะ ท่าทีของ “สว.พันธุ์ใหม่” นั้นจะโชว์กึ๋นและบทบาทสมกับราคาคุยก่อนหน้านี้หรือไม่อย่างไร...๐

แต่ในการประชุมสภาวาระสองนั้น ต้องบอกว่า “พรรคก้าวไกล” มีบทบาทโดดเด้งจริงๆ เริ่มจาก “นพณัฐ มีรักษา” กมธ.ซีกก้าวไกล ที่ตั้งข้อสังเกตว่ากฎหมายนี้ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการเงินการคลังของรัฐ และตามมาด้วย “สิทธิพล วิบูลย์ธนากุล” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่ออกมาแฉโพยว่ารัฐบาลปั้นตัวเลขจีดีพีจากโครงการแจกหมื่น จากที่หน่วยงานต้นสังกัดบอกว่า 0.9% ได้เนรมิตเป็นตัวเลข 1.2-1.8% เรียกว่าเสกออกมาจากพายุหมุนเศรษฐกิจที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน แล้วก็ตบท้ายแบบเจ็บๆ ด้วย “เจ๊ไหม” ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ยก 4 เหตุผล ในการคัดค้านกฎหมายดังกล่าว พร้อมอัดว่าเป็นการเล่นแร่แปรธาตุ รวมทั้งยังซัดว่าเกินเลยไปมาก เพราะเอาค่าน้ำ ค่าไฟ และรายจ่ายอุปโภคบริโภครวมเป็นรายจ่ายลงทุน...๐

แหม! ดูง่ายๆ นี่ยังไม่ลงทะเบียนจริงในวันที่ 1 สิงหาคม แต่ แอปทางรัฐ ที่จะเป็นแอปพลิเคชันหลักในการลงทะเบียนรับสิทธิ์ ยังล่มปากอ่าวไปแล้วเมื่อวันที่ 31 ก.ค. โดย “เผ่าภูมิ โรจนสกุล” รมช.การคลัง ก็อ้างไปเรื่องการอัปเดตเวอร์ชัน พร้อมยืนยันว่าระบบจะพร้อมแน่นอนในวันที่ 1 ส.ค. เวลา 08.00 น. นี่ยังไม่รวมกรณีที่ต้องรายงานเรื่องระบบการโอนให้ธนาคารแห่งประเทศไทยล่วงหน้า ไม่รู้ว่า “แบงก์ชาติ” มองเรื่องนี้ออกมาเป็นอย่างไร งานนี้คงต้องลุ้นแบบคิดไปทำไปนั่นแล...๐

หันมาดูการเมืองว่าด้วย “ทักษิณ ชินวัตร” กันบ้าง เพราะนักโทษที่ใกล้จะได้รับใบบริสุทธิ์นั้นก็ซุ่มเงียบไปยื่นคำร้องต่อศาลเมื่อวันที่ 27 ก.ค. เพื่อขอออกนอกราชอาณาจักร โดยอ้างเรื่องการป่วยไข้ที่ต้องให้หมอดูไบดูแลรักษา แต่งานนี้ “ศาล” คงรู้แกวดี เพราะแม้ “โทนี่ วู้ดซัม” จะอ้างไทม์ไลน์การไปหาหมอและพบปะบุคคลสำคัญ และจะกลับมาวันที่ศาลนัด 19 ส.ค.ก็ตามที แต่ศาลก็ไม่ไฟเขียว โดยบอกว่ามีแพทย์ในประเทศตรวจรักษาประจำอยู่แล้ว ที่สำคัญการที่ “ทักษิณ” บอกต้องไปหาหมอที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์นั้นก็เท่ากับเป็นตบหน้า “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีกลายๆ นะจ๊ะ เพราะ วิสัยทัศน์ “ignite Thailand” 8 ข้อนั้น ในข้อที่ 2 ระบุชัดแจ้งว่าเป็นศูนย์กลางด้านการแพทย์และสุขภาพ ทำไม “โทนี่” ต้องกระเสือกกระสนจะไปหาหมอเมืองนอกเมืองนาด้วย หรือเพราะมีพรายมากระซิบข่าวด้านลบจ้ะ...๐

แล้วก็เหมือนการเทสต์อย่างไรอย่างนั้น เพราะในวันที่ 19 ส.ค. ที่อัยการสูงสุดจะมีการอ่านคำสั่งในคดีมาตรา 112 ของ “ทักษิณ ชินวัตร” ก็ดันมาเกิดเรื่องฉาวขึ้นมาจนได้ เมื่อ “ป.ป.ช.-ป.ป.ท.” นำกำลังพร้อมหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ไปจับอัยการผู้กลั่นกรอง สำนักงานอัยการจังหวัดนครศรีธรรมราช มีพฤติกรรมเรียกรับผลประโยชน์พร้อมของกลาง โดยล่าสุด “อำนาจ เจตน์เจริญรักษ์” อัยการสูงสุดคนที่ 18 ก็สั่งการทันทีให้ย้ายด่วน พร้อมให้ “ฉัตรชัย ใจดี” อธิบดีอัยการภาค 8 รายงานข้อเท็จจริงเข้ามา เพราะถือกระทบต่อภาพลักษณ์กระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนต่อองค์กรอัยการร้ายเเรง...๐

พูดถึงคดีมาตรา 112 ไม่พูดถึงเรื่องนิรโทษกรรมก็เหมือนกินคาวไม่กินหวานสันดานไพร่นั่นแล เพราะในสัปดาห์นี้ "คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม" สภาผู้แทนราษฎร ที่มี "ชูศักดิ์ ศิรินิล" จากเพื่อไทยจะส่งรายงานผลการศึกษาต่อ "วันมูหะมัดนอร์ มะทา" แล้ว ซึ่งผลความเห็นล่าสุดนั้นก็พบว่าไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรม 112 จำนวน 13 เสียง, นิรโทษกรรม 112 จำนวน 3 เสียง และนิรโทษกรรม 112 แบบมีเงื่อนไข 12 เสียง หรือพูดง่ายๆ คือเสียงส่วนใหญ่ให้นิรโทษฯ นั่นแล...๐ แล้วที่ขำไม่ออกคือ "เพื่อไทย" เล่นเหยียบเรือสองแคมตามสไตล์ เพราะ "นพดล ปัทมะ" สส.บัญชีรายชื่อ อดีตทนายความทักษิณ ออกเสียงไม่เห็นด้วย แต่ "เชิดชัย ตันติศิรินทร์" สส.บัญชีรายชื่อ และ "สมคิด เชื้อคง" อดีต สส.อุบลราชธานี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง กลับยกมือหนุน ซ้ำร้ายยังอ้างว่าปี 2567 เป็นปีมหามงคล จึงเหมาะสมที่จะให้มีการนิรโทษกรรมด้วย สงสัยคงต้องเตรียมรองเท้าผ้าใบเหมือนที่ "นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม" ประธานที่ปรึกษาพรรคไทยภักดี โพสต์แจ้งไว้แล้ว...๐.

 

ท.ศักดิ์

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

น้ำลด การเมืองผุด! หลังเพลาไปช่วงมหาวิปโยคใต้ เวลานี้กลับมาร้อนฉ่าอีกรอบ ช่วงเย็นพุธที่ผ่านมา คล้อยหลัง "นายกฯ อนุทิน" แถลงโชว์ถอนรากสแกมเมอร์เขมรยึดทรัพย์หมื่นล้าน

บันทึกหน้า 4

ต้องยอมรับว่าแม้ “มหาอุทกภัยในภาคใต้” เริ่มคลี่คลายเข้าสู่จุดการเยียวยา-ฟื้นฟูแล้วก็ตามที แต่ยอดผู้เสียชีวิตและความเสียหายก็ยังไม่นิ่งเสียทีเดียว แต่อย่างไรยอดผู้เสียชีวิตก็คงไม่ถึงพันศพตามที่ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” อดีต รอง ผบ.ตร. วาดหวังแน่ๆ แล้ว

บันทึกหน้า 4

หลังวิกฤตน้ำท่วม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คลี่คลาย น้ำตาก็ท่วมเมือง เมื่อชาวหาดใหญ่เห็นสภาพบ้านเรือนของตัวเองกลายเป็นซากปรักหักพัง ทรัพย์สินที่สร้างมาพังพาบไปกับกระแสน้ำแทบสิ้นเนื้อประดาตัว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมความร่วมมือ “รวมใจไทย ฟื้นแดนใต้” ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นแกนกลางในการประสานงานร่วมกับภาคเอกชนและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

ภายใต้วิกฤตหาดใหญ่ครั้งนี้ ผู้นำรัฐบาลอย่าง อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ถูกเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบ แม้ต้นตอของปัญหาไม่ได้มาจากเขาคนเดียว

บันทึกหน้า 4

ขึ้นต้นเดือนสุดท้ายของปี บรรยากาศสังคมไทยยังคงซึมๆ เศร้าๆ อยู่กับเหตุและเภทภัยที่พี่น้องชาวใต้กำลังเผชิญ "น้ำลดตอผุด" ถูกขุดขึ้นมาเป็นรายวัน เหมือนมีใครบางคนกำลังช่วงชิงสถานการณ์หวัง "ตีกิน" สร้างดรามา แต่งคอนเทนต์ไล่ล่าเอาคะแนนนิยมคืนจากรัฐบาลที่นำโดยพรรคภูมิใจไทย

บันทึกหน้า 4

น้ำใจไทยไม่เคยเหือดแห้ง ถนนทุกสายจากทั่วประเทศมุ่งสู่ใต้ โดยเฉพาะ "มหาวิปโยคหาดใหญ่" ไม่ใช่แค่ทั้งเมืองจมบาดาล ทรัพย์สินเสียหาย แต่รวมถึงชีวิตที่ประเมินค่าไม่ได้ ซึ่งมีการอัปเดตตัวเลขช่วงเย็น 27 พ.ย.