ลุงป้อม 'ประกาศศึก'

"ลุงป้อม" นี่ เห็นตุ้มต๊ะ-ตุ้มตุ้ยอย่างนั้้นเถอะ 

แต่เรื่องหัวใจสู้ละก็ ผมนับถือเลย

สมกับที่เป็น "ชายชาติทหาร" ได้ชื่้อว่าขุนพลแห่ง "บูรพาพยัคฆ์"!

ยามดาวอำนาจอับเฉา มิตรกลายเป็นศัตรู เพื่อนทิ้ง ลูกน้องทรยศซ้ำซาก แนวรบพลังประชารัฐทุกด้าน...แตกยับ

เป็นคนอื่นอาจถอดใจ

แต่วิญญาณผู้นำทัพของลุงป้อมกลับพลุ่งพล่าน เปี่ยมพลัง ชูดาบ ประกาศเสียงกร้าว ดังก้อง รวบรัด ชัดเจน เยี่ยงผู้นำทัพสั่งประจัญบาน

"พรรคพลังประชารัฐต่อไปนี้ เป็นหนึ่งเดียว ไม่มีการแตกแยก จะเปลี่ยนวิธีบริหารใหม่ จะให้รองหัวหน้าพรรคดูแลแต่ละพื้นที่ เลขาธิการพรรคเป็นฝ่ายสนับสนุน

พรรคพลังประชารัฐ จะยึดมั่นใน "สถาบันพระมหากษัตริย์​" จะปกป้องสถาบันอันเป็นที่รักยิ่งของเรา

จะทำเศรษฐกิจทันสมัย ให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ชีวิตสดใส จะทำให้พรรคของเราเข้มแข็ง ให้ประชาชนได้อยู่ดีมีสุขต่อไป"

เรียกว่า "เนื้อล้วนๆ"!

"เอกภาพ-พิทักษ์สถาบัน-ยึดมั่นประชาชน"

คงเห็นกันแล้วนะครับ ที่เมื่อวาน (๖ ก.ย.๖๗) พลังประชารัฐประชุมใหญ่ เลือกคณะกรรมการบริหารชุดใหม่

ลุงป้อมยังคงเป็นหัวหน้าพรรค

ส่วนเลขาฯ พรรค เปลี่ยนจากธรรมนัสที่ยกแก๊งสะบัดตูดออกไป "นายไพบูลย์ นิติตะวัน" มาเป็นเลขาฯ พรรคแทน

คำประกาศลุงป้อม "พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ" อ่านดูแล้วก็เฉยๆ แต่ถ้าได้ฟังน้ำเสียงตอนลุงประกาศ จะรู้สึกได้ว่า

เป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษ ที่ลุงป้อม "ของขึ้น" จนเสียงดังพยัคฆ์คำราม โดยเฉพาะประโยคที่ว่า

"พรรคพลังประชารัฐ จะยึดมั่นใน "สถาบันพระมหากษัตริย์​" จะปกป้องสถาบันอันเป็นที่รักยิ่งของเรา"

ขึงขัง-จริงจังมาก ย้ำแล้ว-ย้ำอีก ไม่รู้ว่าต้องการให้คนชื่อทักษิณได้ยินหรือเปล่าก็ไม่ทราบ!?

ส่วนเนื้อหาอื่นๆ ที่ลุงป้อมประกาศ ผมก็ว่า ใช่สักแต่ว่าประกาศ เพราะดูหน้า "เพื่อนร่วมคิด-มิตรร่วมตาย" ที่อยู่เคียงข้างลุงป้อมขณะนี้

ก็น่าจะมั่นใจได้ ว่าไม่ทรยศพรรคเพราะหลง "อาหารเม็ด" แน่

พรรคแตกคราวนี้ สำหรับผม ก็ต้องบอกว่า

"สมน้ำหน้าลุง"!

เพราะลุงเองนั่นแหละ ไม่รู้ "จักเข็ด-จักจำ" เขายกแก๊งออกด้วยคำใหญ่-คำโต แต่เมื่อหมดท่า ก็ถือพานคลานกราบแบบเชื่้องๆ ขอกลับมาอยู่ใหม่

ลุงก็ "ตบหัว-ลูบหลัง" ให้เขากลับเข้ามา

คนไทยเรียนนิทานอีสปเรื่อง "ชาวนากับงูเห่า" มาทุกคนต่างรู้ ว่าเอาลูกเขามาเลี้ยง-เอาเมี่ยงเขามาอม หวังอะไรจากเขาได้ยาก

นั่นก็ยังดี เพราะอย่างน้อยก็ยังได้อม

แต่การ "เอางูมาอุ้ม" นี่ซี นอกจากไม่ได้อมแล้ว พองูมันได้ไออุ่น มันก็ฉกกัดเอา!

มีแต่ลุงป้อมคนเดียวนี่แหละ เรียนโรงเรียนฝรั่ง คงไม่มีนิทานอีสปให้อ่านซีท่า ถึงไม่รู้เรื่องชาวนากับงูเห่า มันเลยฉกหมับเข้าที่พุงกะทิ

แค่คางเหลือง ไม่ถึงตาย ก็นับว่ายังมากบุญ-มากบารมีอยู่!

คงเข็ดจำละคราวนี้ แค่ ๒ หน คนยังเห็นใจลุง แต่ถ้าลุงให้มีหน ๓ อีกละก็

ตานี้แหละ ทั้ง สส. ทั้งสมาชิกพรรค ทั้งชาวบ้าน เขาคงสมน้ำหน้า จ้าง "ลำไย ไหทองคำ" มาเต้นฉลองหน้าพรรคกันอย่างนั้นเลยเชียว

ดูรายชื่อ กก.บห.และรายชื่อรองหัวหน้าพรรคแล้ว ก็เชื่อได้ว่า "ลุงมีกึ๋น" พอที่ประกาศว่า

"จะทำเศรษฐกิจทันสมัย ให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น"

เพราะดูรายชื่อ ๘ รองหัวหน้าพรรค ใช่ว่าลมเพ-ลมพัด เป็นขุมพลัง "มืออาชีพ" มีประสบการณ์ทางเศรษฐกิจ การเงิน-การคลัง-การค้า เลยเชียวแหละ

อย่างนายอุตตม สาวนายน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์  นี่เป็นรุ่นก่อตั้งพรรค นายอุตตม เชี่ยวชาญด้านการเงิน-การคลัง ระดับปรมาจารย์

คุณสนธิรัตน์ ผลงานครั้งเป็นรัฐมนตรีพาณิชย์ รัฐบาลประยุทธ์ เป็นเครื่องรับประกันคุณภาพเรื่องการค้า-การขาย หัวไว แปลงวิกฤตเป็นโอกาสได้เก่ง

คุณสันติ พร้อมพัฒน์ เป็นนักการค้าและการคลัง การตัดสินใจ "ไม่ไปไหน" ครั้งนี้ ทำให้เด่นและมีความหมายยิ่งขึ้น

"คุณชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์" นักเลงจริงสิงห์บุรีคนนี้  ทำให้ผมทึ่ง เป็นทั้ง "นักบู๊และนักบุ๋น"

การ "ไม่ทิ้งพรรค-ไม่ทิ้งลุงป้อม"....
ทั้งที่มีทางเลือกไปที่ดีกว่านี้ แต่ "ไม่เลือก-ไม่ไป" คนอย่างนี้ "ตกน้ำไม่ไหล-ตกไฟไม่ไหม้" อนาคตไกล หายห่วง

"คุณตรีนุช เทียนทอง" กุลสตรีเพียบพร้อม ยากหาในดงนักการเมือง เป็นขุมพลังปัญญาให้พรรค แน่วแน่ ไม่ไปไหน นับเป็นวาสนาของลุงป้อม

อีกหลายคน จาระไนไม่หมด แวะที่เลขาฯ พรรค "ไพบูลย์ นิติตะวัน" นิดละกัน

"ถูกฝา-ถูกตัว" แล้ว ที่เลือกคุณไพบูลย์เป็นเลขาฯ คุณไพบูลย์เป็น "ทั้งบู๊-ทั้งบุ๋น" ใช้ได้ครบเครื่องเหมือนคุณชัยวุฒิ

ทั้ง ๒ คนนี้ บู๊ด้วยเนื้อหา บุ๋นด้วยประสบการณ์ บนฐานสาระวิชาการ

ประเมินศักยภาพขุมข่ายกำลังทัพ "พลังประชารัฐ" ของลุงป้อมแล้ว ไม่ใช่ "ขี้เป็ด-ขี้ไก่" ถ้าเดินบทบาทเข้าตาประชาชนละก็ เลือกตั้งเมื่อไหร่ ระดับ ๔๐-๕๐ สส.เป็นที่หวังได้

การเมืองเรื่องเลือกตั้ง ไม่ใช่จะเลือกตั้งที ก็เฮกันไปให้ชาวบ้านลูบหัวที มันต้องมีแบรนด์อยู่ติดพื้นที่

เมื่อชาวบ้านได้ใจเรา เราก็จะได้ใจชาวบ้าน วิถีชีวิตจิตใจคนไทยไม่ซับซ้อนด้วยเล่ห์กล

มีแต่นักเลือกตั้งเท่านั้น ใช้เล่ห์กลกับชาวบ้าน

สโลแกน "โกงเอามาแบ่งปัน" มันจึงเป็นวัฒนธรรม "แม่ปูสอนลูกปู" ผ่านการเลือกตั้งถึงทุกวันนี้!

การที่พลังประชารัฐ "ไม่ได้ร่วมรัฐบาล" มองผลประโยชน์เฉพาะหน้า บอกว่า "โชคร้าย" ก็ใช่

แต่ถ้าเป็นนักเลงการเมืองจริงๆ จะต้องบอกว่า "โชคดี" ที่ดีดตัวหลุดออกมาจากยานได้ก่อนที่ยานจะดิ่งหัวโหม่งโลก!

ในความจริงที่ว่า "โลกนี้ไม่มีอะไรบังเอิญ"

การที่พลังประชารัฐของลุงป้อมกับเพื่อไทยของทักษิณ "แยกขั้ว" ออกจากกัน พูดในอีกทางหนึ่งก็ได้ว่า

เป็นกำหนดชะตาจาก "ฟ้า-ดิน"!

ถ้าการเมือง "ทั้งพระ-ทั้งโจร" ไหลไปรวมอยู่ในอุ้งตีน "มหาโจร" ผู้มีอำนาจเหนือประเทศทั้งหมด

คิดดูซิ มันจะมี "อำนาจเหนือประเทศ" เบ็ดเสร็จขนาดไหน ตีตราประชาธิปไตย เป็นแบรนด์ความชอบธรรม

แล้วใช้แบรนด์นั้นก่อกรรมระยำให้กับประเทศ ศิโรราบกราบกรานกันไปทั้งหมด

โดยไม่มีพรรคไหนคอยตะโกนบอกชาวบ้านให้รู้ว่า...มหาโจรมันปล้นแล้ว!

ฟ้าดิน จึงให้พลังประชารัฐไปทำหน้าที่นี้ในสภา คุณไพบูลย์ก็บอกแล้วมิใช่หรือว่า...นี่คืองานถนัด

ผมเติมให้อีกนิดก็ได้ว่า...
ถ้าทำได้จริง มันจะเป็นงาน "สร้างพรรค" และ "สร้างโอกาส" ให้ประเทศชาติด้วย

พรรคประชาชนน่ะ เป็นฝ่ายค้านก็โดยนิตินัย แต่ทางพฤตินัย "เห่าแต่ไม่กัด"

ถึงกัดก็เลือกกัดแบบขม้ำแต่ไม่ย้ำเขี้ยว คนไม่รู้ มองดูว่าหวาดเสียว เข้าใจว่าจมเขี้ยว แต่เปล่าหรอก

เพราะ "โต้โผพรรค" ก็คือคนในคอก "มหาโจร" ผู้มีอำนาจเหนือประเทศ

ขึงขัง ทำเป็นค้านแบบ "เล่นยี่เก" ไปอย่างนั้น รอจังหวะวัน-เวลา-สถานการณ์ จาก "แยกกันเล่น" ไป "รวมกันตี" แฮปปี้นคราไปด้วยกัน อย่างนั้นน่ะ ไม่ผิดหรอก

ไม่เช่นนั้น "ลุงป้อม" ซึ่งอยู่กับงานความมั่นคงมาตลอด จะประกาศย้ำเป็น "คำมั่นสัญญา" ต่อหน้าฟ้าดินหรือว่า

"พรรคพลังประชารัฐ จะยึดมั่นใน "สถาบันพระมหากษัตริย์" จะปกป้องสถาบันอันเป็นที่รักยิ่งของเรา"

มันมีความนัยซ่อนอยู่ในตัว ตามสภาพสังคมการบ้าน-การเมืองปัจจุบัน ที่ "ขบวนการกัดกร่อนบ่อนเซาะ" หาหยุดไม่

เพียงแต่เมื่อแผนเดิม "ในถนน-บนดิน" เปิดประตูได้บานเดียว ก็ล้มเหลว

เขาก็เปลี่ยนยุทธวิธี "กัดกร่อนบ่อนเซาะ" ทางใต้ดิน "แยกกันเล่น-แยกกันเดินยุทธวิธี" รอจังหวะและวันเวลาอำนวยเท่านั้น

จักรวรรดิอำนาจตะวันตก สหรัฐฯ เป็นหัวหอก นอกจากไม่ล้มเลิกความพยายามปลุกปั่น-ยุแยงและทุ่มทุน หนุนการเมืองในคอนโทรลให้มีอำนาจครองประเทศแล้ว

ด้วยการเดินเกมใช้พื้นที่ในภูมิภาคนี้ของจีน ตามจุดยุทธศาสตร์ในลาว ในเขมร ในพม่า ซึ่งอยู่ติดกับไทย

ยิ่งเป็นไฟลนก้น ให้จักรวรรดิอำนาจตะวันตก ต้องเร่งหาพื้นที่เป็นจุดยุทธศาสตร์คานจีน

ไม่มีที่ไหนเหมาะเท่า "ที่ไทย"

แต่ไม่มีที่ไหนยากเท่า "ที่ไทย" ที่จะได้ใช้เป็นฐาน!

กองทัพไม่เล่นด้วย ประชาชนก็ไม่ยอมด้วย มีทางเดียว คือวิธีที่ใช้สำเร็จมาแล้วในหลายประเทศ

ปลุกปั่นให้สังคมแตกแยก

โดยใช้ยุทธวิธี "ปลุกผีประชาธิปไตย" เสรีภาพ-เสมอภาค-ภราดรภาพ" หนุนหลังนักศึกษา นักวิชาการ และนักการเมือง จุดไฟประชาธิปไตยในนาคร

"ล้มอำนาจเก่า-สถาปนาอำนาจใหม่" โดยจักรวรรดินิยมอำนาจตะวันตกเป็น "แบ็กในเวทีโลก" ให้

เมื่อการเมืองในคอนโทรลครองอำนาจ ก็ง่ายที่จะเข้ามาใช้ไทยเป็น "ยูเครน" ซึ่งบ้านเขาสบาย แต่บ้านเราพังพินาศ

แล้วใครเป็น "เซเลนสกี" เมืองไทย คงไม่ต้องให้ผมบอกนะ!

"แผนมนุษย์" ว่าเหนือเมฆ

แต่ "เมฆ" นั้นแค่ "ขี้" ลอยในท้องฟ้า จึงเรียกกันว่า "ขี้เมฆ"

สู้ "แผนฟ้า-ชะตาดิน" กำหนดไม่ได้หรอก

สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป "ฉากใหม่" ของเรื่องบ่อนเซาะเปิดแล้ว ก็ตามดูไปเรื่อยๆ

"ออกลาย" เมื่อไหร่ เดี๋ยวก็เห็น เชื่อเถอะ!

-เปลว สีเงิน

๗ กันยายน ๒๕๖๗

 

วันเสาร์ที่ปลายซอย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตุลา 'มหาวิปโยค' ซ้ำ

และแล้ว "เมืองไทย" เรา.... ก็ "หนีไม่พ้น" อาถรรพณ์เดือนตุลา.ไปจนได้! ก็อย่างที่ทราบ

"สว.-ตร." ยุค "ปลดแอก"

ทำไป-ทำมา.... "๒๐๐ สว." ระบบเลือกกันเอง "คัดท้ายประเทศ" ไว้ใจได้ ดีกว่า "สส. ๕๐๐" ที่ประชาชนเลือกเข้าไปทำหน้าที่ในรัฐสภาซะอีก!

การเมือง 'ทำคนขอทาน'

"ภาพ ๓ ภาพ" ที่เกิดต่อเนื่องขณะนี้.... มันสะท้อนอะไรให้พวกเราได้คิดกันบ้างมั้ยครับ?