ขอโทษผู้เสียหาย

ยกมือไหว้อย่างสวยงาม พ.ต.อ.อาทิตย์ ซิ้มเจริญ ผกก.สภ.สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ นำทีมผู้ใต้บังคับบัญชาขอโทษผู้เสียหายที่ถูกตำรวจงานป้องกันและปราบปรามตั้งด่านตรวจ ทำร้ายร่างกาย หลังอาสาสมัครตำรวจตรวจค้นรถแล้วเข้าใจผิดว่าการบูรเป็นยาเสพติดประเภทไอซ์ ซึ่งก่อนหน้านั้น

พล.ต.ต.ชุมพล พุ่มพวง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ ก็มีคำสั่งให้ตำรวจ 4 นายที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ เป็นตำรวจยศ ร.ต.อ. 2 นาย ยศ ส.ต.อ. และ ส.ต.ต. มาประจำที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธร จ.สมุทรปราการ เช่นเดียวกับ “ผู้กำกับโรงพักสำโรงเหนือ” ออกหนังสือคำสั่งยกเลิกการปฏิบัติหน้าที่ของอาสาสมัครที่ช่วยงานของแต่ละสายงานทั้งหมด ถือเป็นบทเรียนสำคัญของตำรวจทุกๆ แห่ง

ที่ต้องรอบคอบและตรวจสอบให้ชัดเจน ยุคสมัยนี้โลกโซเชียล กล้องถ่ายภาพ มีกันหมดทุกคน จะมามุบมิบ จะมาบิดเบือนเหมือนสมัยก่อนทำไม่ได้อีกแล้ว ไม่เช่นกันก็จะเหมือนเช่นกรณีนี้ที่หาปี๊บกี่ใบมาคลุมก็คงไม่มิด

ที่น่าตกใจคือระหว่าง “การบูร” กับ “ไอซ์” ตำรวจแยกไม่ออกเพียงนั้นเลยเหรอ เป็นการบ้านใหญ่ที่ “ผบ.ปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ต้องกลับมานั่งคิด ต้องกลับมานั่งสำรวจ กลับมา "สังคายนา” งานด้านยาเสพติดกันใหม่หรือไม่ อย่างไร แยกสารเสพติดเบื้องต้นยังเกิดปัญหา เหมือนที่ “โฆษกแรก” พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกมาบอกว่า “การมีความรู้เกี่ยวกับการตรวจสอบสารเสพติด การสังเกต คงจะต้องมีการทบทวนความรู้ให้มีความพิถีพิถันมากขึ้น เรื่องนี้ต้องมีการทบทวนการให้ความรู้เกี่ยวกับยาเสพติดอีกครั้ง” เป็นสิ่งที่ถูกต้อง เป็นสิ่งที่ต้องรีบดำเนินการ แต่ที่น่าแปลกใจตั้งแต่เกิดเรื่องเกี่ยวกับการทำงานพลาดของตำรวจโรงพักสำโรงเหนือในการจับกุมยาเสพติด เหตุใด “บิ๊กรอย” พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ที่สวมหมวกหัวหน้าศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ศอ.ปส.ตร.) ระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถึงเงียบกริบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือ "บิ๊กรอย” มองเรื่องลูกน้องจับการบูรของชาวบ้านแล้วบอกว่าเป็นยาเสพติด เป็นเรื่องปกติ ก็เข้าใจได้ที่จะไม่ลุกออกจากห้องแอร์ไปที่โรงพักสำโรงเหนือ ดูปัญหาข้อผิดพลาดทางสายตาในการมองการบูรเป็นยาไอซ์ของลูกน้อง 

ต้องรายนี้ซิ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. จับเรื่องไหนก็ดัง จับคดีใดก็เปรี้ยง ชาวบ้านปรบมือชื่นชม ล่าสุดสวมหมวก “รองประธานอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย” เดินทางตรวจสอบเรือประมงต้องสงสัยในการสวมซาก ปลอมเปลี่ยนแปลงชื่อเรือ ที่คานเรือ ต.โกรกกราก อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร ซึ่งเรือลำดังกล่าวยื่นคำร้องขอปิดสัญญาณอุปกรณ์ระบุตำแหน่งเรือชั่วคราว เนื่องจากกรณีตัวเรือเกิดชำรุดเสียหายต้องซ่อมแชม โดยนำเรือเข้าอู่เรือคานเรือ หรือท่าเทียบเรือประมงไว้กับด่านตรวจประมงชลบุรี แต่เมื่อไปตรวจสอบไม่พบเรือลำดังกล่าวที่ท่าเทียบเรือสะพานปลาป้าแคลง จึงขยายผลตรวจสอบ จนพบเรือดังกล่าวถูกนำไปจอดไว้ห่างออกไป ซึ่งคาดว่าจะนำเรือไปจมเพื่อนำหมายเลขเรือดังกล่าวไปสวมซากเรือ “บิ๊กโจ๊ก” ยังตามไปดำเนินคดี พร้อมประกาศจะขยายผลว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็นเป็นใจหรือไม่ เพื่อแยกน้ำดีออกจากน้ำเสีย แก้ปัญหาประมงผิดกฎหมายตามนโยบายรัฐบาล ไม่ธรรมดาจริงๆ

จิตอาสาตำรวจสอบสวนกลางเดินหน้าทำความดีต่อเนื่อง “บิ๊กต่อ” พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้ช่วย ผบ.ตร. “บิ๊กก้อง” พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. มอบหมายให้ พ.ต.อ.พิชญ์รุจ กุลวิมลประทีป ผกก.6 บก.ทล. พ.ต.ท.วิษณุ คำโนนม่วง รอง ผกก.6 บก.ทล. พ.ต.ท.จิรพันธ์ มณีรัตน์ สว.สทล.1 กก.6 บก.ทล. พร้อมจิตอาสา 904 จิตอาสาตำรวจทางหลวงนครราชสีมา และชมรมฮักเขาใหญ่ เดินทางไปที่โรงเรียนบ้านคลองเดื่อ ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา นำเสื้อกันหนาวกว่า 100 ตัว ไปมอบให้กับเด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านคลองเดื่อ ที่อาศัยอยู่ติดอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ซึ่งในช่วงนี้สภาพอากาศยังหนาวเย็น ประกอบกับผู้ปกครองมีฐานะยากจน รับจ้างทั่วไป หาเช้ากินค่ำ ประสบปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้มีรายได้น้อย บางรายเป็นเด็กพลัดถิ่น มีพ่อแม่เป็นบุคคลสัญชาติลาว เมียนมา กัมพูชา ที่มาทำงานในพื้นที่เขาใหญ่ เด็กๆ ที่ได้รับต่างดีใจ เพราะเป็นสิ่งที่ต้องการมาช่วยบรรเทาความหนาวเย็น ได้ใส่เสื้อผ้ากันหนาวลายสีสวยน่ารัก รวมทั้งจิตอาสายังมอบเจลแอลกอฮอล์ให้เด็กๆ และครูอาจารย์ทุกคน เพื่อใช้ป้องกันดูแลตนเองจากการระบาดของโควิดระลอกใหม่ ถือเป็นของขวัญเนื่องในวันปีใหม่และวันเด็กปี 2565 อย่างดีจริงๆ

ระหว่างที่รอขั้นตอน ครม.เห็นชอบกรอบโครงการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่โจมตีงบเกิน 1,000 บาท เพื่อจัดทำเป็นร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 “บิ๊กป้อง” พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ ผู้บัญชาทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) แต่งตั้งคณะกรรมการ 2 ชุดคือ ชุดแรกให้ “บิ๊กป้อม” พล.อ.อ.ธนศักดิ์ เมตะนันท์ รอง ผบ.ทอ. อดีตผู้ช่วยทูตทหารอากาศประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เป็นประธานคณะกรรมการศึกษาเครื่องบินขับไล่โจมตี และ “บิ๊กไก่” พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล เสนาธิการทหารอากาศ นักบิน F16 เป็นประธานคณะกรรมการพิจารณาจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตี โดยทั้ง พล.อ.อ.ธนศักดิ์ (ตท.22 เกษียณ 2567) และ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี (ตท.24 เกษียณ 2568) เป็น 2 ใน 5 แคนดิเดต ผบ.ทอ.คนต่อไป ที่จะสานต่อโครงการต่อจาก พล.อ.อ.นภาเดช ที่จะเกษียณ 30 ก.ย.นี้ เห็นชื่อประธานคณะกรรมการฯ ทั้งสองชุดแล้ว น่าจะมองเห็นทิศทางการวางตัวบุคคลในการปรับย้ายปลายปีได้ชัดเจนขึ้น

มีความคืบหน้าของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.ภาค 2) กรณีพบ “เรือผี” ในฝั่งอ่าวไทย ล่าสุด พล.ร.ต.อิทธิพัทธ์ กวินเฟื่องฟูกุล โฆษก ศรชล. ระบุว่า จากหลักฐานสมุดปูมการเดินเรือล่าสุด หรือ Deck Log Book ซึ่งถูกบันทึกไว้ตั้งแต่วันที่ 19 พ.ค.2559 ถึงวันที่ 27 ส.ค.2559 ชื่อเรือที่ถูกต้องคือ ชื่อ จินสุ่ยหยวน 2 มีชื่อภาษาจีนว่า 金水源 2 และมีชื่อภาษาอังกฤษว่า Jin Shui Yuan 2 หมายเลข IMO: 1165431 Vessel Type Generic: Cargo MMSI: 413324520 Flag: China [CN] โดยได้พบหลักฐานที่มีตราประทับของสำนักงานความปลอดภัยทางทะเล นครเทียนจิน สาธารณรัฐประชาชนจีน ระบุว่า นาย Qi Xue Jun หรือ “ซ่ง เสวีย จวิน” เป็นผู้บังคับการเรือลำนี้ แต่เอกสารดังกล่าวได้จมไปกับเรือ ทั้งนี้ ศรชล.ได้ทำหนังสือถึงอธิบดีกรมเจ้าท่า และประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบและติดตามการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาการทำประมง และแรงงานในภาคประมงเรียบร้อยแล้ว โดย ศรชล.ได้ประสานไปยังผู้เชี่ยวชาญของหน่วยงานเครือข่ายความร่วมมือนานาชาติด้านความยั่งยืนของทรัพยากรประมง หรือ Ocean Mind (องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร) ซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านมาตรการติดตาม ควบคุม และเฝ้าระวัง (MCS) ให้กับกรมประมง รวมถึงจากการตรวจสอบจากเอกสารวิเคราะห์อัตลักษณ์และภาพถ่ายดาวเทียมของกรมประมง แล้วทราบว่า เรือจินสุ่ยหยวน 2 ไม่ได้อยู่บัญชีเรือ IUU Fishing 

วันอังคารที่ 18 มกราคมนี้ กองทัพบกจัดพิธีรำลึกเนื่องใน “วันกองทัพบก” และยังตรงกับ “วันกองทัพไทย” ซึ่งถือเป็นวันที่มีความสำคัญในการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่ทรงกระทำยุทธหัตถี และนำเหล่าทหารปกป้องแผ่นดิน ตลอดจนหลายเหตุการณ์ที่บูรพกษัตริย์ และบรรพชนทหารได้สร้างวีรกรรมอันกล้าหาญ สละเลือดเนื้อและชีวิตเพื่อรักษาผืนแผ่นดินไทยให้เป็นมรดกของชนรุ่นหลังมาจนถึงทุกวันนี้ โดยหน่วยทหารจะจัดพิธีราชสักการะแด่บูรพกษัตริย์ ณ พระบรมราชานุสาวรีย์ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ที่สำคัญผู้ที่บรรจุรับราชการทหารใหม่ทุกนายจะร่วมพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล ซึ่งแสดงถึงการเป็นทหารอย่างสมบูรณ์ พร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่เพื่อส่วนรวมและประเทศชาติด้วยความทุ่มเท เสียสละ ซึ่งจะจัดพิธีโดยพร้อมเพรียงกัน ณ มณฑลทหารบกทั่วประเทศ สำหรับในพื้นที่ส่วนกลางจัดขึ้นที่กองบัญชาการทหารบก โดย พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้นำในการกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณตนในพิธีด้วยตนเอง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ กำชับตำรวจก้าวข้าม 'ต่อ-โจ๊ก' ลั่นไม่ขอยุ่งแล้ว ให้เป็นหน้าที่คกก.ตรวจสอบ

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 2/2567 ว่า ในที่ประชุมได้กำชับเรื่องความขัดแย้งระหว่าง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

'บิ๊กต่าย' ไม่รู้ข้อเท็จจริง 'ทนายตั้ม' แฉปมส่วยเว็บพนัน แต่ต้องรับผิดชอบคำพูด

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) กล่าวว่า ไม่ได้ให้ผู้ใต้บังคับการบัญชาที่เป็นนายตำรวจระดับผู้กำกับการโทรศัพท์ไปขอข้อมูลกับนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เกี่ยวกับเส้นทางการเงินที่เกี่ยวพันกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ก่อนที่ทนายตั้ม

คณะสอบ 2 นายพล เตรียมเรียก 'โจ๊ก-ต่อ' เข้าให้ข้อมูล ยันไม่มีเกี้ยเซียะ

พล.ต.อ.วินัย ทองสอง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ในฐานะคณะกรรมตรวจสอบข้อเท็จจริง และข้อกฏหมาย กรณี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ตามคำสั่งนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดัง