ประเทศกับ 'ความมั่นคง'

สันติสุข "ชาวโลก-ชาวเรา".....

กำลังจะถูก "สงครามทุกข์" เข้าแทนที่ทุกขณะแล้วนะ!

ฉะนั้น วันนี้ ผมมีอะไรเล็กๆ น้อยๆ มาบอก

แต่สำคัญในทางเกื้อสุขบำบัดทุกข์เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

คือหลายเดือนจนผมจำไม่ได้แล้ว เคยนำเรื่องที่ "หลวงพ่อสายทอง เตชะธัมโม" วัดป่าห้วยกุ่ม​ อ.เกษตร​สมบูรณ์​ จ.ชัยภูมิ​  

"สร้างโรงพยาบาล" ที่จังหวัดเลย มาบอกกล่าว

ไม่กี่วันมานี้ สุภาพสตรีคณะ "ลูกหลานหลวงพ่อสายทอง" ท่านหนึ่ง มาขอบคุณ และบอกถึงความคืบหน้า ดังนี้

..........................

กราบขอบพระ​คุณ คุณลุงเปลว สีเงิน​ ที่กรุณาเป็นสะพานบุญให้ค่ะ

อาคาร 10 ชั้น ​"รพ.​เลย" ​งบประมาณ ​500 ล้าน​ ได้สำเร็จประโยชน์​

"หลวงพ่อสายทอง​ เตชะธัมโม" ​น้อมถวาย "กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี" เรียบร้อยค่ะ

ตอนนี้ หลวงพ่อกำลังสร้าง ​"อาคารผู้ป่วยใน"​ 6 ชั้น ​"โรงพยาบา​ลสิรินธร" ​จังหวัดขอนแก่น​

คาดว่า จะแล้วเสร็จ เดือนพฤศจิกายน​ นี้​ ด้วยงบประมาณ​ 150 ล้านบาท ค่ะ​

โดยชั้น​ 1-2 เป็นคลินิกแผนไทย, แผนจีนและคลินิกดูแลผู้ป่วยระยะกลาง ชั้น 3 เป็นผู้ป่วยเด็ก ชั้น 4 ผู้ป่วยศัลยกรรมและกระดูกชาย และ ICU เด็ก

ชั้น 5 ห้องพิเศษ ชั้น 6 "พิเศษสงฆ์" ค่ะ​

ตอนนี้ ​งบประมาณ​ในการก่อสร้าง ยังขาดอีกประมาณ​ 70 ล้านบาท ค่ะ​

หลังจาก "โรงพยาบาลสิรินธร" ​จ.ขอนแก่น​ สำเร็จแล้ว​

หลวงพ่อ​มีดำริ​ สร้างอาคารผู้ป่วยในและตึกฉุกเฉิน ​"รพ.ชนบท​" ขอนแก่นต่อ​ ด้วยงบประมาณ​ 200 ล้าน ค่ะ

จึงขออนุญาต​คุณลุง โปรดเป็นสะพานบุญ​

นำพาศาสนิกชนที่มีจิตศรัทธาในการสร้างโรงพยาบาล​ กับ​ หลวงพ่อสายทอง​ เตชะธัมโม​ วัดป่าห้วยกุ่ม​ อ.เกษตร​สมบูรณ์​ จ.ชัยภูมิ​

ดยสามารถร่วมทำบุญได้ที่ ชื่อ​บัญชี ​"วัดป่า​ห้วย​กุ่ม"

ธนาคาร​ ไทยพาณิชย์ เลขที่​ 647-2-42764-8

ติดต่อขอใบอนุโมทนา​บัตรจากทางวัดและสอบถามเพิ่มเติมได้ที่​ คุณวิจักษ์​ อัศวลาภ​ 081-587-5999​ หรือ​ ไลน์ไอดี​ wj5559 ค่ะ

ทางคณะลูกหลานหลวงพ่อจะนำส่งรายชื่อผู้โอนและยอดเงินร่วมทำบุญ​ น้อมถวายหลวงพ่อในวันมุทิตาจิต​ 16​ ตุลาคม​ ที่ "วัดป่าห้วยกุ่ม" ค่ะ

กราบขอบพระ​คุณ​คุณลุงเปลว สีเงิน เป็นอย่างสูงค่ะ🙏  

.....................

"พุทธบุตร" พระผู้เป็นเนื้อนาประเสริฐ ทุกวันนี้ ไม่เพียงสงเคราะห์โลก "ด้วยธรรม" เท่านั้น

ท่านยังสงเคราะห์ด้วย "สังคหวัตถุ" เช่น นำสร้างโรงพยาบาล โรงเรียน สาธารณสถาน ให้ชาวบ้าน เห็นอยู่ทั่วประเทศ

และด้วยพระมหากรุณาธิคุณของ "กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี"

พระองค์ทรงรับโรงพยาบาลเหล่านั้นไว้ในการดูแลของพระองค์

ทำให้โรงพยาบาลมีเครื่องมือแพทย์ มีหมอ มีพยาบาล มีบุคลากรทางการแพทย์ให้บริการ ดูแลรักษาผู้ป่วย ทั้งชาวบ้านและพระสงฆ์ ครบครัน

เราทั้งหลาย ได้เกิดเป็นคนไทย อยู่ในแผ่นดินไทย

ในความเป็นชาติ....

อันมีพระศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นศูนย์รวมจิตใจ เป็นที่ยึดเหนี่ยว เป็นที่พึ่งอันประเสริฐ

นับเป็นบุญวาสนาของเราทั้งหลายยิ่งนักแล้ว

เบื้องต้นนี้ ขอย้ำอีกครั้ง จากวันนี้ไป เราทั้งหลาย จงอย่าใช้ชีวิตประมาทเป็นอันขาด

ข้าราชการ นักการเมือง รวมทั้งคณะรัฐบาล อันใดเป็นไปในทางอสัตย์ชั่วร้าย

ละได้...โปรดละ, วางได้...โปรดวาง

ประโยชน์ตน เอากองไว้ก่อน

แล้วนำ "ประโยชน์ชาติ" แบกใส่บ่า ใช้สัมมาทิฐิ คือแนวคิดที่ถูกต้อง ความเห็นชอบตามทำนองคลองธรรม

แบก "ชาติ-ประชาชน" ฟันฝ่าปัญหา-อุปสรรคที่จะถาโถมโหมกระหน่ำเข้ามา และที่เข้ามา "กัดกร่อนบ่อนเซาะ" อยู่ภายในนานแล้ว ให้จางคลายและหายไป

อย่าให้คนเนรคุณอาศัยความเมตตาอารีของไทยเรา พอได้ไออุ่น แทนที่จะสำนึกคุณ กลับเหิมเกริมรวมกลุ่ม

คิดจะตั้งอาณาจักรเถื่อน "ซ้อนใน" ราชอาณาจักรไทย

ซึ่งเราต้องจัดการ......

จะปล่อยให้พวกนี้กำแหงหาญในบ้านเมืองต่อไปเรื่อยๆ ไม่ได้

วันนี้ เรายังไม่เห็นภัยประเภท "มอดกัดไม้-ปลวกในฝาบ้าน" ถ้าละเลย-นอนใจ ไม่กำราบ มันจะเติบใหญ่ในภายหลัง

ในภาวะ "คนไทยเลือกงาน" และมีแรงงานไม่พอในธุรกิจอุตสาหกรรม ต้องนำ "แรงงานต่างชาติ" เข้ามาทั้งถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย รวมทั้งลักลอบเข้ามา

"๒๐ ล้านคน" ไม่น่าต่ำกว่านี้!

คนไทยตอนนี้มี ๖๖ ล้านคน ในจำนวนนั้น เป็นคนสูงอายุเกือบ ๒๐%

ในขณะที่ ประชากรไทยปัจจุบัน "ตาย" มากกว่า "เกิด"

ในปี ๒๕๖๖ เด็กเกิดต่ำกว่า ๕ แสน แต่คน "ตาย" มีมากกว่า ๖ แสนคน!

ประมาณการกันว่า ในอีก ๕๐-๖๐ ข้างหน้า  ประเทศไทย จากประชากร ๖๖ ล้าน จะลดเหลือแค่ ๓๓  ล้านคน!!!

แล้วย้อนดูความเป็นจริงที่ทั้งรัฐและราษฎร์มองข้าม

ปัจจุบัน แรงงานต่างชาติในไทยไม่หนี ๒๐ ล้าน

แรงงานบางชาติ......

กำลัง ยึดถิ่น ยึดจังหวัด ยึดภาค ขยายตัวตามลักษณะสังคมไทย ที่เป็น "สังคมม้าอารี" ไปเรื่อยๆ

กระทั่้งในกรุงเทพฯ เอง บางโซน-บางเขต เป็นอาณาจักรยึดครองของแรงงานต่างชาติไปแล้ว

อยู่อาศัย "ทำงานหาเงิน" ไม่ว่า แต่นี่...ให้อาศัยแล้วเป็นงูเห่าในอ้อมอกชาวนา

ได้ไออุ่นก็ฉกกัด แผ่แม่เบี้ยไปในทางตั้งถิ่น ตั้งแก๊ง ยึดการค้า แผ่ขยายวัฒนธรรม ทั้งทางการกิน-การอยู่-การสังคม รวมทั้งด้านภาษา สถาปนาผู้ทรงอำนาจขึ้นคุมถิ่นเหนือรัฐ โดยใช้เงินฟาดกระบาลเจ้าหน้าที่ให้เอาหูไปนา-เอาตาไปไร่!

พวกนี้ ออกลูก-ออกหลาน ขยายเผ่าพันธุ์ ในประเทศไทยไปเรื่อยๆ แล้วเริ่มขยับขยายรวมกลุ่ม สร้างเงื่อนไข

ตั้งข้อเรียกร้องทวงสิทธิต่างๆ นานาที่ตัวเอง "มีไม่ได้" จากแผ่นดินที่เข้ามาขออาศัยเขาอยู่

เช่น ขอสิทธิการรักษา สิทธิเข้าโรงเรียน กระทั่งสิทธิจะชักธงชาติ ร้องเพลงชาติตัวเอง ตั้งโรงเรียนสอนภาษาตัวเองในแผ่นดินไทย

เรียกว่า "เหิมเกริม" เลยขีด "เนรคุณ"

แรกๆ ขอหลบฝนแค่หัว ค่อยๆ เขยิบคอเข้ามา จากคอถึงไหล่ และจากไหล่ กระเถิบเบียดเข้ามาในคอกทั้งตัว-ทั้งฝูง

"ไทย-ม้าอารี" จากเจ้าของคอก

ขืนปล่อยไปเรื่อยๆ ต้องถูกพวกแรงงานต่างชาติ " ยึดคอก" คือประเทศ แล้วตัวเอง ต้องออกไปยืนข้างนอก ในฐานะ "คนไร้คอก" แทนแน่

"บรรพบุรุษพม่า" ที่เคยยกทัพมาราวีหวังยึดไทย ถ้ายังมีวิญญาณล่องลอยอยู่ เห็นวันนี้ แล้วคงอายยันขี้เถ้า

"ร้อยแผน-พันแผน" ที่กูเค้นสมองหวังบุกมายึดไทย จากปี พ.ศ.๒๐๙๐ ต่อเนื่องไปจนถึงปี พ.ศ.๒๓๑๐ ยาวนานกว่า ๒ ศตวรรษ

กู "ยึดไทยไม่ได้"

แต่วันนี้ "พม่าเมืองแตก" ไร้งาน-ไร้อนาคต ในสภาพคนหนีตาย ก็มารับจ้างใช้แรงงานบ้าง เล็ดลอดหลบหนีเข้ามาบ้าง ใช้เงินฟาดกระบาลเจ้าหน้าที่เข้ามาบ้าง

อาศัยคนไทยไม่ทำงาน เลือกงาน แถมมีพรรคการเมืองบางพรรค ใช้พวกแรงงานต่างชาติเป็น "เครื่องมือปั่นกระแส"

ในด้าน "สิทธิเสรีภาพ" บ้าง ด้าน "สิทธิมนุษยชน" บ้าง เพื่อผลทางการเมืองภายในรับใช้การเมืองตะวันตกที่เป็นลิ่มคอยทิ่มตำในรอยแยก

มากันทีละร้อยคน พันคน หมื่นคน แสนคน ไม่กี่ปี พม่านับสิบๆ ล้าน กระจายแทรกซึมเข้า "ยึดเงียบประเทศไทย" จากเหนือจรดใต้ เรียบร้อยแล้ว

รอแต่สุกงอมวันไหน "ลุกฮือ" ขึ้นพร้อมกัน ประกาศหยุดงานทั่วประเทศ วันนั้น คนไทยจึงจะ "งัวเงียตื่น"

"ไทยอยู่ในกำมือ "แรงงานพม่า" เบ็ดเสร็จไปแล้วหรือ?!"

เป็นเมืองขึ้นทางแรงงานเรียบร้อย ไม่ว่าในภาคธุรกิจอุตสาหกรรมการผลิต ธุรกิจประมง ธุรกิจการเกษตร ธุรกิจ SME ธุรกิจก่อสร้าง ธุรกิจการค้า

รวมทั้งคนหุงข้าว คนซักผ้า คนเลี้ยงลูก คนปัดกวาดถูบ้าน คนพยาบาลผู้ป่วย กระทั่งคนเลี้ยงหมา-เลี้ยงแมว!

เมื่อวาน (๔ ต.ค.) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กห.บอก

วันที่ ๗ ต.ค. ประชุม ก.ตร. นายกฯ จะเป็นประธานแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่

ในความเห็นผม "พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์" อันดับ ๑ ที่คุณสมบัติครบถ้วน จะได้รับการแต่งตั้งเป็น ผบ.ตร.ตาม พ.ร.บ.ตำรวจและตามกฎ ก.ตร.

ตรงนี้ ไม่น่าห่วง แต่ถ้าผิดไปจากนี้ ตัวนายกฯ นั่นแหละที่ "น่าห่วง" ด้านคุกตะราง!

วันต่อไป คือ ๘ ตุลา. รองนายกฯ ภูมิธรรมบอก จะนำเรื่องการแต่งตั้ง "เลขาฯ สภาความมั่นคงแห่งชาติ" เข้า ครม.

"สภาความมั่นคง" ที่เรียก "สมช."

ชื่อบอกชัดเป็นหน่วยงานมีความสำคัญระดับ "ความมั่นคงของชาติ"

แต่การเมือง แปลง "สภาความมั่นคง" เป็น "ศาลาคนพักงาน" หรือ "ศาลาคนเศร้า" เอาเก้าอี้ "เลขาฯ สมช." ไปเป็น "เก้าอี้เสริม" ให้คนอกหักบ่อยครั้ง

"ลูกหม้อ สมช." ที่อยู่กับงานมั่นคงโดยตรง น้อยคนนักที่การเมืองจะให้เขาเติบโตในสายงานขึ้นมานั่งตำแหน่งเลขาฯ

แล้วคนนอก ที่มานั่ง "เก้าอี้ปลอบใจ" เคยแก้ปัญหาที่บั่นทอนความมั่นคงชาติได้ซักเรื่องมั้ย?

ไม่มีเลย......

ในขณะที่ ประเทศชาติบ้านเมืองตอนนี้ พูดได้คำเดียว "หวาดเสียว-อันตราย" สุดๆ ด้านความมั่นคง

ทั้งจากภายนอกและภายในที่พวก "นอกชาติ" ทั้งหัวดำและหัวแดง กำลังกัดกร่อนบ่อนทำลายทั้งใต้ดิน-บนดิน

เห็นพูดกันว่า รอบนี้ จะตั้ง "นายฉัตรชัย บางชวด" รองเลขาฯ สมช. ขึ้นเป็นเลขาฯ สมช.

ผมอนุโมทนาสาธุด้วย...

คุณภูมิธรรมคิดถูกแล้ว อย่าเสี่ยงเอาคนนอกสายงานมาเสียบเลย!

คุณฉัตรชัยเขาลูกหม้อ ปีที่แล้วก็ถูกเบียดไปที ปีนี้ต้องให้เขา เขาจะได้มีเวลา ๓ ปี สานงานภาคใต้ต่อเนื่องเป็นผลสำเร็จ

ขอย้ำ นับจากปีนี้ "สภาความมั่นคง" จะให้เป็นตุ๊กตาเสียกระบาลไม่ได้ "ใต้ดิน-บนดิน" ตอนนี้ มันไชกันปรุหมดแล้ว!

ทุกการสู้รบ "จะแพ้-จะชนะ" กัน ก็ตรง "ข่าวกรอง"

ของเรา การเมืองเอาสภาความมั่นคงไปเป็นกระชอนกรองกะทิ จนอ้วนเป็น "ด้วงสาคู"

"นายกฯ แพทองธาร" ต้องทำให้เห็น อยู่บ้านเป็น "ลูกเพื่อพ่อ"            

แต่อยู่ทำเนียบฯ ต้องเป็น "นายกฯ เพื่อประเทศชาติ"

เชื่อผม...แล้วจะรอด ลูกเอ๊ย!

-เปลว สีเงิน

๕ ตุลาคม ๒๕๖๗

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'แบงก์ชาติยันเกาะกูด'

ผมเห็นหัวอก "คุณกิตติรัตน์ ณ ระนอง" ด้วยใจจริง โอกาสเป็น "ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ" ของท่าน

'นพดลย้อน-คำนูณแย้ง'

ฟัง "คุณนพดล ปัทมะ" ผู้มีส่วนร่วมใน MOU 44 ไปแล้ว ประเด็นหลักที่ต้องเน้นให้เข้าใจกันตามที่คุณนพดลให้สัมภาษณ์

MOU 44 'ผูกมัดใครกันแน่?'

"MOU 44" จริงๆ แล้ว มันยังไงกัน "ใครได้-ใครเสีย?"ฟังแต่ละผู้รู้แล้ว ยังมึนซ้าย-มึนขวา เมื่อวาน อ่านบทสัมภาษณ์ "คุณนพดล ปัทมะ" อดีต รมว.ต่างประเทศ ในเว็บไซต์ "แนวหน้า"