สว. 'หนามในเนื้อ' รัฐบาล

"รีบนอน-รีบตื่น" กันแต่หัวรุ่งนะ

จะได้ทัน "คุณไพบูลย์ นิติตะวัน" อ่าน "พินัยกรรม" ตอน ๗ โมงเช้า วันนี้ (๑๐ ต.ค.๖๗)

จะได้รู้ "ท่านเจ้าคุณปู่" จะยกมรดกเวร ให้พรรคแกนนำรัฐบาลพรรคไหน?

ผมมันคน "นอนดึก-คึกตอนสาย" การจะให้ตื่นเช้า มันบ่ไหวละมังครับ!

ยิ่งไป "เช็กสภาพ" ตามรอบเมื่อวาน หมอบอก...

สภาพง่อนแง่นพอลากได้ซัก ๔-๕ ปี ก็กลัวอยู่ไม่ถึง ปี  ๗๐ ได้ชื่นชม "นายกฯ แพทองธาร" สมัย ๒

ฉะนั้น ขอนอน "ยืดอายุ" ไม่ว่ากันนะ!

"นายกฯ แพทองธาร" นี่ เห็นก็สงสาร ความตั้งใจเต็มร้อย แต่เครื่องยนต์ใหม่อยู่ระหว่าง "รัน-อิน" ขืนเร่งมากกว่านี้ ดี-ไม่ดี "เครื่องพัง"

ไปกาตาร์ ก็ได้นิกเนม "นายกฯ โพย-ไอแพด"

เมื่อวาน ไปประชุมที่ลาว ก็อีกจนได้ เห็นแฟนๆ "จับผิด-จับถูก" เขาเอามาแซวกันกระจาย

ว่า "นายกฯ โพย" อ่านแถลง "น้ำท่วมเชียงใหม่ ไหลไปลงแม่โขง"

โหยยยย...สงสารเธอบ้างเห้อะ ขึ้นชื่อว่าน้ำ มันไหลไปได้ทุกแห่งแหละ อย่าว่าจากเชียงใหม่ไปลงโขงเลย

ไม่ชาตินี้ ก็ชาติหน้า ต้องไหลไปถึง "แม่น้ำเทมส์" ด้วย จนได้ บอกไม่เชื่อ

เล่นจัดกันทุกดอก-ตอกกันทุกเม็ดอย่างนี้ เธอสลัดนวม ลอดเชือกหนีลงเวทีละก็

เมื่อ "แพทองธาร" ไม่สู้....

พ่อส่ง "พานทองแท้" มาสู้แทน ถ้ายังเกี่ยงอีก ส่ง "ไพร่เต้น" ขึ้นเป็นนายกฯ มันซะเลย

เกรงแต่ว่า "เพื่อนเต้น" จะไม่กล้าเท่านั้น

เพราะเพื่อน "ตู่-จตุพร" เล่นจ้องถามเรื่อง "เงินบริจาคม็อบตอนเผาบ้าน-เผาเมือง ๔๒ ล้าน ปี ๕๒-๕๓ ว่ามันอยู่ไหน?

"นายกฯ ไพร่เต้น" ก็จะนั่ง "กลอกหน้า-ตาเหลือก" อย่างตอนเป็น รมช.พาณิชย์ที่ถูกจี้ถามเรื่องข้าวจีทูเจี๊ยะ!

การเมืองรัฐบาล จะพูดไป ตั้งแต่เศรษฐาถึงแพทองธาร ปีกว่า "โงหัวไม่ขึ้น" อย่างนั้นจริงๆ โผล่ปุ๊บ มีเรื่องให้ทุบปั๊บ!

ในสภา ฝ่ายรัฐบาลก็คุยว่า มีกว่า ๓๐๐ เสียง แข็งกว่ากล้วยหิน

แต่ทั้งในสภา-ในทำเนียบฯ รัฐบาลเพื่อไทยเหมือนรถ "อีแต๋น-อีแต๊ก" เด่นดังตามท้องนา แต่เกะกะลูกตา ตอนเอามาวิ่งในถนน!

อย่างร่าง "พ.ร.บ.ประชามติ" ตั้ง ๓๐๐-๔๐๐ สส.ทั้งฝ่ายค้าน-ฝ่ายรัฐบาล ประโยชน์ลงตัวร่วมกัน ยกมือผ่านรวด ๓ วาระ

แต่พอถึงวุฒิสภา....
 ถูก สว.ไม่ถึง ๒๐๐ เสียง เสียบเบาๆ ก็หงายท้องตกร่องคันนาไปเลย!

ประเด็นออกเสียงประชามติ ร่างสภาผู้แทนฯ ให้ใช้เสียงข้างมาก "ชั้นเดียว" ในการออกเสียงประชามติ

สมมุติ ผู้มีสิทธิออกเสียงทั้งหมด ๕๐ ล้านคน มาออกเสียงซักแสนหรือหมื่นคน ก็ให้ถือว่าใช้ได้

และในจำนวนแสนหรือหมื่นนั้น ก็ให้ถือว่า "ประชาชนจะกี่เสียงก็ตาม ยึดเพียงว่า "ส่วนมาก" เห็นชอบ ก็ให้ใช้ได้

แต่วุฒิสภา "สว.ไม่เอาด้วย" ในประเด็นนี้ ต้องการให้ใช้ เสียงข้างมาก ๒ ชั้น

หมายถึงการออกเสียงประชามตินั้น

ผู้มีสิทธิออกเสียง ต้องมาใช้สิทธิ "มากกว่าครึ่งหนึ่ง" ของผู้มีสิทธิทั้งหมด สมมุติ ผู้มีสิทธิ ๕๐ ล้านคน

ต้องมาใช้สิทธิออกเสียงประชามติ "มากกว่า" ๒๕  ล้านคน

และในจำนวนมากกว่า "๒๕ ล้านคน" นั้น เสียงเห็นชอบต้องเป็น "เสียงข้างมาก" ของผู้ออกมาใช้สิทธิ

คือในจำนวนมากกว่า ๒๕ ล้านคน ที่ออกมาใช้สิทธิ เสียงเห็นชอบ

"ต้องมากกว่า" ๑๒.๕ ล้านคน ขึ้นไป "พ.ร.บ.ประชามติ" จึงจะถือว่า ได้รับความเห็นชอบจากประชาชน นำไปประกาศใช้ได้!

ถูก "สว.สีน้ำเงิน" เสยเข้าให้แบบนี้ สส.ที่กระหยิ่มในปริมาณมาก  เป็น สส. "บางตาเหลือก" ไปทันที

เมื่อวาน "๙ ตุลา." ร่างที่ สว.ไม่เห็นด้วย ถูกส่งคืนสภาผู้แทน ปรากฏว่า สส. "เสียงแข็ง"

ไม่ยอมปรับแก้จาก "ล็อกชั้นเดียว" ให้เป็นมาตรฐาน "ล็อก ๒ ชั้น" ตาม สว.เสนอ

ก็เลยต้องตั้ง "คณะกรรมาธิการร่วม" ระหว่าง สส.กับ สว. ใช้เวลาอีก ๖ เดือน ไปพิจารณา "ร่าง พ.ร.บ.ประชามติ" ร่วมกัน

หมายความว่า ที่รัฐบาลหวังจะลุย พ.ร.บ.นี้ให้จบในสมัยประชุมนี้ เพื่อให้ทันใช้ทำประชามติ เรื่อง "แก้รัฐธรรมนูญ"

เห็นท่าจะ "แท้ง" ซะแล้ว!

ก็ต้องให้เครดิต "๒ สว.ดีกรีเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ" ด้วยกันทั้งคู่ ที่เป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน คือ

โค้ชตั้ง "สว.พิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์" อดีตวิทยากรด้านอสังหาริมทรัพย์

และ "สว.สิทธิกร ธงยศ" วิศวกรรมโยธา อดีตเจ้าของธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง

เขาสงวนความเห็นในขั้นแปรญัตติ เมื่อปลายกันยา.   และทั้ง ๒ อภิปราย ทำให้รัฐบาล "สวรรค์ล่ม" ต้องตั้งกมธ.ร่วม ยืดไปอีกครึ่งปี!

ฟังที่ "สว.พิสิษฐ์" อภิปรายซักนิดก็ได้....

"ผมเสนอคำแปรญัตติให้ กมธ.พิจารณาแก้ไข เพราะไม่เห็นด้วย กับการแก้ไขให้มี "เสียงข้างมาก" เพียงชั้นเดียว

ที่สภาผู้แทนฯ ระบุ "ไม่แก้" เพราะกลัวประชามติไม่ผ่านนั้น หากเทียบกับการทำ "ประชามติ" รัฐธรรมนูญเมื่อปี ๒๕๕๐ และ ๒๕๖๐

พบว่าผู้ออกมาใช้สิทธิและคะแนนเสียงต่าง "ผ่านเกณฑ์เสียงข้างมาก ๒ ชั้น" ทั้งสิ้น

ดังนั้น อย่าอ้างว่า หลักการดังกล่าว จะทำให้การ "ทำประชามติ" เป็นไปได้ยาก

ส่วนที่ระบุเหตุผล "กลัวไม่ทันกับการเลือกตั้ง อบจ." เดือนกุมภา.๖๘ นั้น สามารถใช้ "พ.ร.บ.ประชามติ" ฉบับปัจจุบันได้

 “การ "แก้รัฐธรรมนูญ" ปัจจุบัน มีแต่เรื่อง "แก้จริยธรรมนักการเมือง" แต่ไม่เห็นมีประเด็น "แก้เพื่อประชาชน"

ที่บอกว่า "รัฐธรรมนูญมีปัญหา" เคยมีประชาชนเดินมาบอกหรือไม่ว่า "รัฐธรรมนูญมีปัญหาตรงไหน"?

ผมเชื่อว่า รัฐธรรมนูญนี้ มีปัญหากับ "พรรค" และ "นักการเมือง" มากกว่า”

"สว.พิสิษฐ์" อภิปรายได้ออกรสชาติมากกว่าที่ผมยกมาให้อ่านเป็นร้อยเท่า ยิ่งดูโทรทัศน์ เห็นลีลาประกอบอภิปรายของ สว.พิสิษฐ์วันนั้น

ต้องบอกว่า นี่...จุติมาเป็น "ดาวสภา" ชัดๆ!

มาฟัง "สว.นายสิทธิกร ธงยศ" อภิปรายบ้าง สะแด่วแห้วน้อยซะที่ไหน

"การแก้ไขเรื่องเกณฑ์เสียงข้างมาก ๒ ชั้น ของ กมธ.นั้นชอบธรรมและถูกต้อง และขอชื่นชม

เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งที่ตามมาจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ การแก้ไขเกณฑ์ข้างมาก ๒ ชั้น ไม่เป็นปัญหา หากได้ ๓ ชั้นยิ่งดี

ความพยายามให้การออกเสียงประชามติเป็นวันเดียวกับวันเลือกตั้ง นายก อบจ.นั้น เป็นเรื่อง "ไม่ชอบมาพากล"                 เพราะขณะนี้ มีพรรคการเมืองใหญ่ เปิดตัวผู้สมัครนายก อบจ.แล้ว ๗๐-๘๐% หาก สว.ผ่านให้ทำประชามติวันดังกล่าว

จะกลายเป็น "เครื่องมือของนักการเมือง" ทันที

 “คนแก่ที่จะเลือก ต้องปรึกษาหัวคะแนน ใบแรก "เลือกตั้งนายก อบจ."

ใบสอง คือแก้เรื่องอะไร "ต้องถามหัวคะแนน" เป็นเรื่องที่แอบแฝง

ทั้งนี้ ไม่ต้องห่วงค่าใช้จ่าย หรือเป็นภาระสังคม อันอื่นเสียได้ ตอนนั้น จำนำข้าวเสียหาย ๗ แสนล้าน ว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย

กับการทำประชามติ "กฎหมายแม่บท" ต้องทำให้ปลอดจากการครอบงำของพรรคการเมือง

ขอให้เป็นวันใหม่ เป็นวันขึ้นปีใหม่ หรือวันสงกรานต์ เพราะประชาชนกลับบ้านมากกว่าเลือกนายก อบจ. อย่าให้พรรคการเมืองครอบงำ มันมีประโยชน์ทับซ้อน”

"ในการถาม "คำถามประชามติ" หาก สว.ผ่านไป ไม่รู้เขาจะตั้งคำถามอะไร หลีกไม่พ้นกับการจัดตั้ง "มีระบบอุปถัมภ์" ที่ไทยหลีกเลี่ยงไม่ได้

จะทำให้ได้รัฐธรรมนูญที่ "ไม่มีคุณภาพ" เป็นเครื่องมือของนักการเมือง

ผมเห็นควรว่า สว.ต้องตระหนักในประเด็นดังกล่าว  เพราะเป็นผลประโยชน์ทางซ้อน ซึ่งเราหลงเกมนักการเมือง เขาจะกินหัวเรา"

นี่แหละ การอภิปรายของ ๒ สว. ทำให้ที่ประชุม ๑๖๒  เสียง "เห็นชอบ" ตาม กมธ.เสียงข้างมากแก้ไข

นำสู่การตั้ง "กมธ.ร่วม ๒ สภา" ยืดเวลาไปอีกครึ่งปี

ฝันรัฐบาลที่จะทำประชามติสู่การ "แก้รัฐธรรมนูญ" เปิดประตู "ตั้ง ส.ส.ร." เขียนใหม่ทั้งฉบับ ให้ทันใช้เลือกตั้งปี ๒๕๗๐

น่าจะ far away ซะแล้ว!

กุหลาบงาม "ซ่อนเสน่ห์" ในกลีบซ้อน ฉันใด

"พรรคร่วม" น่าเกรงขาม เพราะ "ซ่อนหนาม" ในกิ่งงามร่วมกอ ฉันนั้น

-เปลว สีเงิน

๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๗

 

คนปลายซอย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'Grab rider ต้วง'

ดู "นาฬิกากรรม" แล้ว ก็อยากบอกว่า.... ช่วงนี้ ใครมีธุระอะไร ก็ไปทำซะให้เสร็จ ยังพอมีเวลา