บันทึกหน้า 4

งานนี้ต้องเรียกว่า “ปรากฏการณ์ดิไอคอน” ได้สร้างผลสะเทือนนอกจากบรรดา “บอส” และดารา นักร้อง นักแสดงและพิธีกรทั้งหลายแล้ว ล่าสุดยังลุกลามไปยังแวดวงการเมืองอีกต่างหาก โดยเฉพาะที่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับพรรคพลังประชารัฐของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งก็ต้องบอกว่าปีนี้เป็นปีชงของพรรคอย่างแท้จริง เรียกว่าเรื่องฉาวและปัญหามีไม่รู้จักจบสิ้น แต่เชื่อหัวไอ้เรืองเถอะ “ลุงป้อม” นั้นก็เข้าตำราทหารแก่ไม่มีวันตายนั่นแล ที่สำคัญความเขี้ยวลากดินในสนามการเมืองก็ไม่ใช่ละอ่อนเหมือนนายกฯ สืบสันดาน แน่นอน...๐

“ดิไอคอน” นอกจากจะลามไปถึงนักการเมืองแล้ว ยังลามไปถึงสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคด้วย เพราะล่าสุด “ประเสริฐ จันทรรวงทอง” รองนายกฯ และ รมว.ดิจิทัลฯ ได้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีมีเจ้าหน้าที่ สคบ.มาเอี่ยวแล้ว

แหม! อันนี้ก็เรียกว่ากระชับฉับไว แต่สังคมก็มึนงงว่า แล้ว “รมต.น้ำ” จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกฯ ทำไมไม่ลงนามแต่งตั้งเอง หรือต้องให้รองนายกฯ เซ็นคำสั่งมันถึงจะขลังกันจ๊ะ...๐

เมื่อพูดถึง “สคบ.” แล้ว ชาวบ้านแถวมีนบุรีก็ฝากมาถึง “รมต.จิราพร” ให้ลงมาช่วยดูความเดือดร้อนจากกรณี “ขสมก.” ปรับเปลี่ยนเส้นทางรถสาย 514 กันบ้าง โดยเฉพาะในช่วงขากลับเข้าอู่ที่ปรับเปลี่ยนไปเอาสะดวกคนขับ แต่ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน เพราะดูเหมือน “คมนาคม” ในบังเหียนของ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม มัวแต่ปั้นฝันเรื่องค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย ตามบัญชาของ “แพทองธาร ชินวัตร” อยู่ ชาวมีนบุรีเลยต้องหันมาพึ่ง “รมต.น้ำ” แทนที่ เพราะเลิกหวัง สส.ในพื้นที่กันไปแล้ว...๐

พูดถึง “ดิไอคอน” แล้ว ข้อเสนอของ “ธนกร วังบุญคงชนะ” สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติน่าสนใจอย่างยิ่ง ที่ฝากการบ้านให้รัฐบาลใช้ช่วงจังหวะเวลานี้เข้ามาปัดกวาดธุรกิจขายตรงกันอย่างจริงจังเสียที เพราะไม่อย่างนั้นก็จะมี “ดิไอคอน 2” หรือ “ดิไอคอน 3” มาต่อเนื่อง ที่สำคัญ “สส.แด๊ก” ยังเสนอให้ “กรมสรรพากร” เข้ามาสำรวจตรวจสอบเรื่องภาษีกันด้วย เพราะหากร่ำรวยและมีเงินสะพัดกันระดับหลายร้อยหลายพันล้านบาทนั้น มีการจ่ายเงินภาษีเข้าประเทศอย่างถูกต้องมากน้อยเพียงใด ซึ่ง ไม่เฉพาะบรรดาบอสทั้งหลาย แต่น่าจะรวมถึง “ดารา” และ “เซเลบ” ก็น่าจะถึงคราวที่ “กุลยา ตันติเตมิท” อธิบดีหญิงคนแรกของกรมสรรพากร จะต้องเข้ามาดูแลหน่อย เพราะก็เห็นๆ กันทั้งในโลกจริงและโลกโซเชียล ว่าบรรดาคนสาธารณะเหล่านี้กินหรูอยู่แพงกันขนาดไหน...๐

หันกลับมานับถอยหลังในคดีตากใบที่จะหมดอายุความในวันที่ 25 ตุลาคมกันบ้าง โดยเฉพาะ ตัวละครหลักอย่าง “พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี” อดีตแม่ทัพภาค 4 และวันนี้กลายเป็นอดีต สส.พรรคเพื่อไทยไปแล้ว เพราะได้ลาออกเมื่อวันหยุดชดเชย 14 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งต้องบอกว่า “พรรคเพื่อไทย” นอกจากขยันทำงานวันหยุดกันแล้ว ก็น่าจะ จ้างเหมาบริษัทที่ฉีดยาฆ่าเชื้อโรคหรือฉีดแอลกอฮอล์มาฉีดทั่วพรรคเหมือนช่วงโควิดหน่อย เพราะดูเหมือน “ไวรัสป่วย” หลบหนีคดีนั้นจะตามติดพรรคมาอย่างต่อเนื่อง ไล่มาตั้งแต่ “โทนี่ วู้ดซัม” ที่นอนชั้น 14 รพ.ตำรวจ หลังเข้าคุกเข้าตะรางจนออกมา และล่าสุดก็ “พล.อ.พิศาล” ที่ป่วยขึ้นมาทันทีหลังศาลจังหวัดนราธิวาสออกหมายจับ ก็เหมือนอย่างที่ “เทพไท เสนพงศ์” อดีต สส.นครศรีธรรมราช วิเคราะห์ไว้นั้นแลว่า “คดีตากใบเกิดในยุคพ่อทักษิณ แต่มาจบในยุคลูกแพทองธาร” โดยยังคงวัฒนธรรมและสันดานไม่เคยเปลี่ยนแปลง นั่นคือ “คนผิดก็ลอยนวล” อยู่วันยังค่ำ...๐

พูดถึง “แพทองธาร” แล้วไม่เอ่ยถึงการไปคิกออฟโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจก็ไม่ได้ เพราะงานนี้เล่นเอานักเศรษฐศาสตร์และนักธุรกิจถึงกับมึนหัวตึ้บว่า มันใช้คำว่า “โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ” ได้ตรงไหน เพราะแต่ละมาตรการที่อ่านตามโพยออกมานั้น ไม่ว่าจะเป็นการลดค่าเช่าร้านแผง และพื้นที่ของหน่วยราชการและเอกชน, การเพิ่มพื้นที่ขายให้กับผู้ประกอบการรายเล็ก และการจับมือกับผู้ผลิตและผู้ค้าส่งรายใหญ่เพื่อลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภค และจัดงานมหกรรมลดราคาสินค้านั้น ก็ ต้องบอกว่าแทบจะเป็นงานรูทีนของกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานต่างๆ อยู่แล้ว ถ้าแบบนี้เรียกว่ากระตุ้นเศรษฐกิจ ก็ต้องบอกว่า “เศรษฐศาสตร์ 101” ต้องรื้อระบบการเรียนการสอนใหม่กันแล้วจ้านายกฯ อิ๊งค์...๐.

 

ท.ศักดิ์

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

น้ำลด การเมืองผุด! หลังเพลาไปช่วงมหาวิปโยคใต้ เวลานี้กลับมาร้อนฉ่าอีกรอบ ช่วงเย็นพุธที่ผ่านมา คล้อยหลัง "นายกฯ อนุทิน" แถลงโชว์ถอนรากสแกมเมอร์เขมรยึดทรัพย์หมื่นล้าน

บันทึกหน้า 4

ต้องยอมรับว่าแม้ “มหาอุทกภัยในภาคใต้” เริ่มคลี่คลายเข้าสู่จุดการเยียวยา-ฟื้นฟูแล้วก็ตามที แต่ยอดผู้เสียชีวิตและความเสียหายก็ยังไม่นิ่งเสียทีเดียว แต่อย่างไรยอดผู้เสียชีวิตก็คงไม่ถึงพันศพตามที่ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” อดีต รอง ผบ.ตร. วาดหวังแน่ๆ แล้ว

บันทึกหน้า 4

หลังวิกฤตน้ำท่วม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คลี่คลาย น้ำตาก็ท่วมเมือง เมื่อชาวหาดใหญ่เห็นสภาพบ้านเรือนของตัวเองกลายเป็นซากปรักหักพัง ทรัพย์สินที่สร้างมาพังพาบไปกับกระแสน้ำแทบสิ้นเนื้อประดาตัว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมความร่วมมือ “รวมใจไทย ฟื้นแดนใต้” ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นแกนกลางในการประสานงานร่วมกับภาคเอกชนและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

ภายใต้วิกฤตหาดใหญ่ครั้งนี้ ผู้นำรัฐบาลอย่าง อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ถูกเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบ แม้ต้นตอของปัญหาไม่ได้มาจากเขาคนเดียว

บันทึกหน้า 4

ขึ้นต้นเดือนสุดท้ายของปี บรรยากาศสังคมไทยยังคงซึมๆ เศร้าๆ อยู่กับเหตุและเภทภัยที่พี่น้องชาวใต้กำลังเผชิญ "น้ำลดตอผุด" ถูกขุดขึ้นมาเป็นรายวัน เหมือนมีใครบางคนกำลังช่วงชิงสถานการณ์หวัง "ตีกิน" สร้างดรามา แต่งคอนเทนต์ไล่ล่าเอาคะแนนนิยมคืนจากรัฐบาลที่นำโดยพรรคภูมิใจไทย

บันทึกหน้า 4

น้ำใจไทยไม่เคยเหือดแห้ง ถนนทุกสายจากทั่วประเทศมุ่งสู่ใต้ โดยเฉพาะ "มหาวิปโยคหาดใหญ่" ไม่ใช่แค่ทั้งเมืองจมบาดาล ทรัพย์สินเสียหาย แต่รวมถึงชีวิตที่ประเมินค่าไม่ได้ ซึ่งมีการอัปเดตตัวเลขช่วงเย็น 27 พ.ย.