
ต้องเรียกว่า “พุธพิพากษา” ของแท้ โดยเฉพาะศาลอาญาที่ได้อ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 และมารดาผู้เสียชีวิตร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้อง “สรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์” หรือ “แอม ไซยาไนด์” อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นคดีที่ทำให้ “ยาพิษ” อย่าง “ไซยาไนด์” โด่งดังทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างมาก โดยศาลได้ลงดาบบทหนักสุดพิพากษาประหารชีวิต ส่วน “พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์” อดีตสามีและอดีตรอง ผกก.สภ.สวนผึ้ง จำเลยที่ 2 และ “ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์” หรือทนายพัช จำเลยที่ 3 จำคุกคนละ 2 ปี แต่ “พ.ต.ท.วิฑูรย์” ให้การเป็นประโยชน์ลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุก 1 ปี 4 เดือน ...๐
ส่วนอีกคดีหนึ่งที่น่าสนใจ แม้จะไม่เป็น “ทอล์กออฟเดอะทาวน์” เหมือนคดีแรกก็ตามที แต่ก็น่าสนใจ เมื่อ “ศาลอาญา” อ่านคำพิพากษาคดีดำ อ.308/2564 ที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.) เป็นโจทก์ฟ้อง “ณฐพร โตประยูร” อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นจำเลยในความผิดฐานแจ้งความเท็จและหมิ่นประมาท พร้อมเรียกค่าเสียหาย 20,062,475 บาท ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจคือ ในคำพิพากษาที่ระบุว่า “พยานหลักฐานโจทก์เท่าที่นำสืบมาว่า ก็ยังไม่มีข้อเท็จจริงให้เห็นว่า โจทก์ยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขแต่อย่างใด” ก่อนที่จะยกคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 1/2563 ก่อนจะยกฟ้อง ต้องบอกว่าแม้จะสั้น แต่เป็นการตอกและย้ำพฤติกรรมของ “ส้ม” แบบปอกเปลือกเห็นเส้นใยกันเลยทีเดียว …๐
หันมาดูมหากาพย์ “ดิไอคอน” กันบ้าง เพราะ ล่าสุด “ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์” ผู้อำนวยการกองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือกองคดีฮั้วประมูล ในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ก็แถลงขีดเส้น 3 ธ.ค. สรุปสำนวน 18 บอสดิไอคอนส่งอัยการล็อตแรก แล้ว ในขณะที่ “เทวดา” ของสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) นั้น ก็ยังยื้อเวลาไร้ข้อสรุปต่อไป จึงไม่แปลกที่ “แทนคุณ จิตต์อิสระ” ประธานชมรมสันติประชาธรรมตั้งข้อสังเกต สคบ.ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ และอาจกลายเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา ...๐
เล่นเอา “จิราพร สินธุไพร” รมต.ประจำสำนักนายกฯ ที่นั่งประธานการประชุมคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ครั้งที่ 6/2567 บอกว่า ภารกิจจะฟื้นฟู สคบ. และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน โดยเฉพาะผู้บริโภค แหม! งานแรกของ สคบ.ที่รัฐมนตรีน้ำน่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคได้นั้นก็คือ การตรวจสอบการขายตรงสารพัด รวมถึงการโฆษณาของบรรดา “พระเจ้าจอร์จ มันยอดมาก” รวมถึงสิ่งที่บรรดาเซเลบนักร้อง-นักแสดงใช้ชื่อเสียงขายเกลื่อนเมืองนั่นแล ...๐
พลิกกลับด้านมาดูในเรื่อง “การเมือง” ว่าด้วยกฎหมายประชามติกันบ้าง เพราะในคณะกรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติระหว่าง สส.และ สว.นั้น สุดท้ายสภาสูงหรือสภาสีน้ำเงินก็ยืนยัน แก้ไขเป็นหลักเกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้นเหมือนเดิม ซึ่งการโหวตสภาสูงก็ชนะไป งานนี้ก็เหมือนที่ “นิกร จำนง” กมธ.ร่วมฯ ที่ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมคาดการณ์ไว้ว่า สว.ไม่ยอมถอยแม้จะเสนอทางสายกลาง “เสียงข้างมากชั้นครึ่ง” ก็ตามที ซึ่ง “นิกร” ยังประเมินด้วยว่า หาก สส.และ สว.ยังยึดตามอัตตาส่วนตัว ก็บอกได้ทางเดียวว่า อาจสะเทือนไปถึงการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มีแนวโน้มเป็นหมันไปด้วย เพราะไทม์ไลน์เวลานั้นกระชั้นชิดเหลือเกิน ...๐
หันกลับมาส่องในเรื่องเศรษฐกิจกันบ้าง โดยเฉพาะการแจกเงินหมื่นเฟสสองให้ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปจำนวนไม่เกิน 4 ล้านคนนั้น ซึ่ง “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” รมช.การคลังยืนยันว่าการแจกจะไม่เกินช่วงเทศกาลตรุษจีน หรือ 29 ม.ค.2568 แน่นอน งานนี้ก็ไม่รู้จะเรียกว่า “พายุหมุนเศรษฐกิจ” ได้ไหม เพราะช่างน้อยนิดเสียกระไร แล้วที่สำคัญก็ทอดเวลาจาก “เฟสแรก” แบบข้ามปีกันเลยทีเดียว จึงไม่แปลกใจที่ใครต่อใครมักสอบถามว่า เพราะกระเป๋ารัฐฉีกหรือไม่ จึงทำให้ยื้อเวลาการจ่ายขนาดนั้น ซึ่ง รัฐบาลและบรรดารัฐมนตรีต่างยืนยันเงินมีเต็มเป๋าพร้อมแจก แต่ชาวบ้านก็ยังสงสัย แล้วที่ “เผ่าภูมิ โรจนสกุล” รมช.การคลังออกมาตีปี๊บสร้างราคาว่าจะแจกคนที่มีอายุ 50 ปีนั้น เพื่ออะไรเล่า หรือเพราะเงินไม่พอ แล้วที่ชาวบ้านยังกังขาอย่างมากอีกเรื่องหนึ่งก็คือ แอปพลิเคชันที่ “ดีอี” กำลังดำเนินการอยู่เมื่อไหร่จะเสร็จสิ้น แล้วใช้งบประมาณไปเท่าใด ซึ่งจนป่านนี้ก็ยังไม่เคยบอกแพลมแม้แต่นิดเดียวเลย ...๐
ท.ศักดิ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
น้ำลด การเมืองผุด! หลังเพลาไปช่วงมหาวิปโยคใต้ เวลานี้กลับมาร้อนฉ่าอีกรอบ ช่วงเย็นพุธที่ผ่านมา คล้อยหลัง "นายกฯ อนุทิน" แถลงโชว์ถอนรากสแกมเมอร์เขมรยึดทรัพย์หมื่นล้าน
บันทึกหน้า 4
ต้องยอมรับว่าแม้ “มหาอุทกภัยในภาคใต้” เริ่มคลี่คลายเข้าสู่จุดการเยียวยา-ฟื้นฟูแล้วก็ตามที แต่ยอดผู้เสียชีวิตและความเสียหายก็ยังไม่นิ่งเสียทีเดียว แต่อย่างไรยอดผู้เสียชีวิตก็คงไม่ถึงพันศพตามที่ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” อดีต รอง ผบ.ตร. วาดหวังแน่ๆ แล้ว
บันทึกหน้า 4
หลังวิกฤตน้ำท่วม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คลี่คลาย น้ำตาก็ท่วมเมือง เมื่อชาวหาดใหญ่เห็นสภาพบ้านเรือนของตัวเองกลายเป็นซากปรักหักพัง ทรัพย์สินที่สร้างมาพังพาบไปกับกระแสน้ำแทบสิ้นเนื้อประดาตัว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมความร่วมมือ “รวมใจไทย ฟื้นแดนใต้” ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นแกนกลางในการประสานงานร่วมกับภาคเอกชนและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
ภายใต้วิกฤตหาดใหญ่ครั้งนี้ ผู้นำรัฐบาลอย่าง อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ถูกเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบ แม้ต้นตอของปัญหาไม่ได้มาจากเขาคนเดียว
บันทึกหน้า 4
ขึ้นต้นเดือนสุดท้ายของปี บรรยากาศสังคมไทยยังคงซึมๆ เศร้าๆ อยู่กับเหตุและเภทภัยที่พี่น้องชาวใต้กำลังเผชิญ "น้ำลดตอผุด" ถูกขุดขึ้นมาเป็นรายวัน เหมือนมีใครบางคนกำลังช่วงชิงสถานการณ์หวัง "ตีกิน" สร้างดรามา แต่งคอนเทนต์ไล่ล่าเอาคะแนนนิยมคืนจากรัฐบาลที่นำโดยพรรคภูมิใจไทย
บันทึกหน้า 4
น้ำใจไทยไม่เคยเหือดแห้ง ถนนทุกสายจากทั่วประเทศมุ่งสู่ใต้ โดยเฉพาะ "มหาวิปโยคหาดใหญ่" ไม่ใช่แค่ทั้งเมืองจมบาดาล ทรัพย์สินเสียหาย แต่รวมถึงชีวิตที่ประเมินค่าไม่ได้ ซึ่งมีการอัปเดตตัวเลขช่วงเย็น 27 พ.ย.


