
ต้องบอกว่า หลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติตั้งคณะกรรมการไต่สวนเต็มคณะข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ 12 รายในการอุ้มสม “ทักษิณ ชินวัตร” พ่อนายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” ไปรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจจนครบ 180 วันแบบไม่ต้องนอนคุกนอนตะรางแม้แต่วันเดียว สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในแวดวงผู้ต้องขังอย่างไม่เคยมีมาก่อนก็ว่าได้ รวมทั้งยังสร้างแรงกระเพื่อมทางการเมืองอย่างยิ่ง ...๐
ยิ่งน่าสนใจเข้าอีก เมื่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาคำร้องของ “คงเดชา ชัยรัตน์” ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยในประเด็นนี้เช่นกัน แต่ต้องเรียกว่า “ลางไม่ดี” มาแต่ไก่โห่แล้ว เมื่อตุลาการมีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้องไว้พิจารณา โดยให้เหตุผลว่า “ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานอื่นที่ชัดเจนเพียงพอ และยังห่างไกลเกินกว่าเหตุ” งานนี้ “หวย” เลยต้องไปออกที่ ป.ป.ช.เป็นหลัก ...๐
งานนี้เราจึงได้เห็น พลพรรคที่เคยต่อสู้กับระบอบทักษิณมาอย่างยาวนานจากหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น “พธม.-กปปส.-คปท.” รวมถึง “จตุพร พรหมพันธุ์” วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ต่างมารวมตัวกันที่ ป.ป.ช. โดยได้มาให้กำลังใจ พร้อมทั้งยื่นหนังสือเรียกร้องในเรื่องดังกล่าวด้วย ซึ่ง “จตุพร” เองก็ยอมรับว่ายังไม่ไว้วางใจในการทำงานของ ป.ป.ช. ไม่ต่างจาก “ณฐพร โตประยูร” อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดินที่บอกเช่นกันว่า หลายคดีในชั้น ป.ป.ช.ที่มีนักการเมืองดังๆ หลุดคดีเกือบหมด พร้อมตั้งข้อสังเกตให้น่าติดตามว่า คดีชั้น 14 น่าจะใช้เวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี!!! และที่เจ็บช้ำมากที่สุดคือ เมื่อ ป.ป.ช.มีมติยกคำร้องคดีก็ยุติโดยไม่มีอุทธรณ์ ฎีกาด้วย ...๐
แต่ที่ไม่แปลกใจแต่ประการใดคือท่าทีของพลพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะ “ชัยชนะ เดชเดโช” สส.นครศรีธรรมราช ที่รั้งเก้าอี้ประธานคณะกรรมาธิการการตำรวจ ที่บอกถึงเรื่องนี้แบบเสียงดังฟังชัดว่า “คุณทักษิณคงไม่ผิด แต่คนที่ผิดคือผู้ที่ร่วมขบวนการ คุณทักษิณเป็นผู้ที่ได้รับผลจากการกระทำในเรื่องนี้” พระเจ้าจอร์จ! งานนี้จึงไม่แปลกใจที่ในการเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราชจึงเสร็จพรรคภูมิใจไทยไป ...๐
พูดถึงศาลรัฐธรรมนูญไปแล้ว ไม่เอ่ยถึงอีกคดีที่ตุลาการได้มีการพิจารณาไม่ได้ เพราะคดีแรกเป็นเรื่องของพ่อ แต่ในคดีต่อมาเป็นคดีของลูก ซึ่งเป็นคดีที่ “สนธิญา สวัสดี” ร้องให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ว่า “แพทองธาร ชินวัตร” ทำนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตไม่ตรงปกในการหาเสียง ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญก็มีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้องไว้พิจารณาเนื่องจากผู้ร้องไม่ได้ถูกละเมิดสิทธิและเสรีภาพ และได้รับความเดือดร้อน หรือเสียหายจากการถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพโดยตรง ...๐
นอกจากเรื่องป่วยทิพย์ชั้น 14 แล้ว ดูเหมือนเรื่อง “อันวาร์ อิบราฮิม” นายกฯ มาเลเซียตั้ง “พ่อนายกฯ ไทย” เป็นที่ปรึกษาประธานธานอาเซียนที่มาเลย์จะขึ้นรั้งเก้าอี้ในปี 2568 นั้น ก็สร้างความสะเทือนและน่าคิดน่าติดตามกันอย่างมาก โดย “จตุพร พรหมพันธุ์” ซึ่งเป็นผู้รู้เช่นเห็นชาติ “พี่โทนี่” ก็บอกไว้น่าสนใจในเรื่องดังกล่าว โดยบอกให้จับตาหลังวันที่ 3 ม.ค.2568 พ่อนายกฯ อาจอ้างเหตุเรื่องดังกล่าวขออนุญาตศาลออกนอกประเทศก็เป็นได้ เพราะยามนี้เจ้าตัวมีชนักติดหลังในคดีมาตรา 112 อยู่ ซึ่งศาลไม่เคยอนุญาตให้ออกไป แต่เมื่อมีหัวโขนที่ปรึกษานายกฯ มาเลเซียขึ้น เรียกว่ามีเหตุอ้างความชอบธรรมขึ้นมา ส่วนเรื่อง “ไฟใต้” นั้นไม่ต้องไปหวังกับ “พี่โทนี่” หรอก เพราะเป็นผู้จุดชนวนว่าด้วยโจรกระจอก และยังไม่รวมถึงคดีตากใบที่หลังหมดอายุความก็กลายเป็นอดีตไปแล้ว ซึ่ง คนอย่าง “โทนี่” ที่คิดว่าเป็นคนถูกต้องเสมอและถูกกลั่นแกล้งนั้น ก็ย่อมไม่ยี่หระในเรื่องที่ไม่ได้ผลประโยชน์แน่นอน ...๐
หันมาดูเรื่องเศรษฐกิจกันบ้าง หลัง “พิชัย ชุณหวชิร” รองนายกฯ และ รมว.การคลังออกมาตีปลาหน้าไซ โดยหวังว่าการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะหั่นดอกเบี้ยลง 0.25% แต่สุดท้ายที่ประชุม กนง. มีมติเอกฉันท์คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.25% ต่อปีตามเดิม ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมขุนคลังในการเรียกร้องแต่ประการใด ...๐
ทิ้งท้ายด้วยข่าวดีในแวดวงบันเทิงกันบ้าง เมื่อ “หลานม่า” ภาพยนตร์โดย GDH ที่เด็กรุ่นใหม่ใจสีส้มรังเกียจเดียดฉันท์เป็นอย่างมาก สร้างประวัติศาสตร์สุดยิ่งใหญ่ เข้ารอบออสการ์ 15 เรื่องสุดท้าย ซึ่งยังต้องลุ้นกันอีกในวันที่ 17 ม.ค.2568 ว่า “หลานม่า” จะทำสถิติลุ้นเป็น 1 ใน 5 เรื่องรอบสุดท้ายด้วยหรือไม่ ก็ได้แต่ส่งกำลังใจและภาวนาให้หนังไทยติดอันดับโลกกันบ้างแล้ว ...๐
ท.ศักดิ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
น้ำลด การเมืองผุด! หลังเพลาไปช่วงมหาวิปโยคใต้ เวลานี้กลับมาร้อนฉ่าอีกรอบ ช่วงเย็นพุธที่ผ่านมา คล้อยหลัง "นายกฯ อนุทิน" แถลงโชว์ถอนรากสแกมเมอร์เขมรยึดทรัพย์หมื่นล้าน
บันทึกหน้า 4
ต้องยอมรับว่าแม้ “มหาอุทกภัยในภาคใต้” เริ่มคลี่คลายเข้าสู่จุดการเยียวยา-ฟื้นฟูแล้วก็ตามที แต่ยอดผู้เสียชีวิตและความเสียหายก็ยังไม่นิ่งเสียทีเดียว แต่อย่างไรยอดผู้เสียชีวิตก็คงไม่ถึงพันศพตามที่ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” อดีต รอง ผบ.ตร. วาดหวังแน่ๆ แล้ว
บันทึกหน้า 4
หลังวิกฤตน้ำท่วม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คลี่คลาย น้ำตาก็ท่วมเมือง เมื่อชาวหาดใหญ่เห็นสภาพบ้านเรือนของตัวเองกลายเป็นซากปรักหักพัง ทรัพย์สินที่สร้างมาพังพาบไปกับกระแสน้ำแทบสิ้นเนื้อประดาตัว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมความร่วมมือ “รวมใจไทย ฟื้นแดนใต้” ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นแกนกลางในการประสานงานร่วมกับภาคเอกชนและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
ภายใต้วิกฤตหาดใหญ่ครั้งนี้ ผู้นำรัฐบาลอย่าง อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ถูกเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบ แม้ต้นตอของปัญหาไม่ได้มาจากเขาคนเดียว
บันทึกหน้า 4
ขึ้นต้นเดือนสุดท้ายของปี บรรยากาศสังคมไทยยังคงซึมๆ เศร้าๆ อยู่กับเหตุและเภทภัยที่พี่น้องชาวใต้กำลังเผชิญ "น้ำลดตอผุด" ถูกขุดขึ้นมาเป็นรายวัน เหมือนมีใครบางคนกำลังช่วงชิงสถานการณ์หวัง "ตีกิน" สร้างดรามา แต่งคอนเทนต์ไล่ล่าเอาคะแนนนิยมคืนจากรัฐบาลที่นำโดยพรรคภูมิใจไทย
บันทึกหน้า 4
น้ำใจไทยไม่เคยเหือดแห้ง ถนนทุกสายจากทั่วประเทศมุ่งสู่ใต้ โดยเฉพาะ "มหาวิปโยคหาดใหญ่" ไม่ใช่แค่ทั้งเมืองจมบาดาล ทรัพย์สินเสียหาย แต่รวมถึงชีวิตที่ประเมินค่าไม่ได้ ซึ่งมีการอัปเดตตัวเลขช่วงเย็น 27 พ.ย.


