บันทึกหน้า 4

ต้องยกนิ้วให้ “โทนี่ วู้ดซัม” เสียจริงๆ เพราะขยับปากแต่ละทีนอกจากสร้างความฮือฮาให้สังคมแล้ว ยัง สร้างภาระให้กับลูกสาวอย่าง “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีอีกด้วย โดยล่าสุดก็ในการไปหาเสียงให้ “สลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช” ศรีภรรยา “ยงยุทธ ติยะไพรัช” ที่จะลงชิงเก้าอี้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือ อบจ.เชียงราย เมื่อวันที่ 5 ม.ค.นั่นแล ...๐

แม้ “พ่อนายกฯ” จะขึ้นถึง 3 เวที แต่ดูเหมือน เวทีแรกที่โรงเรียนปล้องวิทยาคม จ.เชียงราย ก็เรียกว่าสร้างดรามากระหึ่มแล้ว โดยเฉพาะเรื่องเหยียดผิว เหยียดเชื้อชาติ แม้ “นายกฯ อิ๊งค์” จะพยายามเอาสีข้างเข้าถูแบบข้างๆ คูๆ ว่าไม่ได้เหยียดคนก็ตามที แต่จริงๆ แล้วคำพูดของพ่อนายกฯ อีกประเด็นหนึ่งก็น่าสนใจไม่แพ้กัน

ในท่อนที่ว่า “ผมไปถามคนในครอบครัวว่าใครจะอาสาเป็นนายกฯ นายกฯ อิ๊งค์ลูกคนเล็กก็อาสาเพื่อจะเสียสละทำงานให้บ้านเมือง ที่ผ่านมามีคนไปกระท่อนกระแท่นว่า น.ส.แพทองธารมีเครื่องแต่งตัวเยอะ เพราะนายกฯ อิ๊งค์เป็นลูกคนสุดท้อง ผมเป็นคนหลงลูกสาว ผมจึงซื้อของแต่งตัวให้เยอะ มีอะไรก็ซื้อให้หมด ก็เลยมีของเยอะ เพราะพ่อซื้อให้เอาใจแล้วปีนี้เลยต้องใช้งาน” ...๐

งานนี้ไม่รู้ว่า “อิทธิพร บุญประคอง” ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ให้สัมภาษณ์ว่า คำหาเสียงของ “ทักษิณ” ดูหมิ่นเหม่ผิดกฎหมาย เพราะมีการพูดถึงนโยบายของรัฐบาล ไม่ใช่นโยบายของท้องถิ่นนั้น ก็น่าจะนำวลีนี้ไปรวมกับสำนวนว่าด้วยการ “ครอบงำพรรค” ได้ เพราะเจ้าตัวบอกเองชัดๆ ยิ่งกว่าการครอบงำ แต่เป็นการชี้นิ้วสั่งการกันเลยทีเดียว แล้วนี่ หาก “พี่โอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร เกิดโพล่งผมอยากเป็นนายกฯ ขึ้นมาจะเกิดอะไรขึ้น ...๐

หันมาดูอาชญากรรมทางการเมืองกันบ้าง เพราะได้เกิดเหตุอุกอาจอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อมือปืนซึ่งศาลอาญาได้ออกหมายจับ “เอกลักษณ์ แพน้อย” หรือจ่าเอ็ม อดีตทหารเรือ ที่ สังหาร “ลิม กิมยา” อดีต สส.ฝ่ายค้าน ประเทศกัมพูชา ที่เกาะกลางถนน ตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร ต้องเรียกว่าใจกลางเมืองกรุงกันเลยทีเดียว ซึ่งเหตุเกิดในช่วงค่ำวันที่ 7 ม.ค. แต่ผ่านไปจวนจะครบ 24 ชั่วโมงแล้ว ยัง ไม่มีเสียงรัฐมนตรีในรัฐบาล “แพทองธาร” ออกมากล่าวมาแสดงความรับผิดชอบแต่ประการใด แม้ใครต่อใครจะรู้ว่ารัฐบาลเพื่อไทยนั้นมอง “ยูเอ็นไม่ใช่พ่อ” แต่ดูเหมือนรัฐบาลเขมรเป็นเพื่อนพ่อหรือเปล่า ...๐

เหตุการสังหารโหดกลางกรุง และเมื่อรวมกับการขายผ้าเอาหน้ารอดไปวันๆ ของรัฐบาลในการช่วยเหลือ 4 คนไทยที่ถูกจับในเมียนมา ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าเป็นการล้ำน่านน้ำหรือไม่ก็ตามที ย่อม แสดงให้เห็นถึงความอ่อนด้อยของรัฐมนตรีอย่างน้อย 2 คน คือ หนึ่งสหายอ้วน “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม เพราะดูแลเรื่องความมั่นคง ในขณะที่อีกรายคือ “มาริษ เสงี่ยมพงษ์” รมว.การต่างประเทศ ซึ่งต้องบอกว่าทำงานไม่สมราคาคุยในตำแหน่งเสียนี่กระไร หรือเพราะ 4 คนไทยนั้นไม่ใช่ลูกผู้ลากมากดี เป็นแค่ลูกตาสีตาสา เลยทำให้ “แพทองธาร-ภูมิธรรม-มาริษ” ทำแบบขอไปที ...๐

นี่ยังไม่นับรวมกรณี “หวัง ซิง” หรือซิงซิง นักแสดงชาวจีนที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกไปทำงาน โดยมีประเทศไทยเป็นทางผ่าน ซึ่งก็ต้องบอกว่าเป็นงานในหน้าที่ของ “ภูมิธรรม-มาริษ” อีกแล้ว และยิ่ง “ทักษิณ” ตีปี๊บเสียใหญ่โตทั้งการส่งกำลังเข้าไปปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้านเอย ปีนี้จะเป็นปีปราบแก๊งคอลฯ บ้าง แต่ ข้อเท็จจริงกลับประจาน “นายใหญ่” ให้หน้าเหลือไม่กี่นิ้ว นี่ยังไม่นับรวมที่ “วิทยา แก้วภราดัย” สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่ออกมาโวยกลางที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่าโดนกับตัวทั้งก่อนปีใหม่และหลังปีใหม่ นี่ขนาด “ผู้ทรงเกียรติ” ยังโดน แล้วชาวบ้านตาดำๆ จะรอดเหรอ แล้วก็อย่างที่ “วิทยา” ตั้งข้อสังเกตไว้นั่นแลว่า ทำไมเบอร์ถึงไม่จดทะเบียนได้ งานนี้ก็คงต้องฝากไปยัง “สตช.-ดีอี-กสทช.” เร่งตอบคำถามเป็นลายลักษณ์อักษรให้ สส.รทสช.ด้วย ...๐

หันมาดูเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นความเดือดเนื้อร้อนใจของนักการเมืองในสภากันบ้าง เพราะล่าสุดใน การประชุมวิป 3 ฝ่ายที่มี “วันมูหะหมัดนอร์ มะทา” ประธานรัฐสภานั่งเป็นประธาน ก็ได้เคาะวันประชุมแล้วว่า จะใช้วันที่ 13-14 ก.พ.นี้ ในการถกแถลงเรื่องดังกล่าวกัน แต่ชาวบ้านร้านช่องเขาฝากถามมาบ้างว่า ที่ พรรคประชาชนขมีขมันในเรื่องดังกล่าวทำไมไม่ขยันขอเสนอแก้ไขกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญนักการเมืองบ้างเล่า หรือเพราะตัวเองได้ผลประโยชน์ด้วย ทั้งที่เวลาแถลงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของรัฐมนตรีและนักการเมืองแต่ละทีก็รวยระดับคนธรรมดาไม่เคยฝันถึงกันทั้งนั้น แต่ทำไมยังต้องเอาเงินภาษีของคนทั้งประเทศมาใช้กันอีกเล่า ...๐

 

ท.ศักดิ์

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

น้ำลด การเมืองผุด! หลังเพลาไปช่วงมหาวิปโยคใต้ เวลานี้กลับมาร้อนฉ่าอีกรอบ ช่วงเย็นพุธที่ผ่านมา คล้อยหลัง "นายกฯ อนุทิน" แถลงโชว์ถอนรากสแกมเมอร์เขมรยึดทรัพย์หมื่นล้าน

บันทึกหน้า 4

ต้องยอมรับว่าแม้ “มหาอุทกภัยในภาคใต้” เริ่มคลี่คลายเข้าสู่จุดการเยียวยา-ฟื้นฟูแล้วก็ตามที แต่ยอดผู้เสียชีวิตและความเสียหายก็ยังไม่นิ่งเสียทีเดียว แต่อย่างไรยอดผู้เสียชีวิตก็คงไม่ถึงพันศพตามที่ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” อดีต รอง ผบ.ตร. วาดหวังแน่ๆ แล้ว

บันทึกหน้า 4

หลังวิกฤตน้ำท่วม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คลี่คลาย น้ำตาก็ท่วมเมือง เมื่อชาวหาดใหญ่เห็นสภาพบ้านเรือนของตัวเองกลายเป็นซากปรักหักพัง ทรัพย์สินที่สร้างมาพังพาบไปกับกระแสน้ำแทบสิ้นเนื้อประดาตัว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมความร่วมมือ “รวมใจไทย ฟื้นแดนใต้” ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นแกนกลางในการประสานงานร่วมกับภาคเอกชนและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

ภายใต้วิกฤตหาดใหญ่ครั้งนี้ ผู้นำรัฐบาลอย่าง อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ถูกเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบ แม้ต้นตอของปัญหาไม่ได้มาจากเขาคนเดียว

บันทึกหน้า 4

ขึ้นต้นเดือนสุดท้ายของปี บรรยากาศสังคมไทยยังคงซึมๆ เศร้าๆ อยู่กับเหตุและเภทภัยที่พี่น้องชาวใต้กำลังเผชิญ "น้ำลดตอผุด" ถูกขุดขึ้นมาเป็นรายวัน เหมือนมีใครบางคนกำลังช่วงชิงสถานการณ์หวัง "ตีกิน" สร้างดรามา แต่งคอนเทนต์ไล่ล่าเอาคะแนนนิยมคืนจากรัฐบาลที่นำโดยพรรคภูมิใจไทย

บันทึกหน้า 4

น้ำใจไทยไม่เคยเหือดแห้ง ถนนทุกสายจากทั่วประเทศมุ่งสู่ใต้ โดยเฉพาะ "มหาวิปโยคหาดใหญ่" ไม่ใช่แค่ทั้งเมืองจมบาดาล ทรัพย์สินเสียหาย แต่รวมถึงชีวิตที่ประเมินค่าไม่ได้ ซึ่งมีการอัปเดตตัวเลขช่วงเย็น 27 พ.ย.