
ว่าไปแล้ว ความแก่ มันน่าจะมีอยู่ 2 คม 2 ด้านด้วยกัน...คือมีทั้งด้านที่เป็น ประโยชน์ และด้านที่ออกจะเป็น โทษ อะไรประมาณนั้น โดยเฉพาะสำหรับด้าน สังขาร หรือเนื้อหนัง ร่างกาย อันนี้...แทบไม่ต้องเสียเวลาอธิบาย ไม่ว่าใครก็ใครคงพอมองเห็นด้านที่เป็นโทษอย่างเป็นที่ประจักษ์แจ้ง ชัดเจน ว่ามีแต่ต้องยับย่น หย่อนยาน เหี่ยวแล้ว เหี่ยวอีก แทบไม่หลงเหลือโอกาสโป๊กๆ เป๊กๆ ปึ๋งๆ ปั๋งๆ ปึ้กๆ ปั้กๆ แบบครั้งที่ยังเป็นหนุ่มๆ หรือยังอยู่ในวัย (ฉะ) กรรจ์ใดๆ ได้เลย...
ที่ยิ่งเจ็บปวด รวดร้าว เอามากๆ สำหรับบางคน บางราย อย่างเช่น อันตัวข้าพเจ้าเอง เป็นต้น ก็คือ ผมหาย!!! หรือเส้นผมที่เคยดกดำ สุดสลวยสวยงาม หนาแน่นเป็นปึ่กก์ก์ก์ๆ เมื่อไหร่เบื่อๆ จากที่เคยหวีเป๋ไปซ้าย ก็เปลี่ยนมาเป๋ขวา ไม่ก็ลองแสกกลางเล่นๆ ซะยังงั้น แต่ครั้นเมื่ออายุ-อานามเลยหลัก 4 หลัก 5 แค่ไม่กี่ปีเท่านั้นเอง เงยหน้าขึ้นมองกระจก...ก็ดันพบว่าตัวเองกลายสภาพไปเป็น Olaf Scholz แห่งเยอรมนี หรือ พิชัย นริพทะพันธุ์ บ้านเรา ตอนไหน? เมื่อไหร่? ก็มิอาจสรุปได้ ส่วนบรรดาอวัยวะส่วนอื่นๆ ก็แทบไม่ต้องเสียเวลาพูดถึง ไม่ใช่แค่เนื้อเหี่ยว หนังเหี่ยว แต่เพียงเปลือกนอก ลึกลงไปภายในไม่ว่าม้าม ตับ ปอด หัวใจ ยันไปถึงริดสีดวงทวารโน่นเลย ต่างพร้อมใจกันลดศักยภาพ ประสิทธิภาพ แม้แต่ฟันฟางแต่ละซี่ ยังออกมาป่าวประกาศว่า เหงือกจ๋า...ฟันลาก่อน ไปทีละซี่-สองซี่ เล่นเอาต้องตะลอนๆ ไปหา หมอฟัน แทบวันละ 3 เวลาหลังอาหาร ฯลฯ...
แต่สำหรับด้าน จิตใจ หัวจิต หัวใจ หรือในแง่ อารมณ์-ความรู้สึก แล้ว อะไรต่อมิอะไรที่เป็น ประโยชน์ มันก็ค่อยๆ ปรากฏให้เห็นแบบชัดขึ้นๆ แจ่มแจ้งยิ่งขึ้นไปตามลำดับ อันเนื่องมาจากการผ่านร้อน-ผ่านหนาว ผ่าน ประสบการณ์ ในแต่ละช่วงของชีวิต ที่ย่อมต้องมีทุกข์ๆ-สุขๆ ไปตามสภาพ มีทั้งความปลาบปลื้ม ยินดี โศกเศร้า เหงาหงอย ความเจ็บปวด รวดร้าว ความสนุกสนาน เพลิดเพลินเจริญใจ ฯลฯ ที่ผ่านเข้ามาแล้วก็ผ่านออกไป แบบซ้ำไป-ซ้ำมา หรือจะเรียกว่าแบบ ซ้ำๆ ซากๆ ก็คงพอได้ และยิ่งมันซ้ำไป-ซ้ำมายิ่งขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ค่อยๆ เกิดข้อสรุปอย่างมิอาจผันแปรไปเป็นอื่น ว่าสุดท้ายแล้ว...มันก็เป็นเช่นนั้นเอง-มันเป็นพรรค์นั้นแหละ!!! เป็น อิทัปปัจจยตา-ปฏิจจสมุปบาท อย่างที่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านว่าเอาไว้จริงๆ...
และเมื่ออะไรต่อมิอะไรมันค่อยๆ ชัดขึ้นๆ แจ่มแจ้งยิ่งขึ้น อันนี้นี่เอง...ที่มันย่อมส่งผลไปยัง อารมณ์-ความรู้สึก ก่อให้เกิดปฏิกิริยาบางอย่าง เกิดการลด แรงกระเพื่อม ลดการไหวไป-ไหวมา สวิงไป-สวิงมา ไปตามความพึงพอใจ-หรือไม่พึงพอใจ ที่ย่อมต้องไหลเข้ามา ปรุงแต่ง ความรู้สึกใครต่อใคร ไปในแต่ละช่วง แต่ละระยะ ตราบใดที่ยังคงมีช่อง มีประตูเปิดอ้า เอาไว้สำหรับสิ่งที่เรียก ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ดังนั้น...เมื่อแรงกระเพื่อม อันเนื่องมาจากการไหวไป-ไหวมา สวิงไป-สวิงมา มันค่อยๆ ลดๆ ลงไปตามลำดับ สิ่งที่ค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาแทนที่ เลยกลายเป็น ความนิ่ง-ความสงบ-ความเย็น อะไรทำนองนั้น อันเป็นสิ่งที่มี ประโยชน์ เอามากๆ ไม่ว่าสำหรับคนแก่-ไม่แก่ คนทุกเพศ-ทุกวัย ทุกเผ่าพันธุ์-สีผิว เพราะนอกจากมันจะเป็นตัวก่อให้เกิด สติ ที่จะช่วยสรรค์สร้าง ความมั่นคงทางอารมณ์ ขึ้นมาได้เท่านั้น มันยังกลายเป็นรากฐานที่จะทำให้สิ่งที่เรียกว่า ปัญญา อุบัติตามมาติดๆ แบบชนิดเป็นระลอกเอาเลยก็เป็นได้...
ความแก่ เลยกลายเป็นสิ่งที่เป็น ประโยชน์ มิใช่น้อย ใช่ว่าจะมีแต่ โทษ ลูกเดียวก็หาไม่!!! ดังนั้น...ปัญหาจึงขึ้นอยู่กับว่า ใคร? จะสามารถแสวงหาด้านที่เป็นประโยชน์ให้มากๆ เข้าไว้ และพยายามประคับประคองตัวเอง ไม่ให้ด้านที่เป็นโทษมันออกฤทธิ์ ออกเดช มากมายจนเกินไป แต่สำหรับผู้ที่แก่แสนแก่...แล้วดันคิดว่าตัวเองยังไม่แก่ แม้จะเหี่ยวๆ ย่นๆ หรือยับเยินซักเพียงใด อันนี้...ต้องเรียกว่าออกจะ อันตราย เอามากๆ โดยเฉพาะสำหรับ ตัวกูเอง นั่นแหละ เพราะในขณะที่ สังขาร นั้น แทบไปไม่ไหว ไม่หล่อ ไม่สวย ไม่สามารถประชันขันแข่งกับใครต่อใครได้อีกต่อไป แต่ก็ด้วยเพราะ จิตใจ หรือหัวจิต หัวใจ ที่ยังคงสั่นไหว ยังคงกระเพื่อม ไหวไป-ไหวมา ตามสิ่งที่ไหลเข้ามา ปรุงแต่ง ต่อประสาทสัมผัสคราวแล้ว คราวเล่า อย่างมิอาจปฏิเสธได้ โอกาสที่จะเกิดความนิ่ง-ความสงบ-ความเย็น เกิดสติและปัญญาตามมา ย่อมเป็นไปไม่ได้เอาเลย!!!
ด้วยเหตุนี้นี่เอง...ถึงได้เกิดรายการ พ่อมึง-แม่มึง หรือ กูรวย...ตั้งแต่มึงยังขอตังค์พ่อมึง ขึ้นมาจนได้!!! อันกลายเป็นตัวสะท้อนให้เห็นถึงด้านที่เป็น โทษ ไม่ว่าต่อ ตัวกูเอง ต่อใครๆ หรือต่ออะไร-มิอะไรไปด้วยกันทั้งนั้น เนื่องจากมันไม่ได้แสดงให้เห็นถึง สติ และ ปัญญา ใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย อันเป็นสิ่งที่จะช่วยให้สังคม บ้านเมือง ตลอดไปจนถึงทวยไทยทั้งหลายมีโอกาสอยู่รอด-ปลอดภัยได้มั่ง แม้แต่เล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดี ดังนั้น...ไม่ว่าจะเคยเก่ง-แสนเก่ง ฉลาด-แสนฉลาด หรือพยายามหวนกลับมา จงรักภักดี ไปถึงขั้นไหน แต่โอกาสที่จะสร้าง ประโยชน์ ทำประโยชน์ ให้กับชาติ-บ้านเมือง กับปวงชนชาวไทยทั้งหลาย น่าจะลำบากเอามากๆ มีแต่จะนำมาซึ่ง ปัญหา ให้กับตัวเองและผู้อื่น จนอาจกลายเป็น ปัญหาของบ้านเมือง ในท้ายที่สุดเอาเลยก็เป็นได้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ลัคนามังกรกับลีลาสำคัญของชีวิตปี2569
ในบรรดาเรื่อง บวกและลบ ที่เกิดในชีวิตได้ตลอดเวลานั้น ปี 2569 นี้ ลางจากดาวขนาดใหญ่ ที่บ่งบอก เหตุการณ์สำคัญ (ยังมีเรื่องยิบย่อยอีกมาก) ที่มีแนวโน้มจะเกิดกับท่า
ความจริงเทียมทำร้ายสังคม
การสื่อสารของสื่อสารมวลชนที่ทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าประตูข่าว เลือกข่าวที่จะนำเสนอ และปิดข่าวที่ไม่ต้องการเสนอ ทำให้สังคมรับรู้ความจริงเทียม (Pseudo-reality)
น้ำท่วม!!!...กับ'พรหมวิหาร4'
ออกจะหนักหนา-สาหัสมิใช่น้อย...สำหรับ น้ำท่วมปักษ์ใต้ คราวนี้!!! ไม่ใช่แต่เฉพาะ หาดใหญ่-สงขลา ที่แม้แต่ผู้เป็นห่วง เป็นใย ออกไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ยังอดร้องห่ม ร้องไห้
เมื่อ 'ศูนย์ฯ' กลายเป็น 'ศูนย์'
ฟังเหตุผล ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ แม่ทัพใหญ่สีกากี ถึงเรื่องที่ พล.ต.ต.ธีรศักดิ์ ไชยโยธา ผู้การสงขลา มีคำสั่งเด้ง ผู้กำกับหาดใหญ่-พ.ต.อ.ธรรมรัตน์ เพชรหนองชุม
ดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์ปี 2569 (ตอนที่2) เหตุสำคัญที่มีเกณฑ์เกิดในเมืองปี 2569
ตลอดปีเสียอะไรไปสู้ได้กลับมา-ภายใน 21 เมษายน เมืองยังมีโอกาสเสียคนหรือของรัก-ฟาดเคราะห์ให้เมืองด้วยการร่ว
เมื่อผู้ใหญ่จัญไรอัปรีย์...จะมีอะไรดีให้ลูกหลาน
ลองวิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมืองของไทยเราขณะนี้ เราก็จะเห็นว่าประเทศไทยเรากำลังตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ เพราะมีผู้ใหญ่เห็นแก่ตัว ทำตัวชั่วช้าสามานย์


