
ไม่ต้องแปลกใจแต่ประการใด เมื่อผลการสำรวจ ดัชนีรับรู้การทุจริต หรือ CPI ประจำปี 2567 ขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติจาก 180 ประเทศทั่วโลก พี่ไทยหล่นไปอยู่ที่ 107 ต่ำสุดในรอบ 12 ปี โดยไม่มีรัฐมนตรีในรัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร” ออกมาแก้ต่างแก้ตัวแต่ประการใด เพราะ เรื่องทุจริตโกงกินนั้นต้องบอกว่าเป็น “ชนักติดหลัง” ของรัฐบาลเพื่อไทยมาตั้งแต่สมัยไทยรักไทยแล้ว งานนี้เราเลยได้เห็นการเงียบเป็นเป่าสากตั้งแต่ระดับนายกรัฐมนตรีไปจนถึงโทรโข่งรัฐบาลอย่าง “จิรายุ ห่วงทรัพย์” ...๐
แต่หากพินิจพิเคราะห์ให้ดีก็ไม่น่าแปลกแต่ประการใด เพราะใน ยุค “เศรษฐา ทวีสิน” ยังเป็นนายกฯ อยู่ ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว เพราะขณะที่ “องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)” เขาจัดงานประกาศเจตนารมณ์ต้านโกง ซึ่งผู้นำทุกสมัยทั้งยุคประชาธิปไตยหรือยุครัฐประหารก็จะไปประธานอยู่เสมอ แต่ “เสี่ยนิด” กลับเลือกไปงานสัมมนางานทอล์กฟุ้งเป็นนกแก้วนกขุนทองแทน งานนี้จึงไม่แปลก แม้ “หัวเรือ” จะเปลี่ยนไป แต่เมื่อเป็นทีมงานเดิมก็เลยไม่ให้ความสนใจใส่ใจในเรื่องทุจริตคอร์รัปชัน ...๐
เชื่อว่าอีกไม่นานก็คงเป็นอย่างที่ “สมชาย แสวงการ” อดีต สว. ทำนายไว้นั่นแล ว่าหากรัฐบาลยังเดินหน้าเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หรือกาสิโน รวมทั้งพนันออนไลน์ถูกกฎหมายแล้วก็น่าจะทำให้ดัชนี CPI ของไทยอาจถูกลาวแซงหน้า และอาจถึงขั้นหล่นวูบไปเทียบชั้นกัมพูชาและเมียนมาในภูมิภาคอาเซียนก็เป็นได้ มิพักไม่ต้องไปหวังยกระดับแข่งกับมาเลเซียหรือเวียดนามให้เสียแรงเปล่าหรอก ...๐
ที่สำคัญแนวโน้มก็เป็นอย่างนั้นเสียด้วย โดยอ้างเหตุเรื่อง การท่องเที่ยวเป็น “ยาสามัญประจำบ้าน” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการตั้งกาสิโน เรื่อยมาถึงการทบทวนการงดขายเหล้าวันพระใหญ่ ดูเหมือนเรื่อง “การท่องเที่ยว” และการดึงเงินนักท่องเที่ยวจะกลายเป็นแก้วสารพัดนึกของรัฐบาลอิ๊งค์ในการแก้ปัญหา ดีนะยังไม่ไฟเขียวการค้าประเวณีเสรีตามข้อเสนอของพรรคการเมืองบางพรรค ไม่อย่างนั้นก็ ต้องเปลี่ยนประเทศไทยจากดินแดนแห่งรอยยิ้ม หรือแลนด์ออฟสมายล์ มาเป็นดินแดนแห่งโลกีย์กันแล้ว เพราะมีทั้งสุรา นารี พาชี กีฬาบัตรครบครัน ...๐
พูดถึงอบายมุขแล้วไม่เอ่ยอ้างถึงเรื่อง “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ไม่ได้ เพราะตอนนี้ตั้งแต่นโยบายซีลชายแดน รวมถึงการตัดไฟ ตัดน้ำมัน ตัดอินเทอร์เน็ตของรัฐบาล ก็มีความพยายามตีปี๊บเรื่องดังกล่าวให้เป็นผลงานชิ้นโบแดงให้ได้ แต่จนป่านนี้ก็ ยังไม่เห็นมีการจับระดับ “หัวหน้า” แก๊งไหนมาได้ซักคน แล้วที่สังคมเขาสงสัยกันอย่างมากคือ ทุกวันนี้ใครเป็น “นายกฯ” ตัวจริงในเรื่องปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์กันแน่ เพราะ “รังสิมันต์ โรม” แห่งพรรคประชาชนที่เป็นตัวตั้งตัวตีเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น เพิ่งประกาศให้รัฐบาลล่าตัว “หม่องชิตตู” ยังไม่ทันไร “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯ และ รมว.กลาโหมก็ประกาศว่าจะออกหมายจับหากมาเหยียบไทย ...๐
นี่ยังไม่นับรวมกรณีล่าสุดที่ “พรรคประชาชน” ออกมาแฉว่ามีการทุจริตซื้อยาในโรงพยาบาลทหารผ่านศึก “บิ๊กอ้วน” ก็ออกมาประกาศว่าจะไม่เอาไว้และตั้งกรรมการสอบทันควัน สรุปว่ารัฐบาลโดยเฉพาะ “ภูมิธรรม” บริหารงานตามที่พรรคประชาชนชี้แนะหรือขีดเส้นเหรอ ถ้าสังขารไม่ไหวแล้วก็น่าจะปล่อยให้คนรุ่นใหม่ในพรรคเข้ามาทำหน้าที่แทน ถอยไปอยู่เบื้องหลังเหมือนที่ “นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช” และ “นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี” ทำจะดีกว่า ไม่ต้องกลัวเสียหน้าคนตุลาฯ หรอก เพราะการได้เป็น รมว.กห.ก็ถือเป็นการตบหน้าท็อปบูตของคนเข้าป่าแล้ว ...๐
หันมาส่องเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญกันบ้าง เพราะ ล่าสุด “มงคล สุระสัจจะ” ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภาได้ทำหนังสือแจ้งต่อ “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภา ว่าทีมกฎหมายของสภาสูงมองแล้วว่าต้องทำประชามติ 3 ครั้งในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ งานนี้ก็เรียกว่าเป็น “เผือกร้อน” ของประธานวันนอร์ ที่มองว่าทำเพียง 2 ครั้ง และยังเป็นการส่งสัญญาณการประชุมในวันที่ 13-14 ก.พ.นี้ว่า สุดท้ายแล้วอาจล่มก่อนลงมติก็เป็นได้ เพราะเชื่อว่า ยังไม่ทันพิจารณาเนื้อหาสาระของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับของพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชน ก็คงต้องถกเถียงเรื่องดังกล่าวแล้ว รวมถึงเรื่องการพิจารณาของรัฐสภาว่าทำได้หรือไม่ ซึ่งสุดท้ายก็คงมีผู้เสนอให้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความนั่นแล เรียกว่า “วันนอร์” เจอพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกทั้งเรื่องรัฐธรรมนูญและคลิปเสียงที่กระหึ่มในช่วงนี้เข้าไปเต็มๆ ...๐
ท.ศักดิ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
น้ำลด การเมืองผุด! หลังเพลาไปช่วงมหาวิปโยคใต้ เวลานี้กลับมาร้อนฉ่าอีกรอบ ช่วงเย็นพุธที่ผ่านมา คล้อยหลัง "นายกฯ อนุทิน" แถลงโชว์ถอนรากสแกมเมอร์เขมรยึดทรัพย์หมื่นล้าน
บันทึกหน้า 4
ต้องยอมรับว่าแม้ “มหาอุทกภัยในภาคใต้” เริ่มคลี่คลายเข้าสู่จุดการเยียวยา-ฟื้นฟูแล้วก็ตามที แต่ยอดผู้เสียชีวิตและความเสียหายก็ยังไม่นิ่งเสียทีเดียว แต่อย่างไรยอดผู้เสียชีวิตก็คงไม่ถึงพันศพตามที่ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” อดีต รอง ผบ.ตร. วาดหวังแน่ๆ แล้ว
บันทึกหน้า 4
หลังวิกฤตน้ำท่วม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คลี่คลาย น้ำตาก็ท่วมเมือง เมื่อชาวหาดใหญ่เห็นสภาพบ้านเรือนของตัวเองกลายเป็นซากปรักหักพัง ทรัพย์สินที่สร้างมาพังพาบไปกับกระแสน้ำแทบสิ้นเนื้อประดาตัว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมความร่วมมือ “รวมใจไทย ฟื้นแดนใต้” ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นแกนกลางในการประสานงานร่วมกับภาคเอกชนและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
ภายใต้วิกฤตหาดใหญ่ครั้งนี้ ผู้นำรัฐบาลอย่าง อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ถูกเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบ แม้ต้นตอของปัญหาไม่ได้มาจากเขาคนเดียว
บันทึกหน้า 4
ขึ้นต้นเดือนสุดท้ายของปี บรรยากาศสังคมไทยยังคงซึมๆ เศร้าๆ อยู่กับเหตุและเภทภัยที่พี่น้องชาวใต้กำลังเผชิญ "น้ำลดตอผุด" ถูกขุดขึ้นมาเป็นรายวัน เหมือนมีใครบางคนกำลังช่วงชิงสถานการณ์หวัง "ตีกิน" สร้างดรามา แต่งคอนเทนต์ไล่ล่าเอาคะแนนนิยมคืนจากรัฐบาลที่นำโดยพรรคภูมิใจไทย
บันทึกหน้า 4
น้ำใจไทยไม่เคยเหือดแห้ง ถนนทุกสายจากทั่วประเทศมุ่งสู่ใต้ โดยเฉพาะ "มหาวิปโยคหาดใหญ่" ไม่ใช่แค่ทั้งเมืองจมบาดาล ทรัพย์สินเสียหาย แต่รวมถึงชีวิตที่ประเมินค่าไม่ได้ ซึ่งมีการอัปเดตตัวเลขช่วงเย็น 27 พ.ย.


