
ครั้งหนึ่งของชีวิตได้มีโอกาสขึ้นรถไฟสายสุดพิเศษที่ชื่อว่า Twilight Express Mizukaze จากเกียวโตไปโอซากา ที่อยู่ด้านตะวันตกของประเทศญี่ปุ่น
แน่นอน!! ตื่นตาตื่นใจและรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เพราะได้ยินว่า รถไฟขบวนนี้ เป็นหนึ่งในรถไฟหรูของญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามและบริการระดับพรีเมียม ถือเป็น "โรงแรมระดับ 5 ดาวบนรางรถไฟ" ที่พาผู้โดยสารเดินทางผ่านเส้นทางที่งดงามของภูมิภาคชูโกกุ (Chugoku)
ใครที่จะขึ้นรถไฟขบวนนี้ ต้องลงชื่อรอคิวกันยาวนานเป็นปีเลยทีเดียว เพราะภายในขบวนนี้สามารถรับผู้โดยสารได้แค่ 34 คนต่อครั้งเท่านั้น และแต่ละครั้งผู้โดยสารก็ต้องพักนอนบนรถไฟอย่างน้อย 1 คืน แต่ส่วนใหญ่ถ้าจองกันได้ ก็มักจะใช้บริการเต็มอัตราคือ 3 วัน 2 คืน
ทุกอย่างภายในรถไฟพิเศษสมราคาค่ะ อาหาร 3 มื้อ มิชลิน 3 ดาวทั้งสิ้น และแต่ละมื้อ แต่ละเมนู จะมีเรื่องเล่า ที่เป็นสาระ ให้ต้องฟังก่อนลงมือรับประทาน เรียกว่าพิถีพิถันทุกกระเบียดนิ้ว
ความประทับใจในบริการบนรถไฟพร่ำพรรณนา 3 วัน 2 คืนก็ไม่หมดค่ะ แต่สิ่งที่ต้องหยิบมาขยายต่อคือ ทุกสถานีที่รถไฟขบวนนี้ผ่านไปนั้น คนในชุมชนจะออกมายืนโบกมือต้อนรับพวกเราด้วยความเต็มอกเต็มใจและสนุกสนานค่ะ มันเป็นภาพที่แสนจะน่ารัก น่าเอ็นดู และมองเห็นถึงความงดงามของวัฒนธรรมญี่ปุ่น อย่างที่ไม่มีที่ไหนในโลกจะร่วมมือร่วมใจกันได้ขนาดนี้
สืบเสาะถามว่า พวกนี้ทางเจอาร์ เวสต์ (JR West) ผู้บริหารระดมจ้างวานมาหรืออย่างไร
คำตอบคือ เปล่าเลย!! แต่ทุกชุมชนที่รถไฟขบวนนี้ผ่าน รับรู้กันว่า รถไฟมิซูคาเซะ เป็นรถขบวนสุดพิเศษที่สร้างคุณูปการให้กับชุมชนต่างๆที่มันแล่นผ่าน ทุกคนจึงออกมาต้อนรับเมื่อรับรู้ข่าวประชาสัมพันธ์ว่า วันเวลาใดที่รถไฟขบวนยาวสีเขียวทองจะผ่านมา
สร้างคุณูปการอย่างไรหรือ?!?
ก็แต่ละจุดที่ขบวนรถไฟนี้จอดแวะให้เราลงไปท่องเที่ยว เขาจะพาไปในสถานที่ที่นักท่องเที่ยวทั่วไปไม่เคยมีโอกาสแวะไป หรือสนใจที่จะไปเที่ยวค่ะ อาหารกลางวันก็จะให้แม่บ้านของชุมชนจัดหาให้แบบบ้านๆ บางที่ก็มีละครคาบูกิแสดงให้ดู ซึ่งคนแสดงก็อายุมากโข เกินมนุษย์ป้าด้วยซ้ำ
สิ่งเหล่านี้เป็นความร่วมมือกันที่งดงาม และพาให้เราชื่นใจไปด้วย ภาพเด็กอนุบาลมายืนโบกธงต้อนรับ คุณตาคุณปู่ใส่ชุดมาสคอตมาทักทาย และให้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก มันคือซอฟต์พาวเวอร์ของแท้ ที่ไม่ต้องไปจ้างวานคนต่างด้าวที่ไม่รู้จักประเทศของตัวเองมาชี้แนะนั่นเอง
เพราะทุกการกระทำเกิดจากใจ และความร่วมมือที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ทำให้ต้องหันมามองบ้านเรา แล้วก็รู้สึกว่า เราก็มีดีจะอวดเยอะแยะ แต่ทำไม่เป็นหรือเอาจริงเอาจังไม่เป็นก็ไม่รู้นะ..เฮ้อ!!.
"ป้าเอง"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ไม่ใช่เวลา..จับผิด!!
ความทุกข์ของคนที่จังหวัดสงขลา ไม่ว่าจะมากจะน้อยแล้วแต่เขตอำเภอ และพื้นที่แต่ละแห่ง ล้วนไม่ได้แตกต่างกันสักเท่าไร เพราะชีวิตประจำวันที่เคยเดินทางสัญจร ไปไหนมาไหนตามอำเภอใจนั้น ถูกจำกัดโดยปริยาย ซึ่งหมายความว่า ต่างได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า
“น้ำใจของคนไทย" ความงดงามที่ทำให้สังคมน่าอยู่
ประโยคนี้ใครไม่เห็นด้วย..ยกมือขึ้น!! ถ้าใครยังมองไม่เห็น แค่หรี่ตาข้างเดียวก็ได้ แล้วมองเหตุการณ์น้ำท่วมภาคใต้ในช่วงนี้ รับรองว่าจะเห็นแจ่มแจ้งถึงพลังแห่งความช่วยเหลือจากทุกทิศทางหลั่งไหลไปไม่ขาดสาย
ความเป็น..จีน..ที่เปลี่ยนไป
เวลาที่คิดจะไปเที่ยวเมืองจีน สิ่งแรกที่คิดถึงจนเป็นความกังวลของมนุษย์ป้าเอง เห็นจะไม่พ้นเรื่องของ "ห้องสุขา" ที่เรียกขานตามภาษาถิ่นของเขาว่า "สีโส่วเจียน" เพราะเอกลักษณ์อันไม่อาจลืมเลือนของที่นั่นคือ ความสะอาดที่ยากจะหาเจอ
60อัป..ใครทำได้ก็ทำไป
ประเด็นขยายอายุเกษียณจาก 60 เป็น 65 ปี กำลังเป็นเรื่องฮอตในสังคมไทยอยู่ตอนนี้
เรื่องของ..มิวเซียม
เมื่อเดือนที่แล้วมีโอกาสไปเที่ยวมิวเซียม ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรียค่ะ ได้ความรู้และอรรถรสของการชมสถานที่สำคัญและน่าจดจำ ไม่ว่าจะเป็น Kunsthistorisches Museum Wien (พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ศิลปะเวียนนา) ที่ได้ชื่อว่าสะสมสมบัติของชาติไว้มากที่สุดแห่งหนึ่ง หรือจะเป็นร้านกาแฟที่้ได้ชื่อว่าสวยที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง
เรื่องตลกเรื่องนี้ได้ที่หนึ่งของโลก
ในงานปาร์ตี้รวมดารา มีคุณลุงแก่ๆ ท่านหนึ่งขึ้นเวทีมาด้วยไม้เท้า แล้วก็นั่งลงที่เก้าอี้ พิธีกรถามว่า "คุณลุงยังไปหาหมอบ่อยๆ อยู่ไหมครับ?"

