
ปีหนึ่ง..อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี เปิดให้พุทธศาสนิกชนได้ขึ้นไปสักการะรอยพระพุทธบาทพลวง เพียงแค่ 2 เดือนโดยประมาณ ซึ่งปีนี้ก็กำหนดระหว่างวันที่ 29 มกราคม จนถึง 29 มีนาคม ที่กำลังจะถึงนี้
ด้วยเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน แน่นอน ความคึกคัก ความหนาแน่นของผู้คนจากทั่วทุกสารทิศจึงเป็นเรื่องปกติ เรียกว่าตลอดระยะเวลา 2 เดือนที่นั่นจะสว่างไสวตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมๆ กับเสียงรถกระบะที่ขึ้น-ลงแบบไม่ขาดสาย
มนุษย์ป้าอายุปูนนี้ เพิ่งมีโอกาสได้ขึ้นไปนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนเขาคิชฌกูฏเป็นครั้งแรก และต้องยอมรับว่าเส้นทางสมบุกสมบัน พิสูจน์ฝีมือ ความชำนาญของพลขับรถกระบะที่เป็นคนในชุมชนแถบนั้นจริงๆ เพราะเส้นทางขึ้นเขาเกือบ 5 กิโลนั้น นอกจากสูงชันแล้วยังลดเลี้ยวเคี้ยวแบบสุดๆ
ราคา 200 บาทต่อคนสำหรับการนั่งกระบะเหมาจ่ายขึ้น-ลง ต้องบอกว่าคุ้มค่าสมราคาอย่างมาก เพราะไม่มีทักษะและความเชี่ยวชาญทางละก็ วุ่นวายแน่ๆ
เมื่อลงจากรถกระบะ ต้องเดินขึ้นไปประมาณเกือบ 2 กิโลเมตรจึงจะถึงจุดหมายปลายทาง กล่าวได้ว่า ท้าทายสุดๆ แต่ก็ยังดีที่มีที่ให้พักผ่อนตลอดระยะทาง รวมทั้งมีอาหารและน้ำจำหน่ายให้ไม่รู้สึกว่าเป็นเส้นทางที่ทรหดจนเกินไป จึงทำให้มนุษย์ป้าอดสงสัยไม่ได้ว่า ในเมื่อเป็น "อุทยานแห่งชาติ" แล้ว ทำไมเปิดให้ผู้คนได้ขึ้นไปแค่ปีละแค่ 2 เดือนสั้นๆ เท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเปิดในช่วงอากาศเย็นหรือปลายปี ตั้งแต่ตุลาคมเป็นต้นไป เชื่อว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแน่นอน ช่วยสร้างรายได้ให้กับท้องถิ่นแถบนั้นได้อย่างสบายๆ
แต่พอฟังเหตุจากเจ้าหน้าที่อุทยานแล้ว ก็ให้รู้สึกว่า ...เออ..จริงด้วย!! เปิดปีละ 2 เดือนนั้นถูกต้องที่สุดแล้ว
เพราะ 2 เดือนที่เป็นเทศกาลสักการะรอยพระพุทธบาทบนเขาคิชฌกูฏนั้น ธรรมชาติถูกรบกวน และอาจจะสร้างปัญหาต่อระบบนิเวศในป่าแบบที่เราไม่รู้ตัว เพราะช่วงเทศกาล 2 เดือน มีไฟฟ้าที่ต้องติดไปทั่วทุกแห่ง เปิด 24 ชั่วโมงมากกว่า 1 หมื่นดวง สัตว์น้อยสัตว์ใหญ่ที่เคยอยู่เย็นเป็นสุข ก็ต้องอพยพหนีผู้คนตามสัญชาตญาณ
มนุษย์ป้าได้รับรู้ว่า หลังเดือนมีนาคม เป็นโอกาสให้สัตว์กลับมาใช้ชีวิตดังเดิม ระบบนิเวศเข้าสู่ภาวะปกติ พอเข้าหน้าฝน เส้นทางก็อันตรายเกินกว่าจะให้ใครขึ้นไป และพอถึงปลายฝน เจ้าหน้าที่ก็ต้องฟื้นฟู ซ่อมแซมเส้นทางต่างๆ เพื่อเตรียมสำหรับประเพณีขึ้นเขาคิชฌกูฏอีกครั้ง ดังนั้น เดือนตุลาคมหรือช่วงหนาวบ้านเรา จึงไม่สามารถเปิดต้อนรับใคร และจะเริ่มต้นนับหนึ่งได้คือเดือนมกราคมของทุกปีนั่นเอง
ความเคร่งครัดในรูปแบบ กฎ กติกา มารยาทแบบนี้นั่นเองที่ทำให้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ยังคงงดงาม และนำพามาซึ่งความชื่นอกชื่นใจเมื่อได้ขึ้นไปถึงจุดสุดยอด ..สาธุค่ะ.
'ป้าเอง'
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ไม่ใช่เวลา..จับผิด!!
ความทุกข์ของคนที่จังหวัดสงขลา ไม่ว่าจะมากจะน้อยแล้วแต่เขตอำเภอ และพื้นที่แต่ละแห่ง ล้วนไม่ได้แตกต่างกันสักเท่าไร เพราะชีวิตประจำวันที่เคยเดินทางสัญจร ไปไหนมาไหนตามอำเภอใจนั้น ถูกจำกัดโดยปริยาย ซึ่งหมายความว่า ต่างได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า
“น้ำใจของคนไทย" ความงดงามที่ทำให้สังคมน่าอยู่
ประโยคนี้ใครไม่เห็นด้วย..ยกมือขึ้น!! ถ้าใครยังมองไม่เห็น แค่หรี่ตาข้างเดียวก็ได้ แล้วมองเหตุการณ์น้ำท่วมภาคใต้ในช่วงนี้ รับรองว่าจะเห็นแจ่มแจ้งถึงพลังแห่งความช่วยเหลือจากทุกทิศทางหลั่งไหลไปไม่ขาดสาย
ความเป็น..จีน..ที่เปลี่ยนไป
เวลาที่คิดจะไปเที่ยวเมืองจีน สิ่งแรกที่คิดถึงจนเป็นความกังวลของมนุษย์ป้าเอง เห็นจะไม่พ้นเรื่องของ "ห้องสุขา" ที่เรียกขานตามภาษาถิ่นของเขาว่า "สีโส่วเจียน" เพราะเอกลักษณ์อันไม่อาจลืมเลือนของที่นั่นคือ ความสะอาดที่ยากจะหาเจอ
60อัป..ใครทำได้ก็ทำไป
ประเด็นขยายอายุเกษียณจาก 60 เป็น 65 ปี กำลังเป็นเรื่องฮอตในสังคมไทยอยู่ตอนนี้
เรื่องของ..มิวเซียม
เมื่อเดือนที่แล้วมีโอกาสไปเที่ยวมิวเซียม ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรียค่ะ ได้ความรู้และอรรถรสของการชมสถานที่สำคัญและน่าจดจำ ไม่ว่าจะเป็น Kunsthistorisches Museum Wien (พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ศิลปะเวียนนา) ที่ได้ชื่อว่าสะสมสมบัติของชาติไว้มากที่สุดแห่งหนึ่ง หรือจะเป็นร้านกาแฟที่้ได้ชื่อว่าสวยที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง
เรื่องตลกเรื่องนี้ได้ที่หนึ่งของโลก
ในงานปาร์ตี้รวมดารา มีคุณลุงแก่ๆ ท่านหนึ่งขึ้นเวทีมาด้วยไม้เท้า แล้วก็นั่งลงที่เก้าอี้ พิธีกรถามว่า "คุณลุงยังไปหาหมอบ่อยๆ อยู่ไหมครับ?"

