
ต้องเรียกว่า “สมน้ำหน้า” รัฐบาลนายกฯ เจนวายเสียจริงๆ เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 8 ต่อ 1 มีคำสั่งไม่รับคำร้องของรัฐบาลที่ให้ “ชูศักดิ์ ศิรินิล” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีทำหนังสือให้ศาลวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) ในคำว่า “มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์” และ “ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง” โดยศาลก็บอกชัดเจนว่า “คำร้องดังกล่าวเป็นเพียงการขอให้อธิบายหรือแปลความหมายบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ” แปลไทยเป็นไทยให้ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกฯ เจนวายรับทราบก็คือ ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีหน้าที่แปลความเรื่องดังกล่าว เพราะ “วิญญูชน” ทั้งหลายพึงสดับได้ว่า “ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์” นั้นเป็นเช่นไร ...๐
ไม่ต่างจากกรณีการแจกเงินหมื่นเฟส 3 ให้กับเด็กและเยาวชนอายุตั้งแต่ 16-20 ปีนั่นแล โดยการแจกครั้งนี้ต้องเรียกว่ามีปรากฏการณ์เกิดขึ้นอย่างมาก เพราะพลิกไปพลิกมา และยังไม่มีการกำหนดรายการสินค้าอ่อนไหว (Negative List) อีกต่างหาก เรียกว่าจะซื้อ “เหล้า-บุหรี่-หวย” ได้ งานนี้ก็เล่นเอา “โลกออนไลน์” รุมสับกันอย่างมาก ซึ่ง “พิชัย ชุณหวชิร” รองนายกฯ และ รมว.การคลังอ้างว่าหากมี Negative List ก็อาจไม่สะดวกสำหรับประชาชนในการใช้จ่าย ดังนั้นรัฐบาลจึงได้กำหนดเป็นขนาดร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการแทน ...๐
งานนี้เลยทำให้ “เจ๊ไหม” ศิริกัญญา ตันสกุล แห่งพรรคประชาชน ข้องใจว่าเป็นการเลือกที่แปลกประหลาด และตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการ ตกเขียวซื้อนิวโหวตเตอร์ล่วงหน้าหรือไม่อย่างไร เพราะใครก็ตามที่ใช้พร้อมเพย์เป็นก็สามารถใช้เงินดังกล่าวได้แล้ว ที่สำคัญ “เจ๊ไหม” ยังมองว่าอาจเป็นเพราะงบประมาณในปี 2568 ไม่เพียงพอ เลยทำให้เลือกกลุ่มวัยรุ่นแทนที่จะเป็นกลุ่มวัยทำงานก็เป็นได้ ...๐
แล้วที่สังคมสงสัยกันมากคือ ทำไม รัฐบาลเจนวายถึงดันทุรังพัฒนาแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” อย่างหนักหนา ที่สำคัญจนป่านนี้ก็ยังไม่เคยกล้าบอกว่าใช้งบประมาณไปเท่าใดแล้ว เพราะรูปร่างหน้าตาของ “แอปทางรัฐ” ใครได้เห็นก็ต่างบอกว่าเหมือนเด็กประถมทำกัน ต่างจากแอปเป๋าตังที่เรียกว่าเหมาะสมเป็นมืออาชีพ แต่รัฐบาลกลับไม่เลือกใช้ หรือจะแสลงว่าเป็นของลุงตู่ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ก็ไม่รู้ได้ ...๐
หันมาเรื่องการบ้านการเมืองว่าด้วยการอภิปรายไม่ไว้วางใจกันบ้าง เพราะเรียกว่า “ญัตติ” ที่มีชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ตำแหน่ง สทร.นั้น กลายเป็นขวากหนามสำคัญ ซึ่ง ล่าสุด “สรวงศ์ เทียนทอง” รมว.การท่องเที่ยวและกีฬาและเลขาธิการพรรคเพื่อไทยถึงกับบอกว่า พรรคประชาชนเล่นการเมืองแบบเก่า ในเรื่องนี้ ที่ไม่ยอมตัดชื่อทักษิณ ...๐
เช่นเดียวกับ “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ถึงกับบอกว่าอภิปรายครึ่งวันก็พอหากอภิปรายไม่มาก ผู้นำฝ่ายค้านเปิดอภิปราย และอภิปรายอีก 2 คน ก็สามารถปิดอภิปรายได้แล้ว พิโธ่! ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า หาก “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ยอมถอยก้าวหนึ่งตัดชื่อ “ทักษิณ” ออก แล้วใส่ชื่อ “สทร.” หรืออย่างอื่นแทน ก็ไม่รู้ว่า “เพื่อไทย” จะกล้าให้อภิปราย 5 วันตามคำร้องขอหรือไม่ หรืออย่างน้อยก็ต้อง 3 วัน เพราะเป็นการเมืองยุคใหม่ไม่ใช่แบบเก่านะจ๊ะ ...๐
ส่วนเรื่องของ “สภาสูง” ก็เรียกว่าขยับกันเป็นว่าเล่น เพราะล่าสุด “81 สว.” นำโดย “พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร” ไปยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.เพื่อเอาผิด “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” รมว.ยุติธรรม และ “พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ” อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จากกรณีกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) มีมติรับคดีฮั้ว สว.ข้อหาฟอกเงินเป็นคดีพิเศษแล้ว ซึ่งในหนังสือยื่นคำร้องมี สว.ร่วมลงชื่อถึง 105 คน ...๐
ในขณะที่ “สว.สำรอง” ทั้งหลายก็เริ่มโชว์พาวเวอร์แล้ว โดย สว.สำรอง นำโดย “พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว” เข้ายื่นหนังสือต่อประธาน กกต. เพื่อขอให้ตรวจสอบพฤติการณ์ของ “แสวง บุญมี” เลขาธิการ กกต. กรณีฮั้วเลือก สว.เช่นกัน ซ้ำยังบี้ให้ประธาน กกต.หยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราวจนกว่าการสืบสวนไต่สวนในเรื่องร้องเรียนการร้องคัดค้านต่างๆ เกี่ยวกับการเลือก สว.จะแล้วเสร็จ ต้องบอกว่านี่ขนาดยังไม่ได้เป็นสมาชิกวุฒิสภายังเก่งกล้าสามารถขนาดนี้ หากได้เลื่อนเป็น สว.ขึ้นมาก็ไม่รู้ว่ารัฐสภาไทยจะออกมารูปแบบไหนกันแน่ ...๐
ท.ศักดิ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
บรรยากาศการเมืองไทยเวลานี้ ถ้าใครยังคิดว่าเป็นช่วงพักหายใจ บอกเลยคิดผิด เพราะสนามจริงของการเลือกตั้งปี 2569 เปิดเกมกันแล้วแบบไม่ต้องรอเสียงนกหวีด ใครมีของก็เริ่มโชว์ ใครยังตั้งหลักไม่ทันก็เริ่มเห็นทรงชัดขึ้นทุกวัน พรรคใหญ่ พรรคเล็ก ต่างขยับกันคึก แต่พรรคที่ถูกสปอตไลต์ส่องแรงสุด นาทีนี้หนีไม่พ้น “เพื่อไทย”
บันทึกหน้า 4
บันทึกในวันที่การเมืองเรื่องศึกเลือกตั้งใหญ่ 8 ก.พ.2569 คึกคักๆ ไม่มีการกั๊กกันอีกต่อไป ...0
บันทึกหน้า 4
ถึงคิว "พรรคส้ม" หลังประชาธิปัตย์ประเดิมเปิด 100 รายชื่อปาร์ตี้ลิสต์เป็นพรรคแรก ถึงแม้จะเป็นการเรียงตามตัวอักษร ไม่ใช่เรียงลำดับที่แท้จริงก็ตาม พอเดากันได้ว่า 3 อันดับแรก น่าจะเป็น 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
บันทึกหน้า 4
ต้องบอกว่าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ณ วันนี้ยังคงร้อนแรงอยู่อย่างต่อเนื่อง ก็อย่างที่เคยบอกไว้แล้วว่า หาก “ระบอบฮุน เซน” ไม่ตายจากดินแดนเขมร ก็ยากหาความสงบลงได้
บันทึกหน้า 4
ปี่กลองเลือกตั้งดังสนั่น หลังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดให้วันอาทิตย์ที่ 8 ก.พ.2569 เป็นวันเลือกตั้ง สส. ส่วนวันที่ 27-31 ธ.ค.2568 เป็นวันรับสมัคร สส.แบ่งเขตเลือกตั้ง 28-31 ธ.ค.2568 วันรับสมัค สส.บัญชีรายชื่อ ส่วนการทำประชามติเรื่องยกเลิกMOU 43 และ MOU 44 คงไม่มีแล้ว โดย นายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล
บันทึกหน้า 4
ขอเข้าโหมดเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ หลังคำสั่งยุบสภาเมื่อ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้สนามการเมืองที่อุ่นๆ กลายเป็นเตาแก๊สเปิดไฟแรงในพริบตา เลือกตั้งต้นปี 2569 ยังไม่ทันมาถึง แต่เกมช่วงชิงอำนาจเริ่มเดือดเกินองศา

