
ในที่สุด “ลิเกการเมือง” ว่าด้วยศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจก็จบอย่างเป็นทางการแล้ว โดย มติที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 488 เสียง ก็ลงมติเห็นด้วยในการไม่ไว้วางใจ 162 เสียง ไว้วางใจ 319 เสียง งดออกเสียง 7 เสียง ไม่ลงคะแนนไม่มี ซึ่งก็เรียบร้อยตามที่ “นายใหญ่” สั่งมานั่นเอง ...๐
งานนี้ “คุณหนูอุ๊งอิ๊ง” ถึงกับปลื้มปริ่มที่เสียงท้วมท้น พร้อมบอกว่าไม่ต้องการเสียงงูเห่าในการโหวตแต่ประการใด ก็ ไม่รู้ว่าพูดจริงจังแค่ไหน เพราะ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” สส.พะเยา ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม (กธ.) เป็นผู้จัดสนองนายใหญ่เอาใจนายน้อยให้. ..๐
ที่สำคัญ “แพทองธาร” ถึงกับยืนยันว่าได้ตอบข้อสงสัยและข้อซักฟอกของพรรคฝ่ายค้านหมดแล้ว ซ้ำยังอวดอ้างอีกว่าหากไม่ผิดกฎหมายก็พร้อมจะโชว์ “เวชระเบียน” ของคุณพ่อทักษิณ ชินวัตร ในการรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจให้สังคมรับทราบ ก็ไม่รู้ว่า “นายกฯ เจนวาย” ราคาคุยเพื่อสร้างภาพหรือจะกล้าจริงกันแน่ เพราะหากต้องการเปิดเผยจริงก็สามารถไปขอให้ “คุณพ่อ” ไฟเขียว ในฐานะเจ้าของเวชระเบียนได้ แต่เชื่อว่าสุดท้ายเรื่องดังกล่าวก็เงียบหายเข้ากลับเมฆแน่นอน ...๐
สำหรับศึกอภิปรายครั้งนี้ ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นอร์ทกรุงเทพโพล” ก็ออกแบบสำรวจมาแบบไก่โห่ทีเดียว ซึ่งที่ขำไม่ออกคือ เสียงส่วนใหญ่ให้คะแนนนายกฯ อิ๊งค์ในการชี้แจงถึง 6 คะแนนทีเดียว ในขณะที่ “รศ.ดร.พรอัมรินทร์ พรหมเกิด” อาจารย์ประจำภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษวิทยา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หรือ มข. นั้น ตัดเกรดให้คะแนนแค่ 3 คะแนนเต็มสิบ โดยระบุว่าตอบคำถามไม่ชัดเจน ไม่ตรงประเด็น และยังชอบเสียดสี ที่สำคัญ “อาจารย์ มข.” ยังชี้ว่าการอภิปรายเรื่องตั๋วสัญญาใช้เงินก็เป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ของ “คุณพ่อ” ตั้งแต่ยุคซุกหุ้นกันเลยทีเดียว ...๐
“รศ.ดร.พรอัมรินทร์” ยังได้ให้คะแนนการทำหน้าที่ของประธานที่ประชุมไว้น่าสนใจด้วย โดย ให้ “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” เพียง 3 คะแนน “พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน” รองประธานสภาฯ คนที่ 1 ให้ 6 คะแนน ขณะที่ “ภราดร ปริศนานันทกุล” รองประธานสภาฯ คนที่ 2 ได้ให้ 7 คะแนน ซึ่งไม่น่าแปลกใจแต่ประการใด เพราะดูการทำหน้าที่ของ “วันนอร์” แล้วต้องบอกว่าน่าจะถึงเวลาโบกมือไปเลี้ยงหลานได้แล้ว ซึ่งนอกจากการวินิจฉัยที่ แทบต้องกล้ำกลืนเรียกว่า “ความเป็นกลาง” แล้ว ยังไม่นับรวมเรื่องความแม่นในประเพณีและข้อบังคับต่างๆ ที่ดูเหมือนจะออกมาหลงๆ ลืมๆ เสียมากกว่า ...๐
ในขณะเดียวกันแวดวงสภากาแฟก็มีการตัดเกรดให้กับบรรดาองครักษ์พิทักษ์ “นายน้อย” เช่นกัน โดยที่ได้รับการซูฮกมากที่สุดคือ “ทพญ.ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ที่แม้จะลุกขึ้นประท้วงหลายครั้งหลายครา แต่ยังพอกล้อมแกล้มได้ว่ามีสาระ จับต้องได้บ้าง ในขณะที่น่าจะเป็นตัวเลือกชิง “สส.ดาวดับ” ในปี 2568 แน่ๆ คือ “นุชนาถ จารุวงษ์เสถียร” สส.ศรีสะเกษ พรรค พท. และ “ก่อแก้ว พิกุลทอง” สส.บัญชีรายชื่อ เพราะขึ้นมาที่ไรก็เหมือนอย่างที่ “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ระบุไว้ว่า ให้ร้องกี้กี้นั่นแล เพราะทะเล่อทะล่าประท้วงแบบไร้สาระสร้างความน่ารำคาญอย่างมาก ...๐
หันมาดูผลพวงจากการโหวตกันบ้าง เพราะใน 391 เสียงที่ไว้วางใจ “คุณหนูแพทองธาร” นั้น ก็มีชื่อของงูเห่าพรรคร่วมฝ่ายค้านอย่าง “ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์” สส.กทม.พรรคไทยก้าวหน้าด้วย โดย “ปูอัด” ให้เหตุผลในการยกมือ เพราะปลื้มนายกฯ และรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่เกี่ยวกับการแลกคดีข่มขืน และการที่จะย้ายไปพรรคกล้าธรรมในอนาคตแต่ประการใด งานนี้ไม้รู้ว่าจะเชื่อใครดี ...๐
หันมาดูข่าวน่าสนใจจากศาลรัฐธรรมนูญกันบ้าง เพราะล่าสุดตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์สั่ง “สมชาย เล่งหลัก” พ้นตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) นับตั้งแต่ 11 ธ.ค.2567 เพราะต้องคำพิพากษาเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง จึงเป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามดำรงตำแหน่ง เรียกว่าเป็น “สว.” รายแรกที่กระเด็นจากการเก้าอี้ก่อนคดีฮั้วเลือก สว.เสียอีก แล้วยังมีผลพวงที่ตามมาอีกว่าจะต้องมีผู้รับผิดชอบหรือไม่ในการปล่อยและรับรอง “สมชาย” ให้นั่งเก้าอี้ดังกล่าว ...๐
ส่วนที่ต้องบอกว่า “ระทึก” ที่สุด เมื่อ ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์รับคำร้องสอบ “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม และ “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง”รมว.ยุติธรรมปมสั่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ “ดีเอสไอ” สอบขบวนการฮั้วเลือก สว.ปี 2567 เข้าข่ายกลั่นแกล้ง-แทรกแซงฝ่ายนิติบัญญัติ แม้ยังไม่สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ก็ตามที แต่ก็เป็นการ ส่งสัญญาณอันตรายไปยัง “บิ๊กอ้วนและทวี” รวมถึงรัฐบาลและนายใหญ่อย่างชัดเจน งานนี้ต้องลุ้นและติดตามด้วยใจระทึกพลัน ...๐
ท.ศักดิ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
น้ำลด การเมืองผุด! หลังเพลาไปช่วงมหาวิปโยคใต้ เวลานี้กลับมาร้อนฉ่าอีกรอบ ช่วงเย็นพุธที่ผ่านมา คล้อยหลัง "นายกฯ อนุทิน" แถลงโชว์ถอนรากสแกมเมอร์เขมรยึดทรัพย์หมื่นล้าน
บันทึกหน้า 4
ต้องยอมรับว่าแม้ “มหาอุทกภัยในภาคใต้” เริ่มคลี่คลายเข้าสู่จุดการเยียวยา-ฟื้นฟูแล้วก็ตามที แต่ยอดผู้เสียชีวิตและความเสียหายก็ยังไม่นิ่งเสียทีเดียว แต่อย่างไรยอดผู้เสียชีวิตก็คงไม่ถึงพันศพตามที่ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” อดีต รอง ผบ.ตร. วาดหวังแน่ๆ แล้ว
บันทึกหน้า 4
หลังวิกฤตน้ำท่วม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คลี่คลาย น้ำตาก็ท่วมเมือง เมื่อชาวหาดใหญ่เห็นสภาพบ้านเรือนของตัวเองกลายเป็นซากปรักหักพัง ทรัพย์สินที่สร้างมาพังพาบไปกับกระแสน้ำแทบสิ้นเนื้อประดาตัว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมความร่วมมือ “รวมใจไทย ฟื้นแดนใต้” ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นแกนกลางในการประสานงานร่วมกับภาคเอกชนและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
ภายใต้วิกฤตหาดใหญ่ครั้งนี้ ผู้นำรัฐบาลอย่าง อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ถูกเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบ แม้ต้นตอของปัญหาไม่ได้มาจากเขาคนเดียว
บันทึกหน้า 4
ขึ้นต้นเดือนสุดท้ายของปี บรรยากาศสังคมไทยยังคงซึมๆ เศร้าๆ อยู่กับเหตุและเภทภัยที่พี่น้องชาวใต้กำลังเผชิญ "น้ำลดตอผุด" ถูกขุดขึ้นมาเป็นรายวัน เหมือนมีใครบางคนกำลังช่วงชิงสถานการณ์หวัง "ตีกิน" สร้างดรามา แต่งคอนเทนต์ไล่ล่าเอาคะแนนนิยมคืนจากรัฐบาลที่นำโดยพรรคภูมิใจไทย
บันทึกหน้า 4
น้ำใจไทยไม่เคยเหือดแห้ง ถนนทุกสายจากทั่วประเทศมุ่งสู่ใต้ โดยเฉพาะ "มหาวิปโยคหาดใหญ่" ไม่ใช่แค่ทั้งเมืองจมบาดาล ทรัพย์สินเสียหาย แต่รวมถึงชีวิตที่ประเมินค่าไม่ได้ ซึ่งมีการอัปเดตตัวเลขช่วงเย็น 27 พ.ย.


