
ในวันที่ 1 ก.พ.นี้ ผู้ป่วยโรคไตที่ถือบัตรทองจะได้รับสิทธิ์เพิ่มขึ้น คือ "ฟอกเลือด/ฟอกไต” ผ่านเครื่องไตเทียม จากเดิมที่ได้รับสิทธิ์ผ่านการล้างไตทางช่องท้อง
"หมอหนู" นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข เล่าให้ฟังถึงโครงการฟอกไตฟรีว่า จะทำให้ผู้ถือสิทธิ์บัตรทองมีโอกาสเลือกรับการรักษาได้หลากหลายขึ้น จากในอดีตที่สิทธิ์บัตรทองจะให้รักษาคือ วิธีที่ 1 การล้างไตผ่านทางช่องท้อง วิธีที่ 2 การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (ประชาชนมักจะเรียกว่า การฟอกไต/ฟอกเลือด) วิธีที่ 3 การปลูกถ่ายไต (รับไตจากผู้อื่น)
โดยสิทธิ์หลักคือการ “ล้างไต” ยกเว้นว่าผู้ป่วยไม่สามารถล้างไตผ่านช่องท้องได้ จึงจะให้ “ฟอกเลือด/ฟอกไต” ผ่านเครื่องไตเทียม
กระนั้นการเกิดขึ้นของสิทธิ์ใหม่ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ จะทำให้ผู้ป่วยสามารถเลือกฟอกเลือดได้ฟรี โดยผ่านการพิจารณาความเหมาะสมกับทีมแพทย์
"นี่คือทางเลือกด้านสุขภาพที่ประชาชนจะได้รับ ขณะที่ผู้ป่วยที่รับการฟอกเลือดโดยไม่เข้าเงื่อนไข และที่ผ่านมาต้องจ่ายค่าบริการเดือนละ 2-3 หมื่นบาทนั้น ก็จะได้รับสิทธิ์การดูแลแบบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอีกต่อไป"
สำหรับเบื้องหลังของการเกิดโครงการนี้ "อนุทิน" เล่าว่า ได้มีโอกาสลงพื้นที่ ได้รับฟังปัญหาของผู้ป่วยฟอกไตที่ถือบัตรทอง ขอย้ำว่าหลายคนจะได้สิทธิ์รักษาผ่านการล้างไตทางช่องท้อง ขณะที่บางคนได้ฟอกเลือดผ่านเครื่องไตเทียม กรณีที่เข้าเงื่อนไขการรักษา ตรงนั้นไม่มีปัญหา
แต่มีผู้ป่วยจำนวนมากไม่ต้องการเจาะท้อง แล้วเลือกวิธีฟอกเลือด หรือที่เรียกว่าฟอกไต และต้องจ่ายค่าบริการ 1.5 พันบาทต่อครั้ง สัปดาห์หนึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายไม่ต่ำกว่า 5 พันบาท ผู้ป่วยกลุ่มนี้มีภาระค่าใช้จ่ายจำนวนมาก และถือว่าสาหัสมาก
“ผมต้องขอบคุณทีมงานและบอร์ด สปสช.ทุกท่านที่เห็นชอบเรื่องนี้ ซึ่งจะทำภาพชีวิตผู้ป่วยกลุ่มนี้และครอบครัวดีขึ้น" นายอนุทินกล่าวปิดท้าย
โครงการนี้นอกจากจะกอบกู้ชีวิตคนไทยแล้ว ยังลดความเสี่ยงล้มละลายจากค่ารักษาพยาบาลอีกด้วย.
ช่างสงสัย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ไผ่' มา 'ไอซ์' ไป
การเลือกตั้งครั้งนี้คึกคัก หลายพรรคเนื้อหอม มีนักการเมืองทยอยมาสมัครไม่ขาดสาย หนึ่งในนั้นคือพรรคกล้าธรรมของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรค ที่ราวกับมีแม่เหล็กดึงดูดบรรดา สส.
‘เซนส์’ ที่ดี
นอกจาก “นายกฯ หนู” อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีคนที่ 32 จะเป็นคนเหนือโพล ดวงดี และจังหวะตัดสินใจทางการเมืองดีแล้ว
'เสือกระดาษ' ยามสงคราม
สถานการณ์ชายแดนไทย-เขมรยังคงเดือดขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่เดือน ก.ค. 68 ที่ปะทะกันแถวปราสาทตาเมือนธม จนเลือดตกยางออก พลเรือนไทยเจ็บตายระนาว โรงพยาบาลโดนถล่ม แต่ทำไม คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)
“พบกันในสนามอ่างทอง”
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนที่จะมีการยุบสภา ในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันที่ 10 และ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา
สู้เต็มที่
เตรียมพร้อมเข้าสู่สนามเลือกตั้งกันทุกพรรคในเวลานี้ ภายหลังรัฐบาลประกาศยุบสภา ซึ่งหนึ่งในพรรคที่พร้อมสู้ศึกเลือกตั้งมากคือ พรรครวมไทยสร้างชาติ ของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค ที่ก่อนหน้านี้ได้ร่อนแถลงการณ์ทันที โดยมองว่าการยุบสภาไม่ส่งผลดีต่อการแก้ไขปัญหาหลายสถานการณ์ที่รุมเร้าประเทศ
‘เสี่ยโอ๋’ ทำพรรคเอง
ปลีกตัวออกจาก ลุงป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หลังอยู่ช่วยงานพรรคมาตั้งแต่ปี 2562 ทุ่มเทไม่ว่าจะสวมบทบาทฝ่ายนิติบัญญัติ หรือฝ่ายบริหาร

