
ถ้าจะบอกว่าปี 2568 เป็นปีทองของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ก็คงไม่ผิด เพราะต้นปีมา คดีดัง ๆ ที่เข้ามาในมือดีเอสไอมีแต่เรื่องใหญ่โตระดับชาติ แถมแต่ละคดีก็ไม่ธรรมดา ทั้งดราม่า ทั้งปริศนา และทั้งความซับซ้อนที่ทำเอาคนตามข่าวอย่างเรา ๆ อยากเม้าท์กันไม่หยุด ทั้งคดี "คดีแตงโม" ที่เป็นข่าวตกเรือเสียชีวิตเมื่อหลายปีก่อน ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 ม.ค. 2568 ดีเอสไอตัดสินใจรับเรื่องนี้มาสืบสวนใหม่
เรียกได้ว่าดราม่ายังไม่จบ คดีนี้ก็กลับมาทวงบัลลังก์ความสนใจอีกครั้งต่อกันด้วย "คดีฮั้วการเลือก สว." ที่กลายเป็นประเด็นร้อนตั้งแต่ต้นเดือนมี.ค. 2568
โดยกลุ่ม.สำรองมาร้องให้ทำคดีนี้ จนดีเอสไอเห็นชอบให้รับคดีนี้เป็นคดีพิเศษ งานนี้ดีเอสไอต้องเคลียร์ให้ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เพราะเรื่องนี้กระทบความน่าเชื่อถือของระบบการเมืองไทยแบบเต็ม ๆ
ยังไม่ทันหายเหนื่อยจากสองคดีแรก ดีเอสไอก็ต้องเจอกับ "กรณีการเสียชีวิตของผู้กำกับโจ้" อดีตผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรนครสวรรค์ ที่เคยตกเป็นข่าวดังจากการใช้ถุงคลุมหัวผู้ต้องหาจนเสียชีวิตเมื่อหลายปีก่อน ถึงแม้ผู้กำกับโจ้จะถูกตัดสินจำคุกไปแล้ว แต่การเสียชีวิตของเขาในเรือนจำเมื่อต้นปี 2568 กลับกลายเป็นปริศนาใหม่ มีคำถามตามมาว่าเป็นการฆาตกรรมหรืออุบัติเหตุกันแน่ ดีเอสไอถูกมอบหมายให้เข้ามาสืบสวน เพราะคดีนี้ไม่ใช่แค่เรื่องส่วนตัว แต่ยังโยงไปถึงความโปร่งใสในกระบวนการยุติธรรมและระบบราชทัณฑ์ด้วย
ปิดท้ายด้วยคดีที่เรียกได้ว่าเป็นไฮไลต์ของปี "คดีตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม" เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2568 จากแผ่นดินไหวที่ทำให้อาคาร สตง. ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างพังลงมา ดีเอสไอรับไม้ต่อทันที โดยวันที่ 1 เม.ย. พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ สั่งสอบสวนเป็นคดีพิเศษ เน้น 3 ประเด็นหลัก คือ การใช้ "นอมินี" ถือหุ้นในบริษัทก่อสร้าง, การ "ฮั้วประมูล" โครงการของรัฐ และการใช้สินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานตาม มอก.
เรียกว่างานชิ้นนี้ใหญ่โตจนดีเอสไอต้องลุยเต็มสูบ ซึ่งแม้จะเพิ่งขึ้นไตรมาสที่ 2 ของ ปี 2568 นี้ ดีเอสไอแทบไม่มีวันหยุด แต่ละคดีไม่ใช่แค่เรื่องใหญ่ แต่ยังเป็นเรื่องที่คนทั้งประเทศจับตา นักสืบดีเอสไอ ซึ่งงานนี้ “ท่านอธิบดีคงต้องมีสวัสดิการกาแฟฟรีเข้ม ๆ เติมให้เจ้าหน้าที่กันทุกวัน”
งานหนักขนาดนี้ ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ก็คงต้องขอให้ประชาชนช่วยส่งกำลังใจไปหน่อยแล้ว!!
วอชเชอร์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กัดไม่ปล่อย
ไม่ปล่อยผ่านเด็ดขาด!! หลัง “หัวหน้าตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ และอดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่เคยกำกับดูแลเรื่องน้ำมันและพลังงานของประเทศไทย และทิ้งผลงานการตรากฎหมายต่างๆ ด้านพลังงาน เพื่อคนไทยไว้ในรัฐบาลที่ผ่านมา
'ไผ่' มา 'ไอซ์' ไป
การเลือกตั้งครั้งนี้คึกคัก หลายพรรคเนื้อหอม มีนักการเมืองทยอยมาสมัครไม่ขาดสาย หนึ่งในนั้นคือพรรคกล้าธรรมของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรค ที่ราวกับมีแม่เหล็กดึงดูดบรรดา สส.
‘เซนส์’ ที่ดี
นอกจาก “นายกฯ หนู” อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีคนที่ 32 จะเป็นคนเหนือโพล ดวงดี และจังหวะตัดสินใจทางการเมืองดีแล้ว
'เสือกระดาษ' ยามสงคราม
สถานการณ์ชายแดนไทย-เขมรยังคงเดือดขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่เดือน ก.ค. 68 ที่ปะทะกันแถวปราสาทตาเมือนธม จนเลือดตกยางออก พลเรือนไทยเจ็บตายระนาว โรงพยาบาลโดนถล่ม แต่ทำไม คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)
“พบกันในสนามอ่างทอง”
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนที่จะมีการยุบสภา ในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันที่ 10 และ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา
สู้เต็มที่
เตรียมพร้อมเข้าสู่สนามเลือกตั้งกันทุกพรรคในเวลานี้ ภายหลังรัฐบาลประกาศยุบสภา ซึ่งหนึ่งในพรรคที่พร้อมสู้ศึกเลือกตั้งมากคือ พรรครวมไทยสร้างชาติ ของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค ที่ก่อนหน้านี้ได้ร่อนแถลงการณ์ทันที โดยมองว่าการยุบสภาไม่ส่งผลดีต่อการแก้ไขปัญหาหลายสถานการณ์ที่รุมเร้าประเทศ

