บันทึกหน้า 4

ในที่สุด รัฐนาวาทักษิณ ชินวัตร ที่มีแพทองธาร ชินวัตรเป็นกัปตันที่ถูกชักใยนั้น ก็ทนกระแสสังคมไม่ไหว จากแรงต้านของทุกภาคส่วนและทุกศาสนา อาจจะยกเว้นแค่เซเลบและดาราเท่านั้นในเรื่องของสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่งเราไม่ปฏิเสธในข้อเท็จจริงว่า “แพทองธาร” ได้แถลงต่อรัฐสภาเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 12 กันยายน 2567 ในนโยบายที่ 7 ระบุว่า ...เพิ่มแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น (Man-made Destinations) เช่น สวนน้ำ สวนสนุก ศูนย์การค้า สถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) นำคอนเสิร์ต เทศกาล และการแข่งขันกีฬาระดับโลกมาจัดในประเทศไทย รวมถึงส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองน่าเที่ยว เพื่อ ดึงดูดนักท่องเที่ยวและเม็ดเงินมหาศาลที่จะกระจายลงสู่ผู้ประกอบการภายในประเทศได้อย่างรวดเร็ว ...

 แต่คำว่าเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ในยามนั้น ไม่มี “กาสิโน” 10% แต่ประการใด เหมือนสอดไส้เอาไว้ให้ดูสวยหรูเท่านั้น ดังนั้น การที่นายกฯ อิ๊งค์เที่ยวโพนทะนาตั้งแต่หลังประชุมคณะรัฐมนตรีจวบจนตลอดการทำงานในวันพุธ ว่าเรื่องดังกล่าวถูกการเมืองบิดเบือนจนละเลยความเป็นจริงนั้น สังคมก็น่าจะตัดสินใจได้ว่า ใครกันแน่ที่บิดเบือนซ่อนเร้นข้อเท็จจริงดังกล่าว กันแน่ ...

ต้องปรบมือดังๆ ให้กับ ไชยชนก ชิดชอบสส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ที่กล้าประกาศลั่นกลางสภาผู้แทนราษฎรว่าจะไม่มีวันเห็นด้วยกับกาสิโน และไม่ใช่แค่ พ.ร.บ.ฉบับนี้ แต่ทุก พ.ร.บ.หลังจากนี้ แม้กระทั่ง พ.ร.บ.ของพรรคภูมิใจไทยที่เราคิดขึ้นมาและนำเสนอ” ต้องบอกว่าสมศักดิ์ศรีคนบุรีรัมย์และการเป็น ลูกชายคนโตของเนวินและกรุณา ชิดชอบจริงๆ

ไม่ใช่ความกล้าเพียงอย่างเดียวที่ “ไชยชนก” ได้ประกาศจุดยืนตัวเอง แต่ในฐานะหนึ่งในใน สส.ที่เสนอญัตติด่วนเรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาแผนการรับมือจากภัยพิบัติธรรมชาติและผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก และภัยความมั่นคงจากสถานการณ์โลก ซึ่งเกี่ยวเนื่องจากภาษีที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ประกาศเมื่อวันที่ 2 เมษายน ก็ต้องบอกว่าพรรคภูมิใจไทยทั้งอนุทิน ชาญวีรกูลรองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย รวมถึงพ่อเนวินในฐานะครูใหญ่พรรคมีตัวตายตัวแทนที่น่าจับตา และน่าติดตามแล้ว ...

เห็นได้จากการอภิปรายที่พูดแบบชัดๆ ตรงๆ ที่ระบุว่า …สิ่งหนึ่งที่มองเห็นว่าทุกท่านขาดไปคือสติ ทุกท่านมีเจตนาที่ดี แต่เราคือใคร ผมเห็นด้วยกับฝ่ายค้านที่นายกฯ ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอไปคุยกับทรัมป์ แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีศักยภาพ แต่จีนก็คุยกับทรัมป์ไม่รู้เรื่อง อย่าว่าแต่นายกฯ หรือพวกท่าน วันนี้เทวดามาคุยก็ไม่รู้ว่าจะคุยรู้เรื่องหรือเปล่า วันนี้ไม่ใช่เวลาที่เราจะต้องออกมาพูดในสิ่งที่พี่น้องประชาชนต้องการจะได้ยิน แต่เป็นเวลาที่ต้องออกมาพูดในสิ่งที่พี่น้องประชาชนจำเป็นต้องได้ยิน เวลานี้ไม่ใช่เวลาแห่งการพัฒนา ไม่ใช่เวลาแห่งการลงทุน และกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นเวลาที่เราไม่ควรก้าวไปข้างหน้า เป็นเวลาที่เราควรหยุดแล้วถอยมาหนึ่งก้าว และรักษาบุคลากร ทรัพยากรของประเทศไว้ให้มากที่สุด เพื่อให้เราผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกันให้ได้ ซึ่งรับประกันว่า ประเทศที่ผ่านวิกฤตนี้และลุกขึ้นได้เร็วที่สุดจะกลายเป็นมหาอำนาจถัดไป

หันมาที่คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญในวันสุกดิบก่อนสงกรานต์กันบ้าง เพราะเรียกว่าเล่นเอาฮือฮาอย่างมาก โดยเรื่องของ การฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา หรือ สว.นั้น ก็มี 2 เรื่องด้วยกัน โดยเรื่องแรกศาลรัฐธรรมนูญก็มีมติเอกฉันท์ตีตกคำร้องณฐพร โตประยูร ในฐานะปมขอให้วินิจฉัยสั่งฟันคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เหตุปล่อยฮั้วเลือก สว. โดยศาลชี้ว่า “ณฐพร” ไม่ใช่ผู้ถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพ กกต.ทำตามกฎหมาย หากเห็นว่าเสียหายก็ใช้สิทธิทางศาลอื่นได้ ...

ในขณะที่อีกคดีหนึ่งนั้นก็มี มติเป็นเอกฉันท์เช่นกันในการรับการแก้ไขคำร้องของ สว. 92 คน ที่ให้สอบภูมิธรรม เวชยชัยรองนายกฯ และ รมว.กลาโหม และ...ทวี สอดส่องรมว.ยุติธรรม ในการฝ่าฝืนจริยธรรมปมผลักดันให้กรมสอบสวนคดีพิเศษสอบฮั้วเลือก สว.เป็นคดีพิเศษ แต่ได้ยกคำขอคุ้มครองชั่วคราวที่ฝ่าย สว.ขอมาด้วย แต่ที่เป็น ไฮไลต์มากที่สุดก็ต้องบอกว่าการพลิกกลับ 360 องศา ด้วยมีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 3 รับตีความอำนาจและหน้าที่รัฐสภาในการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ พร้อมสั่งหน่วยงานเกี่ยวข้องชี้แจงใน 15 วัน ซึ่งไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ก็คาดว่าจะทำให้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญหลังเปิดสมัยประชุมใหม่คึกคักขึ้นมาอีกแน่นอน หากไม่มีอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเสียก่อน ...

 

.ศักดิ์

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

ถึงคิว "พรรคส้ม" หลังประชาธิปัตย์ประเดิมเปิด 100 รายชื่อปาร์ตี้ลิสต์เป็นพรรคแรก ถึงแม้จะเป็นการเรียงตามตัวอักษร ไม่ใช่เรียงลำดับที่แท้จริงก็ตาม พอเดากันได้ว่า 3 อันดับแรก น่าจะเป็น 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

บันทึกหน้า 4

ต้องบอกว่าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ณ วันนี้ยังคงร้อนแรงอยู่อย่างต่อเนื่อง ก็อย่างที่เคยบอกไว้แล้วว่า หาก “ระบอบฮุน เซน” ไม่ตายจากดินแดนเขมร ก็ยากหาความสงบลงได้

บันทึกหน้า 4

ปี่กลองเลือกตั้งดังสนั่น หลังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดให้วันอาทิตย์ที่ 8 ก.พ.2569 เป็นวันเลือกตั้ง สส. ส่วนวันที่ 27-31 ธ.ค.2568 เป็นวันรับสมัคร สส.แบ่งเขตเลือกตั้ง 28-31 ธ.ค.2568 วันรับสมัค สส.บัญชีรายชื่อ ส่วนการทำประชามติเรื่องยกเลิกMOU 43 และ MOU 44 คงไม่มีแล้ว โดย นายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล

บันทึกหน้า 4

ขอเข้าโหมดเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ หลังคำสั่งยุบสภาเมื่อ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้สนามการเมืองที่อุ่นๆ กลายเป็นเตาแก๊สเปิดไฟแรงในพริบตา เลือกตั้งต้นปี 2569 ยังไม่ทันมาถึง แต่เกมช่วงชิงอำนาจเริ่มเดือดเกินองศา

บันทึกหน้า 4

บันทึกตอกย้ำบรรทัดแรกว่า "ไทยนี้รักสงบ!!" จากวันแรกที่มีสยามประเทศ ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศผู้รุกรานเชิงจักรวรรดินิยม ไม่เคยสร้างอาณานิคมในต่างแดน เราจะลุกขึ้นสู้เพื่อป้องกันตนเอง หรือตอบโต้ เพื่อการรักษาดินแดนของตัวเองเท่านั้น

บันทึกหน้า 4

ยังไม่ถึงเวลา! วันศุกร์นี้ "รัฐบาลอนุทิน" ยังคาดเข็ดขัดนิรภัยต่อ แม้ "นายกฯ หนู" จะบอกว่าพร้อมยุบสภาทุกเมื่อ เตรียมพระราชกฤษฎีการอไว้แล้ว ถึงจะเลื่อนเร็วขึ้นจากไทม์ไลน์เดิม 31 ม.ค. 69 แต่ไม่ใช่ 12 ธ.ค.