
ไทยโพสต์ “อิสรภาพแห่งความคิด” www.thaipost.net ขอขนานนามรัฐบาลนี้ว่า รัฐบาลพ่อนำ ลูกตาม ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา เดอะแบกเพื่อไทยโฆษณาชวนเชื่อโหมข่าว “แพทองธาร ชินวัตร” เป็น 1 ใน 114 ได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้นำที่มีอายุน้อยกว่า 40 ปีที่สร้างการเปลี่ยนแปลง โดยเวทีระดับโลก The Forum of Young Global Leaders (YGL) ประจำปี 2025 หวังจะให้นายหญิงดูมีเครดิตและน่าเชื่อถือ แต่สิ่งที่คนภายในประเทศเห็นไม่เหมือนกับสายตาชาวโลกที่มองเข้ามา เพราะ “นายกฯ อิ๊งค์” คนนี้ ไม่เห็นจะจัดการปัญหาใดๆ ได้ด้วยตนเอง คอยแต่จะพึ่งพานักรบในห้องแอร์ คนของพ่อเสมอมา ถามว่านายกฯ ลักษณะเช่นนี้หรือ ที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลง!!!
ที่หนักกว่านั้น พักหลัง “พ่อนายกฯ” ออกตัว ออกหน้า ไม่แคร์สื่อ คนเขาถามกันทั่วมีหน้าที่อะไรในรัฐบาล ทำไมเจ๋อได้ทุกเรื่องสำคัญของบ้านเมือง ไม่ยอมปล่อยให้ลูกสาวได้โชว์ศักยภาพตัวเอง ล่าสุด สทร.ไปตั้งวอร์รูมเล็กๆ ที่โรงแรมประจำแถวเพลินจิต ปิดห้องคุยกับ “อันวาร์ อิบราฮิม” นายกฯ มาเลเซีย และประธานอาเซียน รวมทั้งมีรายงานข่าวด้วยว่า มี “มิน อ่อง หล่าย” หัวหน้ารัฐบาลทหารเมียนมา ร่วมวงด้วย ทั้งไทย ทั้งเทศ ต่างจับตาความเคลื่อนไหวนี้ จะดีลอะไรกันอีก ...๐
โดยเฉพาะกับนายกฯ อันวาร์ เมื่อช่วงหยุดยาว พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม โยนหินลูกเบ้อเริ่มเทิ่มหยั่งกระแสคนไทย การแก้ปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ควรแยกเป็นเขตปกครองพิเศษ!!! ปัดโธ่ คนเป็นระดับรัฐมนตรีคิดแบบนี้ ไหวเหรอ เสมือนเป็นการให้ท้ายผู้ก่อความไม่สงบ และถือว่าเสียการปกครอง ซึ่งอนาคตภายภาคหน้าจะเกิดการเรียนรู้ว่าใครที่ต้องการแบ่งแยกดินแดน หรืออยากได้ส่วนไหนของประเทศไทย ก็ให้ออกมาเข่นฆ่า วางระเบิด เผาสถานที่ราชการ แล้วสุดท้ายรัฐจะอ่อนให้เอง ย้อนกลับมาที่การพบกันระหว่าง “ทักษิณ” กับ “อันวาร์” ว่าจะมีหัวข้อพูดคุยเรื่องสันติภาพที่ปลายด้ามขวานอย่างแน่นอน ตอบหน่อยได้ไหม “ทักษิณ” คิดเห็นเป็นประการใดกับการให้สามจังหวัดชายแดนใต้เป็นเขตปกครองพิเศษ ถ้าไม่เห็นด้วย ช่วยสะกิดลูกสาวสุดที่เลิฟให้ไล่ “พ.ต.อ.ทวี” พ้นเก้าอี้เสนาบดี ให้เป็นที่ประจักษ์หน่อยเถิด ...๐
ข้ามมาดูที่ศึกกีฬาสี ปรับ ครม.กระชับอำนาจกันหน่อย ตอนนี้นักวิเคราะห์การเมืองจากหลายสำนัก พูดกันเซ็งแซ่สูตรนั้นสูตรนี้ แต่ที่เห็นจะอยู่กับความเป็นจริงมากที่สุด ต้องยกให้ “โอฬาร ถิ่นบางเตียว” อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ว่าการปรับในครั้งนี้จะแตกต่างจากทุกครั้ง เนื่องจากที่ผ่านมาอำนาจทั้งหมดอยู่ที่ “ทักษิณ” แต่เที่ยวนี้จะไม่สามารถแตะต้องพรรคภูมิใจไทยได้ เนื่องจากเป็นพรรคอันดับสองที่มีอำนาจในการต่อรองสูง ดังนั้น เพื่อไทยต้องปรับในส่วนที่ตัวเองสามารถควบคุมและจัดการได้ นอกจากนี้ อาจารย์โอฬาร ยังเปรียบเทียบพรรคภูมิใจไทยกับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ว่า พรรคสีน้ำเงินปรับยุทธศาสตร์เป็นฝ่ายอนุรักษนิยม ส่วน รทสช. หรือพรรคลุงตู่ คือพรรคอนุรักษนิยม เก๊ เก๊ตาเปล่า เก๊ยันเงา หลอกลวงเสียงประชาชนเพื่อเอาตำแหน่งรัฐมนตรี อืม..ฟังมาถึงจุดนี้ ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทยเคยมี “ควายแดง” มาแล้ว งั้นเวลานี้ก็มีควายสีใหม่อีกแล้วล่ะสิ ...๐
ปิดท้ายที่กำหนดการสำคัญ นายกฯ เปิดเผยว่า วันนี้จะเรียกประชุมติดตามความคืบหน้าผลสอบตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เพราะตอนนี้ได้ข้อมูลมาเป็นชิ้นๆ จึงต้องมีการขมวดประเด็นให้เห็นภาพรวมทั้งหมด ว่ากันว่านอกจากเรื่องเหล็กที่เป็นข่าวครึกโครมไปแล้ว สาเหตุหลักน่าจะมาจากการออกแบบตั้งแต่ครั้งแรก และต่อมามีการแก้ไขแบบอีกครั้ง งานนี้ถ้ารัฐบาลอยากได้คะแนนนิยม และพอจะทำให้ประชาชนเห็นได้ว่ารัฐบาลมีฝีมือ ไม่ใช่คิดแต่จะต่อรองอำนาจกันลูกเดียว ก็ควรสางเรื่องการก่อสร้างตึกอย่างโปร่งใส ไม่กลัวหน้าอินทร์หน้าพรหม ในทางกลับกัน ถ้าหาสาเหตุและผู้กระทำความผิดมารับผิดชอบไม่ได้ รัฐบาลก็จะล้มเหลวในสายประชาชน ...๐
ปราชญ์ศรี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
ถึงคิว "พรรคส้ม" หลังประชาธิปัตย์ประเดิมเปิด 100 รายชื่อปาร์ตี้ลิสต์เป็นพรรคแรก ถึงแม้จะเป็นการเรียงตามตัวอักษร ไม่ใช่เรียงลำดับที่แท้จริงก็ตาม พอเดากันได้ว่า 3 อันดับแรก น่าจะเป็น 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
บันทึกหน้า 4
ต้องบอกว่าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ณ วันนี้ยังคงร้อนแรงอยู่อย่างต่อเนื่อง ก็อย่างที่เคยบอกไว้แล้วว่า หาก “ระบอบฮุน เซน” ไม่ตายจากดินแดนเขมร ก็ยากหาความสงบลงได้
บันทึกหน้า 4
ปี่กลองเลือกตั้งดังสนั่น หลังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดให้วันอาทิตย์ที่ 8 ก.พ.2569 เป็นวันเลือกตั้ง สส. ส่วนวันที่ 27-31 ธ.ค.2568 เป็นวันรับสมัคร สส.แบ่งเขตเลือกตั้ง 28-31 ธ.ค.2568 วันรับสมัค สส.บัญชีรายชื่อ ส่วนการทำประชามติเรื่องยกเลิกMOU 43 และ MOU 44 คงไม่มีแล้ว โดย นายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล
บันทึกหน้า 4
ขอเข้าโหมดเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ หลังคำสั่งยุบสภาเมื่อ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้สนามการเมืองที่อุ่นๆ กลายเป็นเตาแก๊สเปิดไฟแรงในพริบตา เลือกตั้งต้นปี 2569 ยังไม่ทันมาถึง แต่เกมช่วงชิงอำนาจเริ่มเดือดเกินองศา
บันทึกหน้า 4
บันทึกตอกย้ำบรรทัดแรกว่า "ไทยนี้รักสงบ!!" จากวันแรกที่มีสยามประเทศ ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศผู้รุกรานเชิงจักรวรรดินิยม ไม่เคยสร้างอาณานิคมในต่างแดน เราจะลุกขึ้นสู้เพื่อป้องกันตนเอง หรือตอบโต้ เพื่อการรักษาดินแดนของตัวเองเท่านั้น
บันทึกหน้า 4
ยังไม่ถึงเวลา! วันศุกร์นี้ "รัฐบาลอนุทิน" ยังคาดเข็ดขัดนิรภัยต่อ แม้ "นายกฯ หนู" จะบอกว่าพร้อมยุบสภาทุกเมื่อ เตรียมพระราชกฤษฎีการอไว้แล้ว ถึงจะเลื่อนเร็วขึ้นจากไทม์ไลน์เดิม 31 ม.ค. 69 แต่ไม่ใช่ 12 ธ.ค.

