บันทึกหน้า 4

ต้องยอมรับว่า “รัฐบาลแพทองธาร” มักสร้างปรากฏการณ์แปลกประหลาดให้สังคมไทยต้องคิดและติดตามอยู่เสมอๆ กรณีล่าสุดคงไม่พ้นเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าคำพูดเกี่ยวกับ หลักธรรมอย่าง “ไตรลักษณ์” จะหลุดจากปากของ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีที่ระบุว่า “ความจริงแล้วใดๆ ในโลกล้วนอนิจจัง ไม่ว่าตำแหน่งทุกอย่างหรือแม้แต่ตำแหน่งของนายกฯ ก็เช่นกัน” เรียกว่าเป็น การสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับนายกฯ อิ๊งค์กันเลยทีเดียว...๐

ถือว่าการสร้างภาพเรื่องปรับ ครม.ครั้งนี้ดูดีขึ้นมาทันตา แต่หากดูพฤติกรรมที่แท้จริงของรัฐบาลก็ปฏิเสธอีกไม่ได้เช่นกันว่า “ย้อนแย้ง” อย่างยิ่ง เพราะเมื่อเอ่ยอ้างถึงความเป็นอนิจจัง ซึ่งเกี่ยวข้องกับหลักพุทธศาสนา แต่อีกด้านหนึ่งกลับลุยเดินหน้าเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หรือกาสิโนอย่างเข้มข้น เรียกว่าเข้าทำนองเพลง “อมพระมาพูด” ของพี่เสกที่ “อันวาร์ อิบบราฮิม” เปิดประกอบคลิปการเยือนประเทศไทยเป๊ะ เพราะหากยึดและเชื่อมั่นในหลักพุทธศาสนาจริง “ศีล 5” ก็น่าจะปฏิบัติได้ แล้วที่ เที่ยวโพนทะนาว่าเป็นแค่เสี้ยวเดียวเล็กๆ ไม่ถึง 10% นั้น ชาวบ้านร้านถิ่นเขาถามกลับมายังรัฐบาลว่าแล้วทำไมไม่ยกออกไปเลยเล่า ก็แค่เสี้ยวเล็กๆ เองมิใช่เหรอ หากตัดออกในส่วนนี้จะเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์กันที่ไหน อย่างไรก็คงไม่มีใครด่าแล้ว...๐

งานนี้เลยต้องยกคำกลอนในลิลิตพระลอมาเตือนสติ “แพทองธาร” ว่า สิ่งใดในโลกล้วน อนิจจัง, คงแต่บาปบุญยัง เที่ยงแท้, คือเงาติดตัวตรัง ตรึงแน่ อยู่นา, ตามแต่บุญบาปแล้ ก่อเกื้อ รักษา ซึ่งก็ระบุชัดๆ ว่า ความอนิจจังนั้นมันมากับบาปบุญด้วย ซึ่งล่าสุด “นายกฯ อิ๊งค์” ก็อยู่ในระหว่างการทัวร์กัมพูชา ซึ่งต้องเรียกว่าเป็นงานถนัดของนายกฯ ก็คือการเป็นประธานลงนามเอกสาร 7 ฉบับ และ การเปิดตราสัญลักษณ์สัมพันธ์ทางการทูต 75 ปีกับ “ฮุน มาเนต” นายกฯ เขมร…๐

ในขณะที่นายกฯ สำรองอีกคนอย่าง “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ก็ทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงในทุกเรื่องประจำวันแทน ไล่มาตั้งแต่เรื่องการเมือง ภาษีทรัมป์ จนถึงไฟใต้ โดยเฉพาะเรื่อง “กำแพงภาษี” นั้น “บิ๊กอ้วน” ก็เล่นตัดจบตามสไตล์ว่าอย่าดรามา หรือหยุมหยิมในเรื่องการเลื่อนการพูดคุยกับสหรัฐ โดยยืนยันว่าเตรียมตัวให้ดีที่สุด พร้อมชูว่าเรามีที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลก!!! ที่สำคัญ “ภูมิธรรม” รีบปัดว่าไม่เกี่ยวกับเรื่อง “อุยกูร์” ซึ่งทำให้ “มาริษ เสงี่ยมพงษ์” รมว.การต่างประเทศ ไม่อยู่ในทีมเจรจาด้วย แหมสงสัย ต้องปิดดูสีข้างของ “บิ๊กอ้วน” ว่าถลอกปอกเปิกเพียงใด...๐

หันมาดูความเคลื่อนไหวของพรรคประชาชนกันบ้าง ต้องบอกว่าเป็นครั้งแรกๆ ที่ “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน แสดงความเห็นเรื่องปรับ ครม. โดย ยกตัวเลขทางการเมืองว่าด้วยจำนวน สส.ของฝ่ายค้านที่มีคดี 44 สส.อยู่ด้วย ซึ่ง “เท้งเต้ง” ยอมรับว่าอาจส่งผลกระทบต่อ 25 สส.ของพรรคประชาชน ที่อยู่ในสภาด้วย ก็ไม่รู้ว่าหัวหน้า ปชน.ไปทราบข่าววงในหรือเสียงกระซิบไรอะไรมาหรืออย่างไร จึงทำให้มีตัวเลขที่เป๊ะเวอร์ถึงขนาดนี้...๐

พูดถึง ปชน.จะไม่เอ่ยอ้างถึงสภาสูงได้อย่างไร โดยเฉพาะการประชุมสำนักคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจรครั้งแรก ซึ่งใช้เวลาถกกว่า 2 ชั่วโมง ในการเลือกประธาน กมธ. ซึ่งเป็นที่จับตาอย่างมาก โดย ในที่ประชุมก็มีการเสนอ 4 ชื่อคือ “นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย” “สรชาติ วิชยสุวรรณพรหม” “รศ.แล ดิลกวิทยรัตน์” และศาสตราจารย์พิเศษจรัญ ภักดีธนากุล อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจารย์จรัญก็ถอนตัวโดยให้เหตุผลว่าต้องสอนหนังสือ ขณะที่ รศ.แลก็บอกว่าไม่อยากตอบคำถาม ซึ่งเมื่อลงคะแนนที่ประชุมก็เลือก “นพ.วีระพันธ์” ด้วยคะแนนเสียงข้างมาก 15 ต่อ 6 เสียง ให้นั่งเป็นประธาน งานนี้ก็คงต้องติดตามผลงานของ กมธ.ชุดนี้กันให้ดี เพราะเรียกว่ามีตัวจี๊ดที่น่าจับตามองมากมาย นอกเหนือจาก “อาจารย์จรัญ” แล้วก็ ยังมี “แก้วสรร อติโพธิ” อดีต คตส., เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีต สว. และคำนูณ สิทธิสมาน ร่วมอยู่ด้วย...๐

ทิ้งท้ายด้วยข่าวที่ชาวบ้านเขาเริ่มบ่นกันแล้วสำหรับ สว.สำรองที่นำโดย “พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว” ที่มายื่นเรื่องที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อทวงถามในความคืบหน้าในคดีฮั้วเลือก สว. ซึ่งที่ชาวบ้านเขาบ่นกันมาคือจะมาทวงถามทุกอาทิตย์ หรืออาทิตย์เว้นอาทิตย์ไม่ได้นะจ๊ะ ที่สำคัญเรื่องนี้ก็เป็นคดีของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รวมถึงคดีเกี่ยวพันอยู่ที่ศาลรัฐธรรนูญด้วย ฉะนั้น บรรดา สว.สำรองอดใจรอหน่อยเถิด อย่าขยันจนออกหน้าออกตามากนักจ้า...๐

 

ท.ศักดิ์

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

บันทึกในวันที่การเมืองเรื่องศึกเลือกตั้งใหญ่ 8 ก.พ.2569 คึกคักๆ ไม่มีการกั๊กกันอีกต่อไป ...0

บันทึกหน้า 4

ถึงคิว "พรรคส้ม" หลังประชาธิปัตย์ประเดิมเปิด 100 รายชื่อปาร์ตี้ลิสต์เป็นพรรคแรก ถึงแม้จะเป็นการเรียงตามตัวอักษร ไม่ใช่เรียงลำดับที่แท้จริงก็ตาม พอเดากันได้ว่า 3 อันดับแรก น่าจะเป็น 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

บันทึกหน้า 4

ต้องบอกว่าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ณ วันนี้ยังคงร้อนแรงอยู่อย่างต่อเนื่อง ก็อย่างที่เคยบอกไว้แล้วว่า หาก “ระบอบฮุน เซน” ไม่ตายจากดินแดนเขมร ก็ยากหาความสงบลงได้

บันทึกหน้า 4

ปี่กลองเลือกตั้งดังสนั่น หลังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดให้วันอาทิตย์ที่ 8 ก.พ.2569 เป็นวันเลือกตั้ง สส. ส่วนวันที่ 27-31 ธ.ค.2568 เป็นวันรับสมัคร สส.แบ่งเขตเลือกตั้ง 28-31 ธ.ค.2568 วันรับสมัค สส.บัญชีรายชื่อ ส่วนการทำประชามติเรื่องยกเลิกMOU 43 และ MOU 44 คงไม่มีแล้ว โดย นายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล

บันทึกหน้า 4

ขอเข้าโหมดเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ หลังคำสั่งยุบสภาเมื่อ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้สนามการเมืองที่อุ่นๆ กลายเป็นเตาแก๊สเปิดไฟแรงในพริบตา เลือกตั้งต้นปี 2569 ยังไม่ทันมาถึง แต่เกมช่วงชิงอำนาจเริ่มเดือดเกินองศา

บันทึกหน้า 4

บันทึกตอกย้ำบรรทัดแรกว่า "ไทยนี้รักสงบ!!" จากวันแรกที่มีสยามประเทศ ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศผู้รุกรานเชิงจักรวรรดินิยม ไม่เคยสร้างอาณานิคมในต่างแดน เราจะลุกขึ้นสู้เพื่อป้องกันตนเอง หรือตอบโต้ เพื่อการรักษาดินแดนของตัวเองเท่านั้น