หว่ออ้ายหนี่

เป็นอีกสัปดาห์ที่ภารกิจ “นายกฯ อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตารางแน่นงานเต็มทุกวัน

ต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมาบินไปราชการที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ กลับมาถึงไทยก็บินต่อไปร่วมเวทีประชุมสุดยอดอาเซียน ที่ประเทศมาเลเซีย และบินกลับไทยมาก็เข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ที่รัฐสภา ซึ่งประชุมยาวจนถึงวันเสาร์

นอกจากนี้ยังมีภารกิจการประชุมติดตามงานด้านต่างๆ การมอบนโยบาย รวมถึงไปเปิดงานและกล่าวปาฐกถา

ซึ่งล่าสุดในงานครบรอบความสัมพันธ์ทางการทูต 50 ปีของประเทศไทยและจีน ได้จัดกิจกรรมเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูต ที่มีนายกฯ อิ๊งค์ไปเป็นประธานเปิดงาน “สวัสดี หนีห่าว” ภายในงานมีเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน และได้มีการเชิญสื่อมวลชนจากจีนร่วมงานจำนวนมาก

ด้านนายกฯ อิ๊งค์ เมื่อขึ้นเวทีได้กล่าวถึงด้านการท่องเที่ยว ที่ถือเป็นหนึ่งในสะพานสำคัญที่เชื่อมโยงไทยและจีนเข้าหากันอย่างลึกซึ้ง เพราะการเดินทางที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่เพื่อมาท่องเที่ยว แต่คือการเดินทางของมิตรภาพและวัฒนธรรม ทำให้ผู้คนทั้งสองฝั่งไปมาหาสู่กันด้วยรอยยิ้มและความอบอุ่น

และในรอบปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามาในประเทศไทยถึง 6.7 ล้านคน ถือเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวอันดับที่ 1 ของไทย นับเป็นผลจากนโยบายสนับสนุนการท่องเที่ยวของทั้ง 2 ประเทศ โดยเฉพาะในปีนี้ที่รัฐบาลไทยประกาศให้เป็น “Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year” ยกระดับคุณภาพการท่องเที่ยว

ช่วงหนึ่งนายกฯ อิ๊งค์เล่าว่า วัฒนธรรมของไทยและจีนคล้ายกัน คนก็คล้ายกัน ก่อนหน้าที่ตนจะมาเป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีโอกาสไปเมืองจีน มีคนจีนมาพูดภาษาจีนกับตนตลอด สงสัยตนคงจะคล้ายคนจีน อีกทั้งเลือดเนื้อเชื้อไขของคนไทยที่เป็นเชื้อสายจีนมีเยอะ จึงมีความผูกพันใกล้ชิดทางวัฒนธรรม 

และสร้างความประทับใจให้แขกผู้ร่วมงาน เมื่อนายกฯอิ๊งค์กล่าวเป็นภาษาจีนว่า “สวัสดี หนีห่าว” ก่อนเรียกรอยยิ้มด้วยการกล่าวคำว่า “หว่ออ้ายหนี่” ที่แปลว่าฉันรักคุณ  จังหวะนี้ทำเอาแขกผู้ร่วมงานชาวจีนต่างปรบมือสนั่น

งานนี้นายกฯ อิ๊งค์หยอดคำหวาน บอกคำรักกระชับสัมพันธ์ไทย-จีน แนบแน่นยิ่งขึ้นไปอีก.

บรรจง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘ดวงเฮงแม้จมบ๊วย’

ก่อนอื่นต้องขอสวัสดีปีใหม่ล่วงหน้า หลายคนเริ่มออกเดินทางไปเที่ยวกันแล้ว ยกเว้นนักการเมืองที่ยังวุ่นกันสุดๆ ในตอนนี้ เพราะสถานการณ์บ้านเมืองบีบคั้น เนื่องจากมีการยุบสภาเพื่อให้เกิดการเลือกตั้งในช่วงนี้

‘ขออะไรทำให้หมด’

ช่วงนี้เข้าสู่เทศกาลหาเสียงเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ เพราะได้มีการจับหมายเลขกันแล้วเรียบร้อย ซึ่งแต่ละพรรคการเมืองต่างก็กระจายสรรพกำลังลงพื้นที่หาเสียงทั่วทั้งประเทศ

สู้ครั้งสุดท้าย

สนามเลือกตั้งคึกคักทั่วไทย หลังผู้สมัครและทุกพรรคจับเบอร์กันเรียบร้อย ก็ลุยหาเสียงทันที ทั้งพรรคเล็ก พรรคใหญ่ ต่างงัดกลยุทธ์และไม้เด็ดต่างๆ มาสู้คู่แข่ง ที่สำคัญคือนโยบาย ตัวผู้สมัคร และตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของแต่ละพรรค ที่จะช่วยกันโกยคะแนน งานนี้ทุกพรรคต่างฟิตสู้ศึกรอบนี้

หลายคนนับถือหัวใจ

ถือว่าสะเทือน หลัง ลุงป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ประกาศถอนตัวจากการเป็นแคนดิเดตพรรคพลังประชารัฐ ด้วยเหตุเรื่องสุขภาพ ทำให้ว่าที่ผู้สมัคร สส.หลายคนถือจังหวะกระโดดหนีไปหาต้นสังกัดใหม่เพื่อลงสมัครรับเลือกตั้ง สส.ในครั้งนี้

เข้าใจคนชายแดน

ถ้าเอ่ยชื่อ กวาง–ไตรศุลี ไตรสรณกุล นาทีนี้ หลายคนคงนึกถึงเลขาธิการนายกรัฐมนตรีหญิงของ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ที่ทำงานเงียบ สุขุม แต่เดินเกมเร็ว ไม่หวือหวา ทว่าจับงานอยู่หมัด

เปิดซีเกมส์อีกรอบ

การเมืองช่วงนี้ทำให้เราเหนื่อยมากพอแล้ว ย้ายมาวงการการเมืองผสมกีฬาหน่อย ช่วงนี้ใครๆ ก็พูดถึง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีคนเก่งของเรา ที่ไปสร้างตำนานโป๊ะแตกในงานพิธีปิดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่ราชมังคลากีฬาสถาน กรุงเทพฯ นี่เอง