
กระแส “พรรครวมไทยสร้างชาติ” หรือ รทสช.ยังมาแรงต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้ รทสช.กลายเป็นพรรคร่วมฯ อันดับ 2 มี 36 เสียง ทุกสายตาต่างจับจ้องทุกความเคลื่อนไหวของ รทสช. ทั้งเรื่องมติพรรคให้เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี ถ้าเป็นนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตพรรคเพื่อไทย สามารถรับได้
นอกจากนี้ยังต้องจับตาโควตาเก้าอี้รัฐมนตรีที่คาดว่า รทสช.จะยังได้ 4 เก้าอี้เท่าเดิม แต่ทว่าต้องเกลี่ยเป็นสองส่วน คือให้กลุ่มของนายพีระพันธุ์ 2 เก้าอี้ และกลุ่มของนายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค รทสช.
ที่แยกตัวจากนายพีระพันธุ์ไปตั้ง “กลุ่ม 18” อีก 2 เก้าอี้ รวมถึงกระแสนายพีระพันธุ์และนายสุชาติวิ่งเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้า คุยเรื่องเก้าอี้รัฐมนตรีกับนายใหญ่ ขณะเดียวกันยังมีกระแสว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ให้คำตอบกับ รทสช.แล้วว่าจะลาออกจำตำแหน่งเมื่อผ่านงบประมาณปี 69 เรียบร้อย
เรียกว่าทุกกระแสพุ่งเป้ามาที่ “หัวหน้าตุ๋ย พีระพันธุ์ แต่จนถึงปัจจุบันไม่ได้ยินคำตอบหรือการชี้แจงจากปากนายพีระพันธุ์แต่อย่างใด มีเพียงคนรอบข้างที่ออกมาแสดงความเห็นบ้าง
ส่วนเจ้าตัวนั้นไม่ว่าจะมีกระแสอะไร อย่างไร ก็ยินดีรับฟัง แต่ก็ขอทำหน้าที่ในการทำงานอย่างเต็มที่ก่อน
ล่าสุด มีสายรายงานว่าท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่ขยับปรับเปลี่ยน แต่ “ตุ๋ย พีระพันธุ์” ในฐานะเจ้ากระทรวงพลังงาน ยังนั่งทำงานนิ่งๆ สีหน้าเคร่งเครียดจ้องหน้าจอคอมพ์ยามดึก บนห้องทำงานตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล โดยเป็นการเร่งทำกฎหมายด้านพลังงานให้เสร็จสิ้นตามที่ตั้งใจไว้
ทั้งนี้ สำหรับกฎหมายด้านพลังงานที่ “ตุ๋ย พีระพันธุ์” เร่งทำในขณะนี้จนใกล้เสร็จสิ้นตามขบวนการ เป็นไปตามนโยบาย “รื้อ ลด ปลด สร้าง” ของพรรค รทสช. ที่สำคัญมี 3 ฉบับ คือ
พ.ร.บ.ควบคุมกิจการน้ำมัน , พ.ร.บ.สำรองน้ำมันเชิงยุทธศาสตร์ (SPR) และ พ.ร.บ.ส่งเสริมไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่มีการระบุว่าจะทำให้ประเทศมีความมั่นคงด้านพลังงาน ให้คนไทยได้ใช้พลังงานที่ถูกลงในระยะยาว และกฎหมายเหล่านี้เองที่ถูกมองว่าทำให้กลุ่มผู้เสียประโยชน์รัวกระสุนใส่พีระพันธุ์
งานนี้ไม่ว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะร้อนแรงแค่ไหน “หัวหน้าตุ๋ย” ก็ยังคงคอนเซปต์ขอมุ่งทำงานก่อนเหมือนเดิม.
บรรจง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ไผ่' มา 'ไอซ์' ไป
การเลือกตั้งครั้งนี้คึกคัก หลายพรรคเนื้อหอม มีนักการเมืองทยอยมาสมัครไม่ขาดสาย หนึ่งในนั้นคือพรรคกล้าธรรมของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรค ที่ราวกับมีแม่เหล็กดึงดูดบรรดา สส.
‘เซนส์’ ที่ดี
นอกจาก “นายกฯ หนู” อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีคนที่ 32 จะเป็นคนเหนือโพล ดวงดี และจังหวะตัดสินใจทางการเมืองดีแล้ว
'เสือกระดาษ' ยามสงคราม
สถานการณ์ชายแดนไทย-เขมรยังคงเดือดขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่เดือน ก.ค. 68 ที่ปะทะกันแถวปราสาทตาเมือนธม จนเลือดตกยางออก พลเรือนไทยเจ็บตายระนาว โรงพยาบาลโดนถล่ม แต่ทำไม คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)
“พบกันในสนามอ่างทอง”
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนที่จะมีการยุบสภา ในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันที่ 10 และ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา
สู้เต็มที่
เตรียมพร้อมเข้าสู่สนามเลือกตั้งกันทุกพรรคในเวลานี้ ภายหลังรัฐบาลประกาศยุบสภา ซึ่งหนึ่งในพรรคที่พร้อมสู้ศึกเลือกตั้งมากคือ พรรครวมไทยสร้างชาติ ของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค ที่ก่อนหน้านี้ได้ร่อนแถลงการณ์ทันที โดยมองว่าการยุบสภาไม่ส่งผลดีต่อการแก้ไขปัญหาหลายสถานการณ์ที่รุมเร้าประเทศ
‘เสี่ยโอ๋’ ทำพรรคเอง
ปลีกตัวออกจาก ลุงป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หลังอยู่ช่วยงานพรรคมาตั้งแต่ปี 2562 ทุ่มเทไม่ว่าจะสวมบทบาทฝ่ายนิติบัญญัติ หรือฝ่ายบริหาร

